เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - ตอนที่ 193 ลูกค้าแน่นร้านเป็นครั้งแรก
บทที่ 193 ลูกค้าแน่นร้านเป็นครั้งแรก
ในห้องครัว
พ่อครัวเก่าแก่คนหนึ่งในทีมพ่อครัว เห็นรายการที่สั่งกะหล่ำปลีเพิ่ม ก็รู้สึกตกใจเช่นกัน
“ผัดเผ็ดกะหล่ำปลีหนึ่งจาน ได้รับเสียงตอบรับดีเพียงนี้เชียวหรือ”
“หรือว่าฝีมือของฉันดีขึ้นแล้ว”
ภายใต้อาการตกตะลึง พ่อครัววัยสี่สิบกว่าก็เริ่มทำอาหารด้วยความรวดเร็วผัดออกมาหนึ่งจาน ตอนที่เทลงจาน เหลือไว้ให้ตัวเองสองชิ้นในกระทะ รออาหารเสิร์ฟออกไป ก็หยิบตะเกียบคู่หนึ่งขึ้นมาคีบเข้าปาก
“เอ๊ะ”
“รสชาตินี้ทำไมถึงไม่เหมือนกะหล่ำปลีปกติ ทำไมอร่อยขนาดนี้” พ่อครัวตะลึงไปชั่วขณะ
ในภัตตาคาร
ลูกค้าโต๊ะแรกสั่งกะหล่ำปลีไปเสียหลายจาน
ในที่สุดหลังจากกินจนอิ่มท้อง ถึงได้พากันลุกออกไป และหญิงสาวหน้าตาดีหนึ่งในนั้น ก่อนลุกออกไปได้ถ่ายรูปอาหารเหลือบนโต๊ะหนึ่งรูป แล้วโพสต์ลงบนไทม์ไลน์
“เสาะหาของกินทั่วทิศ กินอาหารโอชามากมาย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะแพ้ต่อผัดเผ็ดกะหล่ำปลีหนึ่งจาน” แนบรูปภาพลงไป พร้อมกับรูปเซลฟีของตัวเองอีกรูปที่ผ่านการตกแต่งรูปแล้ว
เมื่อโพสต์ลงไป ก็มีกลุ่มเพื่อนสาวมาคอมเมนต์ทันที
“กินเยอะขนาดนี้เลยหรือ”
“หลอกกันรึเปล่า”
หญิงสาวอ่านข้อความพลางส่งเสียงเหอะเหอะ แล้วตอบกลับทันที “มันอร่อยมากจริง ๆ แถมราคายังแรงจนกระเป๋าฉีก กะหล่ำปลีกหนึ่งจาน 88 หยวน พวกเธอเคยกินกันไหม?”
“อะไรนะ 88 ”
“ทำไมไม่ 100 เสียเลยละ”
“อย่าขี้โม้ไปเลยน่า”
คอมเมนต์ต่างความเห็นล้วนปรากฏขึ้น
พวกผู้ชายที่อยู่ในไทม์ไลน์ล้วนขำขันกับการเถียงกันไปมาของหญิงสาว
“คุ้มค่าจริง ๆ พวกคุณมาลองสิ เมนูใหม่ล่าสุดเพิ่งเริ่มโปรโมท สามวันแรก จากแรกกินฟรี จานที่สองลด40% ”
ตอนที่ตอบกลับ หญิงสาวคนนี้ก็ได้แชร์ตำแหน่งภัตตาคารหมิงหูไปด้วย
เวลานี้ มองดูกะหล่ำปลีที่ขายออกไปได้ไม่น้อยแล้ว
หวังหงฮวาก็ได้กลิ่นของโอกาสทางการค้า พลันต่อสายหาซูเย่
“ผมต้องการสั่งกะหล่ำปลี 500 จิน”
“ไม่สิ 700 จิน”
“คุณให้ทางนั้นจัดเตรียมไว้ พรุ่งนี้ผมจะให้คนไปขนแต่เช้า”
……
บ่ายวันถัดมา
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้าภัตตาคารของหงฮวา
“คุณลูกค้ากี่ท่านครับ” พนักงานเข้ามาสอบถาม
“แค่คนเดียว”
ชายวัยกลางคนพูดอย่างไม่กระดากอาย “ได้ยินว่าผัดเผ็ดกะหล่ำปลีของร้านพวกคุณขาย 88 หยวน วันนี้ผมมาเพื่อชิมอาหารจานนี้ อย่างอื่นไม่ต้อง เอาผัดเผ็ดกะหล่ำปลีหนึ่งจานให้ผมก็พอ”
ต้องการแค่กะหล่ำปลีงั้นเหรอ
หลังจากพนักงานจัดแจงที่นั่งให้ชายวันกลางคนเสร็จ ก็ไปรายงานหวังหงฮวา
หวังหงฮวาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็บอกให้ทำตามนั้น ยามนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจผลได้ผลเสีย จะต้องโปรโมท ให้รสชาติทำให้ลูกค้ายอมรับมากขึ้น
ชายวัยกลางคนมองสำรวจการตกแต่งภายในบริเวณโดยรอบ
เขาเป็นนักชิมอาหาร
เวลาปกติสิ่งที่ชอบทำที่สุดคือหาอาหารรสเลิศ เขียนบทความเกี่ยวกับอาหารเล็กน้อย เป็นที่รู้จักดีในแวดวงอาหารเมืองจี้หยาง เขาเคยได้ยินชื่อภัตตาคารหมิงหูมาก่อน ได้ยินมาว่าไม่อร่อย เลยไม่เคยมา
เมื่อวานส่องไทม์ไลน์เห็นผู้หญิงคนหนึ่งโพสต์ ผัดเผ็ดกะหล่ำปลีหนึ่งจาน 88 หยวน ดึงดูดความสนใจเขาได้สำเร็จ
เขาอยากจะเห็นว่า กะหล่ำปลีที่ขายได้ 88 หยวนแท้จริงแล้วเพราะเหตุใดถึงได้ขายแพงขนาดนี้!
“เถ้าแก่”
ขณะนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งเดินโหวกเหวกโวยวายเข้ามาในร้าน หนึ่งในคนกลุ่มนั้นตาลุกวาวมองเห็นหวังหงฮวา พลางเอ่ยถาม “วันนี้ผัดเผ็ดกะหล่ำปลีจานแรกฟรีอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ แน่นอนครับ” หวังหงฮวาที่เฝ้าเคาน์เตอร์อยู่แย้มยิ้มเอ่ยตอบ
ในใจพลันรู้สึกลิงโลด “ดีเลย”
พนักงานพาลูกค้าไปนั่งที่โต๊ะ เมื่อจัดการที่นั่งเรียบร้อย ลูกค้าก็พูดขึ้นมาทันที “ฉันต้องการกะหล่ำปลีผัดเผ็ดฟรีหนึ่งจานพร้อมส่วนลด 40% อีกห้าจาน พวกเราหกคนจะได้กินกะหล่ำปลีคนละหนึ่งจานพอดี แล้วเอาข้าวสวยอีกหกชาม อย่างอื่นไม่ต้อง ”
หลังจากพูดจบ เขาก็โบกมือ “รบกวนช่วยเสิร์ฟอาหารให้เร็วที่สุด ฉันหิวมากแล้ว”
พนักงานเสิร์ฟตกตะลึง เธอได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? เขาสั่งอาหารกันแบบนี้กันเหรอ?
ไปที่เคาน์เตอร์และขอคำแนะนำจากหวังหงฮวา เมื่อหวังหงฮวาได้ยิน เขาก็ยิ้มทันทีพร้อมกล่าว “เสิร์ฟอาหารตามคำขอของลูกค้า”
มุมหนึ่งของร้านอาหาร
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หรูหราริมหน้าต่างได้ยินและมองที่เกิดเหตุด้วยความประหลาดใจ
นี่ไม่ใช่หน้าม้าหรอกกระมัง?
ถ้าเป็นหน้าม้าจริง ก็มาเร็วไปหน่อยไหม?
หน้าม้าหกคนเพื่อตบตาเขาคนเดียว?
ในเวลานี้ กะหล่ำปลีผัดเผ็ดที่เขาสั่งไว้เสิร์ฟบนโต๊ะแล้ว
“ดูเหมือนกะหล่ำปลีผัดเผ็ดทั่วไป มีกลิ่นเผ็ดชัดเจนและมีกลิ่นหอมเล็กน้อย เท่านี้ก็ขายในราคา 88 หยวนแล้วหรือ”
ขยับตะเกียบและเริ่มกิน เข้าปากแค่คำเดียว
“อืม?” ชายวัยกลางคนก็เลิกคิ้วขึ้นโดยพลัน ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจ
จากนั้นเขาก็เคี้ยวอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง คีบอีกชิ้นหนึ่งเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างพิถีพิถันเพื่อลิ้มรส
ใบหน้าของเขาแสดงความประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นและกว้างขึ้น
ไม่ทันไร
ผัดกะหล่ำปลีหนึ่งจานก็ลงท้องเขาไปหมดแล้ว
“ทำไมถึงอร่อยได้ขนาดนี้” ชายวัยกลางคนมองจานเปล่าด้วยความตกใจ ในเวลานี้ เขากินกะหล่ำปลีผัดเผ็ดที่มองดูแล้วสุดแสนจะธรรมดาแต่กลับอร่อยที่สุด
“กะหล่ำปลีมีรสชาติแบบนี้ได้ยังไง” ด้วยความตกตะลึง เขาจึงเรียกพนักงานเสิร์ฟทันทีและพูด “เอามาอีกจานหนึ่ง”
“ได้ครับ จานแรกฟรี จานที่สอง…”
“ผมรู้ คุณแค่เอามาเสิร์ฟก็พอ” ชายวัยกลางคนกล่าวทันที
ไม่นาน กะหล่ำปลีผัดเผ็ดก็ขึ้นมาอีกจาน
ชายคนวัยกลางคนยังคงกินต่อไป แรกเริ่มเขาก็กินอย่างสงวนท่าที เขาคิดว่าการกินอาหารรสเลิศควรจะกินอย่างละเมียดละไม สุดท้ายความเร็วเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดก็กินอย่างตะกละตะกลาม
ไม่ทันได้รู้ตัว อีกจานก็ลงท้องเรียบร้อย
หลังจากกินกะหล่ำปลีสองจาน เขาก็พบว่าเขาไม่รู้สึกท้องอืดเลยด้วยซ้ำ แต่เขารู้สึกว่ายิ่งกินมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น!
“เถ้าแก่ กะหล่ำปลีผัดของคุณเป็นมาอย่างไร? ทำไมมันถึงอร่อยเพียงนี้ รสชาติราวกับว่าแตกต่างจากกะหล่ำปลีทั่วไป?” ชายวัยกลางคนเดินไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับทันทีและมองไปยังหวังหงฮวาพลางเอ่ยถาม
“นี่เป็นกะหล่ำปลีใหม่ที่พัฒนาโดยเพื่อนของผม มันอร่อยเพราะกรรมวิธีการปลูก” หวังหงฮวากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มิน่าล่ะ” ชายวัยกลางคนพยักหน้าอย่างกระจ่างแจ้ง และกล่าว “ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อได้ลิ้มรสมัน มันไม่ใช่เพราะรสของเครื่องปรุง”
“เถ้าแก่ ช่วยทำเมนูกะหล่ำปลีในร้านของคุณทั้งหมดให้ที ผมจะลองชิม”
“ได้เลยครับ!” หวังหงฮวาดีใจมาก ที่ได้ใจลูกค้าอีกคนหนึ่ง
ในไม่ช้า กะหล่ำปลีผัดเผ็ด กะหล่ำปลีน้ำส้มสายชู หมูผัดกะหล่ำปลี เกี๊ยวเนื้อกะหล่ำปลี ฯลฯ ทั้งหมดก็ถูกเสิร์ฟวางเรียงรายบนโต๊ะใหญ่
นักชิมอาหารกินเกี๊ยวไปหนึ่งคำ “ว้าว~ อร่อย!”
แล้วก็หมูผัดกะหล่ำอีกหนึ่งคำ “ว้าว~ ก็ยังอร่อยอยู่ดี!”
ชิมแต่ละจานไปหนึ่งคำ อร่อยอย่างที่ไม่เคยอร่อยมาก่อนจริง ๆ ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าเป็นรสชาติของกะหล่ำปลี ไม่ใช่เครื่องปรุง!
ถ่ายภาพต่าง ๆ ไว้อย่างรวดเร็ว
หลังจากสั่งห่อและกลับถึงบ้าน เขาก็เริ่มเขียนบทความเกี่ยวกับการชิมทันทีและโพสต์ในบัญชีสาธารณะและลงไทม์ไลน์
ประโยคสุดท้ายของข้อความคือ: “อาหารอันโอชะที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในโลก ไม่ได้กินคงเป็นความเสียใจในชีวิต”
หลังจากเผยแพร่บทความได้ไม่นาน จำนวนคนอ่านก็เกินหนึ่งหมื่นอย่างรวดเร็ว
คนในท้องถิ่นต่างตกตะลึงเมื่ออ่านบทความนี้ เพราะว่านักชิมคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องปากจัด ถึงแม้จะได้รับคำชมบ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายนัก
แต่ในกระทู้วันนี้ กลับมีแต่ถ้อยคำชื่นชมทั้งบทความ
ทำให้ผู้อ่านหลายคนรู้สึกแปลกใจ
“ช่วงนี้คุณขัดสนงั้นเหรอ ทำไมคุณถึงได้รับโฆษณาละ ร่องรอยของการโฆษณานั้นชัดเจนเกินไปแล้ว”
“ฉันไม่เคยเห็นคุณชมอาหารจานไหนขนาดนี้มาก่อน อาการเลิศรส กุ้งมังกร หอยเป๋าฮื้อนานาชนิดคุณก็เคยลิ้มรสมาแล้ว แต่วันนี้คุณกลับมาสรรเสริญกะหล่ำปลีงั้นเหรอ?”
“อะไรกัน มันกำลังจะกลายเป็นบัญชีการตลาดเร็ว ๆ นี้งั้นเหรอ ฉันผิดหวังมากจริง ๆ”
ทุกคนทิ้งข้อความไว้ด้วยความสงสัย