เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - ตอนที่ 202 นายหาเงินเร็วดีนะ
บทที่ 202 นายหาเงินเร็วดีนะ
เหมือนกับเวอร์ชั่นทดลอง …ที่ต้องถูกสแกนตรวจก่อน
เมื่อรับรู้ถึงพลังงานตอนสแกน ซูเย่ก็ครุ่นคิด…ในครั้งนี้เขาไม่ได้ปิดบังพลังที่แท้จริง แสดงระดับสองเปิดหนึ่งจุดลมปราณพร้อมเดินผ่านน้ำตกไปอย่างเคยชิน เข้าสู่ Fantasy Dream อีกครั้ง
พอได้เข้ามา สิ่งที่คุ้นเคยที่สุดคือการถือดาบไปจัดการปีศาจต้นไม้ระดับ 31
หากใช้สายตากวาดมองโดยรอบจะเห็นผู้ฝึกยุทธ์จับกลุ่มสองถึงสามคนไปฆ่ามอนสเตอร์…
และถึงแม้ว่าผู้เล่นที่ฝึกตนจะแข็งแกร่งกว่าโดยกำเนิด แต่พวกมอนสเตอร์มันฆ่ายากจริง ๆ และยิ่งไปกว่านั้นความเจ็บปวดยามถูกโจมตีมันก็ทรมานมากจริง ๆ ดังนั้นจึงยากที่จะโซโล่เดี่ยว ทุกคนจึงจับกลุ่มอย่างหมดหนทาง
นอกจากนี้กลุ่มพวกนั้นยังมีผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งขึ้นเลเวล 30 ก็จับกลุ่มกันสิบกว่าคนไปฆ่ามอนสเตอร์เช่นกัน
ซูเย่แบกดาบเล่มใหญ่ เดินตรงไปยังเบื้องหน้าของปีศาจต้นไม้เปลือกหนา
“ฉับ!”
ซูเย่สะบัดมือขวา ดาบเล่มใหญ่ก็ตวัดโดนจุดตายของปีศาจต้นไม้โดยทันที…
หนึ่งดาบตัดชีวิตภายในชั่วพริบตา…
บริเวณโดยรอบ …ทุกคนล้วนตะลึงพรึงเพริด
ไม่เพียงแค่ผู้เล่นธรรมดาที่ตะลึง ผู้เล่นที่ฝึกยุทธ์เองก็เช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นคนธรรมดาหนึ่งคนที่มีชุดอุปกรณ์ธรรมดาในมือถือดาบผู้เล่นใหม่เล่มใหญ่กลับท้าทายปีศาจต้นไม้เพียงคนเดียว ซึ่งแต่เดิมกะว่าจะยืนรอเพื่อหัวเราะเยาะอีกฝ่าย
แต่เขากลับจัดการมอนสเตอร์ได้ในชั่ววินาที??
ตามที่รู้มา มีเพียง X เท่านั้นที่สามารจัดการมอนสเตอร์ได้ในหนึ่งดาบ?
แต่ X อยู่ที่เลเวล 40 แล้ว นี่ไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน แล้วไอ้คนนี้เป็นใคร?
ผู้เล่นที่ฝึกยุทธ์รู้สึกว่าค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตาคนคนนี้
ทุกคนเริ่มสแกนชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า…
“ ‘เวรกรรม’ ทำไมถึงตั้งชื่ออะไรแปลกๆ ขนาดนี้ฮะ?”
เมื่อมองเห็นชื่อนี้ ท่ามกลางความตกตะลึงทุกคนก็กระจ่างแจ้งโดยพลัน
“ที่แท้แล้วคือ ‘เจ้าเวรกรรม’ นี่เอง คนที่ก่อนเลเวล 30 ได้กระทบไหล่กับเทพ X มิน่าละ…”
“หายหน้าหายตาไปเสียนาน กลับมาเล่นแล้วสินะ”
“เขาเพิ่งเลเวล 30 นี่…เพิ่งเข้ามางั้นเหรอ?”
มีการพูดคุยกันมากมายในหมู่ผู้คน และหนึ่งในนั้นมีความขุ่นเคืองแวบผ่านในสายตาของเขา ก่อนที่จะทำการกระจายข่าวอย่างเงียบๆ ว่า ‘เจ้าเวรกรรม’ กำลังออนไลน์ไปให้คนกลุ่มหนึ่ง…
“เจอ ‘เจ้าเวรกรรม’ ตำแหน่งอยู่ที่นี่ มาเร็ว”
ซูเย่ที่เคยชินกับการจ้องมองที่แปลกๆ ของผู้เล่นยังคงฟันมอนสเตอร์ต่อไป
หลังจากฟันมอนสเตอร์ไปสามตัว เขาก็ได้ขึ้นสู่เลเวล 31 แล้วในตอนนี้
“ตึก ตึก” เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบไหล่บ่ามาจากทั่วสารทิศ
“ตึกตึกตึก” เจ้าของเสียงพวกนั้นเข้าปิดล้อมซูเย่เอาไว้กลางวง
ซูเย่ดูอย่างงุนงงและพบว่าเป็นสหายเก่า ที่แท้หัวโจกก็เป็น ‘เมาโก่วจู่เหริน’ (หัวหน้าแมวและสุนัข) หัวหน้าจากพรรคถู่เมาเมี่ยโก่ว(ฆ่าหมาแมวให้แดดิ้น) ที่ถูกเขาสั่งสอนบนเวทีประลองนี่เอง…
เด็กหนุ่มถูกปิดล้อมไปด้วยสมาชิกพรรค
และข้างๆ เขาก็คือสหายเก่าอีกคนหนึ่งที่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิ
‘หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง’ (ฉันกำลังโบยบิน)
ซูเย่ “……”
“เจ้าเวรกรรม ในที่สุดฉันก็หาแกเจอ และวันนี้แหละที่ฉันจะทำให้แกได้เป็นเจ้ากรรมของจริง!”
ศัตรูของเขาไปอยู่ด้วยกันแล้วงั้นเหรอ… ?
“เจ้าเวรกรรม” เมาโก่วจู่เหรินยิ้มแย้มอย่างยินดีพลางกล่าว “ก่อนหน้านี่แกเก่งมากนักไม่ใช่เหรอ วันนี้ถ่อมาถึงที่นี่ ฉันจะทรมานทารุณกรรมแกเอง ความเจ็บปวด 90 %…”
พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็นึกถึงผู้ฝึกยุทธ์ ‘หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง’ ที่อยู่ข้าง ๆ
เกือบลืมกฎข้อแรกของผู้ฝึกยุทธ์ นั่นคือห้ามเปิดเผย จึงรีบหยุดพูด
“มีอะไรก็พูดมา อย่าเยิ่นเย้อให้มากความ” ซูเย่เหลือบมองคนเหล่านี้พลางกล่าว
“ไม่เยิ่นเย้อ ฉันรู้ว่าแกเก่ง” เมาโก่วจู่เหรินกล่าวพลางยิ้มเย็น “พวกเราเอาชนะแกไม่ได้หรอก แต่แกอย่าลืมว่าที่นี่คือเขตเลเวล 30 แกคือระดับต่ำสุดของที่นี่”
“นี่คือเทพที่อยู่ในอันดับสอง ‘หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง’ เขาไม่เพียงมีอุปกรณ์ขั้นสูงแต่ยังมีทักษะการต่อสู้ ให้เขาจัดการแกสักหน่อยเป็นไง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…!” กล่าวถึงตรงนี้ เมาโก่วจู่เหรินเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“วางใจเถอะ ฉันไม่ให้แกตายง่ายๆ แบบนั้นหรอก ฉันจะตั้งใจทรมานแกเป็นอย่างดี ฉันจะทำให้แกอยู่ไม่สู้ตาย…!” เสียงหัวเราะของเมาโก่วจู่เหรินหยุดลง ก่อนที่เจ้าตัวจะตะโกนออกมาด้วยท่าทางที่บ้าคลั่ง
ความโกรธและความคับแค้นใจที่ถูกสะกดไว้ในอกตั้งแต่บนเวทีประลองถูกปลดปล่อยออกมา…เขารอเวลานี้มานานแล้ว !
ความเจ็บปวด 90% ‘เจ้าเวรกรรม’ แกตายแน่!
แม่เจ้าโว้ย…เผือกชิ้นใหญ่!
ผู้เล่นที่อยู่รายล้อมได้ค้นพบเรื่องน่าสนใจขึ้นทางนี้ และรับชมอย่างเพลิดเพลิน
คนหนึ่งเป็นเทพของเลเวลก่อน 30 และอีกคนหนึ่งคือ ‘หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง’ ที่อยู่รั้งอันดับสอง…
จะมีฉากล้างแค้นไหมนะ?
มันน่าตื่นเต้นจริงๆ!
“ หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง VS เจ้าเวรกรรม การประลองกำลังจะเริ่มต้นขึ้น”
ผู้เล่นบางคนถึงกับบันทึกภาพหน้าจอ เพื่อไปกระจายข่าวบนเว็บบอร์ดด้วยความเร็วแสง
ทันทีที่โพสต์ถูกเผยแพร่ ก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนนับไม่ถ้วนในทันที
“บัดซบ อดีตเทพผู้ยิ่งใหญ่ ‘เจ้าเวรกรรม’ ที่หายตัวไปหลายวัน ในที่สุดก็ออนไลน์แล้ว!”
“หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงประลองกับเจ้าเวรกรรมเหรอ? ไม่ได้มั่วใช่ไหมเนี่ย ตอนนี้เขาเป็นอันดับสองนะ ส่วนเจ้าเวรกรรม.. เพิ่งเลเวล 31 เอง จะตีกันงั้นเหรอ?!”
“หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงท้าตีแต่กับพวกคนดังจริงๆ ด้วย!”
“นี่มันเผือกชิ้นใหญ่…ตีกันยัง?! ตีกันยัง?! ถ้ายังช่วยบอกพิกัดด้วย…ฉันจะไปปูเสื่อรอดู”
“ฉันไปด้วย!”
มีผู้เล่นส่งพิกัดมา
“ตึกตึก”
ในโลกเกม ผู้เล่นหลายคนมุ่งหน้ามายังที่เกิดเหตุอย่างเร่งรีบ
หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงก้าวไปข้างหน้าพลางจ้องมองที่ซูเย่อย่างตั้งใจ
“เจ้าเวรกรรม… ได้ยินชื่อมานาน…”
“ได้ยินชื่อมานานเช่นกัน…”
ซูเย่กล่าว “ผมเคยเห็นคลิปที่คุณประมือกับ X ”
หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงหน้าเปลี่ยนสีพลัน กำกระบี่ในมือแน่น “คุณรู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับเขาไหม”
ซูเย่จงใจปั้นหน้าฉงนพลางเอ่ยถาม “ไม่รู้…แล้วก็ไม่สนใจ…”
หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงโบกไม้โบกมือ มองซูเย่อย่างเฉยเมยพลางพูดอย่างราบเรียบ “ฉันแค่รับเงินแล้วทำตามคำสั่ง ไม่ถามนอกเรื่อง…”
“เท่าไหร่…?”
“หนึ่งแสน”
“โอ้…!”
ซูเย่พูดขึ้นทันใด “งั้นนายคงหาเงินเร็วดีนะ โดนอัดหนึ่งรอบก็ได้หนึ่งแสน”
ขณะพูดก็ยกนิ้วโป้งส่งให้อีกฝ่าย
“ว้าว!” ผู้คนโดยรอบส่งเสียงฮือฮา
ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม!
หากพวกเขาเผชิญหน้ากับเทพที่อยู่อันดับสองในตารางจัดอันดับ ทั้งยังถูกกดดันทั้งจากระดับ อุปกรณ์ หรือทักษะการต่อสู้ พวกเขาคงขลาดกลัวไปนานแล้ว…
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าเวรกรรมกลับสามารถพูดคำที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างมั่นใจ!
“OMG!”
หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงเลือดขึ้นหน้าทันที
แม่งเอ้ยแพ้ท่าให้ X ก็แล้วไปเถอะ แล้วแกเก่งมาจากไหนวะ! ก็แค่ก่อนหน้าเลเวล 30 อัพเลเวลได้เร็วกว่าปกติแค่นั้น ตอนนี้ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนดังจริง ๆ รึไง?!
ตอนนี้ ฉันเป็นผู้เล่นอันดับสองที่มีเลเวล 36 อัดแกคนเดียวมันก็เหมือนกับเล่นสนุกน่ะแหละ…!
“เตรียมรับมือกับความโกรธของฉันให้ดี!” หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงกล่าวอย่างเย็นชา
เมาโก่วจู่เหรินมองทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างตื่นเต้น รีบตีกันสักทีสิ! เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นซูเย่กรีดร้องเหมือนกับแมวหมาข้างถนน…!
หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงเหวี่ยงดาบและพุ่งเข้าหาซูเย่
แสงดาบเงากระบี่!
นี่คือทักษะที่สองที่เขาแลกมา…
พลังของทักษะการต่อสู้นี้อยู่ที่การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและพลังโจมตีที่สูง
ก่อนหน้านี้ที่เลือกทักษะนี้มาก็เพราะจะเอามาจัดการกับ X โดยเฉพาะ…ไม่คิดว่าจะได้ใช้มันกับเจ้าเวรกรรม
“การสิ้นใจภายใต้คมกระบี่ของของฉันถือเป็นเกียรติของแกแล้ว!”
ทันใดนั้น!
ในตอนที่เขาตวัดกระบี่ยาวในมือ โจมตีไปที่ร่างของซูเย่
“ฟิ้วว…”
มีเสียงลมหวีดหวิวดังขึ้น
หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงจึงยันกายขึ้น พร้อมกับมีแสงดาบเงากระบี่พาดผ่านไปทั่วท้องฟ้า และในตอนที่เกือบจะปกคลุมซูเย่อย่างสิ้นเชิง เด็กหนุ่มก็พลันยกดาบมือใหม่ในมือขึ้น
มีดเล่มใหญ่ในมือแหวกผ่านแสงดาบเงากระบี่ ฟันลงบนไหล่ของหว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียง
“ฉึก!”
เรี่ยวแรงอันมหาศาลตวัดฟันหว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงจนล้มลงกับพื้นในทันที
โดยไม่รอให้ฝ่ายตรงข้ามต่อต้าน…
ซูเย่หยิบดาบเล่มใหญ่ของเขาเดินไปที่ไหล่ของคู่ต่อสู้แล้วแทงลงไปอย่างแรง ตรึงอีกฝ่ายไปกับพื้นเสียเลย
ไม่มีกลิ่นคาวเลือด…ไม่มีความรุนแรง…
แต่มันน่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
เมื่อเห็นฉากนี้ในสายตา เมาโกว่จู่เหรินกับคนอื่นๆ ก็ถึงกับตัวสั่นและหน้าซีดเผือด…
ถ้าดาบนี้ก็แทงลงบนตัวพวกเขาจะเกิดอะไรขึ้น?
จะเจ็บปวดแค่ไหน?
หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงมองไปที่ซูเย่ด้วยดวงตาเบิกกว้าง และร่างกายของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป
ทำไม? ทำไม?
ทำไมแค่กระบวนท่าเดียวอีกแล้ว?!
มันเป็นเพราะอะไรกันแน่…?
บริเวณรอบ ๆ
ผู้คนล้วนตะลึงค้าง…
“จบแล้วเหรอ?”
“นี่มันเร็วเกินไปไหม?”
“พี่เฟยเสียงดับภายในหนึ่งกระบวนท่าอีกแล้วเหรอ?”
“นี่มันอะไรกัน…เจ้าเวรกรรมกับ X เก่งพอๆ กันงั้นหรือ?!”
“แม่เจ้า!”
เมาโกว่จู่เหรินและลูกน้องคนอื่นๆ มองเห็นร่างของ หว่อเจิ้งจ้ายเฟยเสียงค่อยๆ เลือนหายไป ทุกคนล้วนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หนึ่งแสนหยวนถูกฟันหนึ่งดาบก็หายไปเสียแล้ว…
นี่คือระดับความสามารถของอันดับสองงั้นเหรอ?
“ตึกตึกตึก”
เมาโกว่จู่เหรินพาคนที่เหลือ 100 คนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาพากันมองไปที่ซูเย่ด้วยความตื่นตระหนก
แต่เดิมพรรคถูเมาเมี่ยโกว่มีคนอย่างน้อยสามร้อยคน แต่เมื่อพวกเขาอยู่บนเวทีประลอง พวกเขากลับถูก ‘เจ้าเวรกรรม’ อัดเละจนทำให้บางส่วนออกจากพรรคไป…
จนสุดท้ายเหลือเพียงร้อยคนเท่านั้น!
คนมากกว่า 300 คนยังเอาชนะซูเย่ไม่ได้ แล้วตอนนี้พวกเขาจะยังเอาชนะได้งั้นเหรอ?
“อยากลองดูมั้ย?”
ซูเย่ยิ้มและมองทุกคนในพรรคที่นำโดยเมาโกว่จู่เหริน ก่อนจะเขียนตัวเลข 90 ด้วยนิ้วบนอากาศ
ผู้เล่นธรรมดาไม่รู้ว่าทำไม แต่เมาโกว่จู่เหรินและคนอื่นๆ สั่นสะท้านไปทั้งตัวทันที
พวกเขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร
ความเจ็บปวด 90%!
“ตั้งราคามาเถอะ” เมาโกว่จู่เหรินพยายามฝืนพูดอย่างมีกำลังใจ
ผู้คนที่อยู่ข้างหลังเขายังมองไปที่ซูเย่อย่างคาดหวัง…
พวกเขากลัวจริงๆ
ความเจ็บปวดบนเวทีประลองมีเพียง 50% และตอนนี้พวกเขาจะต้องเจอกับความเจ็บปวด 90%!
ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่คิดว่าจะทนได้!
“ของบางอย่างใช้เงินเป็นตัววัดไม่ได้หรอกนะ!”
ซูเย่ยิ้มเล็กน้อย…
“บางเรื่องจะจำได้ก็ต่อเมื่อเจอความเจ็บปวดเท่านั้น!”
พูดจบ ซูเย่ก็กระโจนเข้าไปในกลุ่มคน
“ฉับ! ฉึ่บ! แคว่ก!”
เงาดาบพาดผ่านไป…
เสียงตวัดดาบดังครั้งแล้วครั้งเล่า…
พวกมันอยากจะรวมตัวกันโจมตีซูเย่ แต่ทำยังไงก็ไม่โดนแม้แต่ปลายเล็บ
ทุกครั้งที่แสงดาบแวบผ่าน ก็จะมีหนึ่งคนที่ถูกฟันล้มลงบนพื้น
“อ้ากก”เสียงร้องอย่างทรมานดังมาจากเขต 31 อย่างต่อเนื่อง ผู้เล่นที่อยู่บริเวณโดยรอบมุ่นคิ้วอย่างฉงนใจ
“คนพวกนี้เป็นบ้ารึเปล่า ร้องอะไรกัน นี่มันเกมส์เจ็บจริงซะที่ไหน?!”
“แต่พวกเขาดูเจ็บปวดมากเลยนะ…”
“นี่มันฮ่องกงฟิล์มอวอร์ด สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาเองรึเปล่า?”
“แสดงได้ไม่เลว…”
“ดูคนนั้นสิ ราวกับว่ามีความเจ็บปวดออกมาจากตาแน่ะ น้ำตาแทบจะไหลลงมาแล้ว”
“นั่นก็ไม่เลว หน้าของเขากำลังกระตุก เก็บรายละเอียดการแสดงได้ดีมาก
แน่นอนว่าเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อแสดงฉากนี้ให้ดี”
“ว้าว ดูหัวหน้าพรรคถูเมาเมี่ยโกว่สิ ฉากร้องไห้เจ๋งมาก! ขาเขากำลังสั่น อีกนิดคงจะฉี่ราดเลยรึเปล่า?”
ผู้เล่นธรรมดาสองสามคนมองดูพวกที่ล้มลงกับพื้น ร้องไห้คร่ำครวญ พวกเขาต่างก็แสดงความคิดเห็นและกล่าวชื่นชม
ในเวลาไม่นาน
พรรคถูเมาเมี่ยโกว่นับร้อยคน ก็เสียชีวิตไม่เหลือสักคนเดียว…
ทั้งหมดที่ถูกฆ่าถูกพากลับเข้าเมือง…
หัวหน้าพรรคถูเมาเมี่ยโกว่ที่ถูกซูเย่บีบคออยู่ ถูกหมัดกระแทกที่ศีรษะของเขาอย่างแรง โดนต่อยจนตาย หลังจากทำทั้งหมดนี้ ซูเย่ยิ้มอย่างเย็นชาและยังคงฟันมอนสเตอร์อัพเลเวลต่อไป…
แต่บนเว็บบอร์ดแทบจะระเบิดกันอยู่แล้วในตอนนี้…!