เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - ตอนที่ 189 แกร่งมากไอ้ชาย
บทที่ 189 แกร่งมากไอ้ชาย
หวังห่าวพยักหน้าตามน้ำกล่าว “นายก็ตั้งใจเข้าไว้ ทีมสารวัตรวางแผนว่าจะออกแบบแผนและวิถีการฝึกปราณที่เหมาะสมกับซูเย่ที่สุด ฉันต้องการทราบกิจวัตรประจำวันของเขา และนายคือคนที่ใกล้ชิดเขาที่สุด ดังนั้นฉันต้องการให้นายรายงานเรื่องของซูเย่โดยการส่งข้อความให้ฉันทุกวัน ข้อความที่ส่งมาแล้วก็ให้ลบทิ้ง อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
“รวมถึงเขาตื่นนอนเมื่อไหร่ เข้านอนกี่โมง กินข้าวเวลาไหน ที่สำคัญที่สุดคือเขาเข้าสู่ระบบเกมตอนไหน เรื่องนี้จะต้องบอกฉัน เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ มีเรื่องนี้ที่สำคัญ สามารถทำได้หรือไม่”
“วางใจเถอะครับ”
จินฟานเอามือตบหน้าอกพูดรับประกัน “เรื่องของทีมสารวัตรก็คือเรื่องของผม ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ผมจะตั้งใจแน่นอน”
“ดีมาก”
หวังห่าวพยักหน้าอย่างพึงพอใจกล่าว “นายแค่ตั้งใจทำงานก็พอ ถ้าทำได้ดีละก็เบื้องบนจะมีของรางวัลแน่นอน อย่างน้อยก็หญ้าวิเศษหนึ่งกำ”
“ผมไม่อยากได้หญ้าวิเศษ” จินฟานส่ายหน้า กล่าวอย่างมีคุณธรรม “ยังไงซะก็ถือว่าเป็นเรื่องดีต่อซูเย่ อีกอย่างหญ้าวิเศษมันเป็นของหายาก ผมไม่อยากเพิ่มภาระให้กับประเทศชาติ”
“สหายที่ดี ทีมสารวัตรไม่มีทางลืมนายแน่นอน” หวังห่าวจับมือจินฟานอย่างซึ้งใจกล่าว “พวกเราเริ่มกันวันนี้เลยเถอะ คืนนี้ฉันจะรอข่าวจากนาย”
“ได้ครับ”
สองคนจับมือกันอย่างมั่นคงพยักหน้าให้กัน
“รูมเมทซูเย่สองคนนั้น ยังถือว่ามีคนที่มีมโนธรรมอยู่บ้าง”
มองส่งจินฟานออกไป หวังห่าวทอดถอนใจ
วินาทีที่จินฟานหันหลังมา มุมปากเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ
รายงานเวลาที่เสี่ยวเย่เข้าสู่ระบบเกมงั้นเหรอ สำคัญที่สุดงั้นเหรอ เข้าสู่ระบบเกมตอนไหนพวกคุณไปเช็กดูเองก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไง ยังต้องให้ฉันรายงานงั้นเหรอ
เหอะเหอะ
“อีกคืนที่ผ่านไป คืนแล้วคืนเล่า เธอไม่เข้าใจความเจ็บปวดของฉันตลอดไป ดั่งเช่นยามกลางวันที่ไม่รอคอยกลางคืน~”
รอไปอีกหนึ่งคืน ยังคงไม่ได้รับข่าวใดใด
หวังห่าวที่อดหลับอดนอนติดต่อกันหลายวัน ส่องกระจกมองดูรอบคล้ำรอบดวงตาที่มีสีเข้มของตนเอง สีหน้าที่ไม่รู้ว่าหัวเราะหรือร้องไห้
“พวกนายเจ๋งมาก พวกนายมันแน่ พวกนายปั่นหัวฉันเล่นสินะ”
มองกระจกแล้วเผยรอยยิ้มที่เหมือนกับจะร้องไห้ “ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย”
ซูเย่ ซูชือ จินฟาน ฉันไม่ปล่อยพวกนายแน่
ฝากไว้ก่อนเถอะ
แปดโมงเช้า
การสอบคัดเลือก 10 เหลือ 3 เริ่มสอบอย่างเป็นทางการ ซูเย่และอีก 9 คน นั่งรอที่ห้องรับรองรอการสอบ
เวลานี้ ในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางเริ่มการถ่ายทอดสดแล้ว นักศึกษาทุกคนได้รับไอดีห้องและรหัสเข้าชม เพื่อกันนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นเข้ามาดู จุดมุ่งหมายเพื่อไม่ให้พวกนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยอื่นมาสอดแนมระดับความสามารถของพวกเขา
“ส่งโทรศัพท์มา” อาจารย์คุมสอบพูดพลางเดินถือตะกร้าหนึ่งใบเข้ามา
“ผู้สอบจะต้องสอบให้เสร็จถึงสามารถออกไปได้ ผู้ที่ยังไม่ได้สอบไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป ต่อให้กินข้าวก็ต้องกินในห้องนี้ จนกระทั่งหลังการสอบเสร็จสิ้นลง ถึงสามารถออกไปได้”
“คุมเข้มขนาดนี้เลยเหรอ เพื่อป้องกันการทุจริตหรือครับ”
“ใช่แล้ว เพื่อป้องกันการทุจริต เพราะว่าเปิดดูไลฟ์ได้ ทำให้ง่ายต่อการรู้ข้อสอบ”
ภายในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางไร้ผู้คน เพราะทุกคนตอนนี้นั่งอย่างเคร่งขรึมอยู่ที่หน้าจอคอมและโทรศัพท์มือถือกำลังดูการถ่ายทอดสด
เพราะพวกเขาล้วนสงสัยว่าใครจะเป็นตัวแทน 3 คนจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง
ลู่จวิ้น? ลวี่อวิ๋นเผิง?
หรือว่า ซูเย่?
สนามสอบ
อาจารย์คุมสอบเก็บโทรศัพท์มือถือของทั้ง 10 คนไปทั้งหมด แล้วยกกล่องใบหนึ่งมา
“ในกล่องใบนี้มีเลข 1-10 สุ่มหยิบออกมาเพื่อบอกลำดับการสอบของพวกเธอ ตอนนี้เริ่มได้”
พูดพลางเดินยกกล่องไปยังเบื้องหน้าของลวี่อวิ๋นเผิงที่นั่งอยู่หน้าสุดในห้องรับรอง
“หมายเลข 2”
ลวี่อวิ๋นเผิงหยิบลูกปิงปองที่เขียนเลข 2 ออกมา พยักหน้าพอใจกล่าว “ดูท่าผมคงดวงดีไม่เบา คงเสร็จทันกินข้าวเที่ยง”
อาจารย์คุมสอบยกกล่องเดินไปที่คนถัดไป
หวังฉีเจ๋อ หมายเลข 4
จางเฉิงเฉวียน หมายเลข 7
……
ด้วยความรวดเร็ว
กล่องสุ่มก็ถูกส่งมาถึงหน้าลู่จวิ้น
“หมายเลข 1 ค่ะ”
ลู่จวิ้นเพิ่งหยิบลงไป ก็หยิบโดนลูกปิงปองหมายเลข 1 เลย
ในเหตุการณ์ มีเสียงแสดงความอิจฉาดังออกมาระลอกหนึ่ง
คนที่ออกไปคนแรกความกดดันน้อยที่สุดอยู่แล้ว คงเป็นความรู้สึกแบบว่ารีบตายจะได้รีบเกิดใหม่
การสุ่มดำเนินต่อไป
หลังจากที่หลายคนหยิบออกไปหมดแล้ว
ในที่สุดกล่องสุ่มก็ถูกส่งมายังหน้าซูเย่
ในเวลานี้ เหลือแค่ซูเย่และอีกคน แต่ในกล่องเหลือเพียงหมายเลข 3 และหมายเลข 10
ซูเย่ยื่นมือหยิบไปตามใจ
“หมายเลข 3”
วินาทีที่หยิบลูกปิงปองออกมา มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็ก ๆ
ในที่สุดก็ไม่ใช่คนสุดท้าย
นักศึกษาคนที่หยิบคนสุดท้าย เห็นได้ชัดว่าสีหน้าราวกับโลกพังทลาย เขาต้องอยู่รอเป็นคนสุดท้าย
สุดท้ายเขาเหนื่อย กรรมการเองก็เหนื่อย คะแนนจะต้องไม่ดีแน่นอน นี่มันน่าเศร้าเกินไปแล้ว
เด็กมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางที่กำลังดูการถ่ายทอดสด เห็นว่าซูเย่ได้หมายเลขสาม ก็ตื่นตกใจกันทันที
ลู่จวิ้นคนแรก ลวี่อวิ๋นเผิงคนที่สอง ซูเย่คนที่สาม ในที่สุดก็จะได้ดูทั้งสามแข่งกันแบบชัด ๆ นี่คือสิ่งพี่พวกเขาอยากดูที่สุด
“สิ้นสุดการจัดลำดับ”
รอจนนักศึกษาคนสุดท้ายหยิบเสร็จ อาจารย์คุมสอบก็เก็บกล่องสุ่ม ชี้ไปยังบานประตูที่มุ่งเข้าสู่สนามสอบพลางกล่าว “การสอบเริ่มได้”
ลู่จวิ้นไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ลุกขึ้นมา ถือลูกปิงปองหมายเลข 1 เดินเข้าสนามสอบ
เหมือนกับในห้องรับรอง ภายในสนามสอบก็มีกล้องถ่ายทอดสด และกล้องมีเยอะกว่าเดิมอีก สามารถเห็นการขยับกายเพียงเล็กน้อยของผู้เข้าสอบได้จากทุกมุม
เมื่อลู่จวิ้นเดินมาถึง
การสอบเริ่ม ณ บัดนี้
“รุ่นพี่สู้ ๆ”
“รุ่นน้องสู้ ๆ”
ทุกคนกำลังดูการถ่ายทอดสดอย่างตั้งใจ รอคอยการแสดงออกของลู่จวิ้น
ความสามารถเลิศล้ำ
เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อาจารย์ทั้ง 30 ท่านออกโจทย์ ระดับความยากเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนที่ดูใจสั่นระทึก
หากเป็นพวกเขาคงกระอักกระอ่วนน่าดู เพราะตอบไม่ได้เลย
แต่ลู่จวิ้นตอบได้อย่างลื่นไหลมาก ผ่านทุกด่าน มีเพียงไม่กี่ข้อที่คำตอบไม่ถูกต้อง100% คณะอาจารย์ก็ช่วยชี้แนะจุดที่ยังบกพร่องให้ฟัง แต่ว่าดูจากภาพรวมแล้ว การแสดงออกของลู่จวิ้นถือว่าเป็นแถวหน้า
แต่ละหอพักล้วนส่งเสียงปรบมือให้
“รุ่นพี่ลู่จวิ้นสมแล้วที่เป็นเทพธิดาอัจฉริยะมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางของพวกเรา เก่งมากจริง ๆ”
“สมคำร่ำลือ”
“ใครได้แต่งกับรุ่นพี่คงโชคดีน่าดู ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพเลย”
“หมายเลข 2”
อาจารย์คุมสอบตะโกนในห้องรับรอง
ลวี่อวิ๋นเผิงลุกขึ้น ถือลูกปิงปองหมายเลข 2 มองไปทางซูเย่หนึ่งที แล้วก็เดินเข้าสนามสอบด้วยสีหน้ามั่นใจ
28 นาทีการทดสอบสิ้นสุด
เวลาเร็วกว่า ลู่จวิ้นหนึ่งนาที ลวี่อวิ๋นเผิงเดินออกจากสนามสอบอย่างมั่นใจ
ในหอพัก
“รุ่นพี่ลวี่อวิ๋นเผิงเก่งเกินไปแล้ว ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นพี่ลู่จวิ้นอีก”
“ถึงจะแค่นิดเดียว แต่การแสดงออกของรุ่นพี่ลวี่อวิ๋นเผิงถือว่าสุดยอดมากแล้วในการสอบครั้งนี้”
“นี่สิ ความสามารถของเด็กมหาวิทยาลัยเรา สามคนสุดท้ายจะต้องมีรุ่นพี่ลวี่อวิ๋นเผิง”
“รุ่นพี่ลู่จวิ้นด้วย”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
“สองคนนี้คือคู่มือตัวฉกาจของเสี่ยวเย่ชัด ๆ ”
ในหอพัก ซูชือพูดกับจินฟาน
“ขอแค่ไม่มีคนที่สามที่เป็นแบบสองคนนั้นก็พอ ฉันว่าเสี่ยวเย่ทำได้แน่นอน ก็รอดูว่าเสี่ยวเย่จะเป็นยังไง นายไม่คิดว่าเสี่ยวเย่เป็นพวกคมในฝักงั้นเหรอ ทุกรอบเขาก็ทำได้ดีอยู่แล้ว” จินฟานพูด
“จริงสินะ แถมยังชอบโชว์สกิลเทพตลอดอีก”
……
หอพักอาจารย์
“รอบต่อไปก็ตาซูเย่แล้ว ไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง”
หลีซินเอ้อจ้องที่จอคอมพิวเตอร์อย่างรอคอย เธอไม่ได้เข้ารอบ 10 คน
หลี่เคอหมิงก็นั่งอยู่อีกฝั่งกำลังดื่มชา เขาไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย เพื่อหลบเลี่ยงคำครหา ในใจเขาก็รอคอยการแสดงออกของซูเย่
ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น นักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง ไม่ว่าจะผู้ที่ชื่นชอบหรือผู้ที่เกลียดชัง หรือผู้ที่กังขา ล้วนแต่มีความรอคอยเต็มอก
มีกระทั่งคนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำก่อน เผื่อว่าตอนดูจะอั้นไม่ไหว นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเย่แสดงความสามารถด้านแพทย์แผนจีนต่อหน้าคนจำนวนมาก ทุกคนล้วนอยากเห็น ซูเย่คนนี้แท้จริงแล้วมีความสามารถเพียงใด
ภายใต้ความสงสัยใคร่รู้ของมวลชน การสอบยังคงดำเนินต่อไป
ซูเย่ลุกกายขึ้น เดินเข้าสนามสอบ
“เสี่ยวเย่สู้เขา โชว์เทพไปเลย”
ซูชือและจินฟานส่งเสียงเชียร์ซูเย่อยู่ในหอพักอย่างลิงโลด
“เสี่ยวเย่สู้ ๆ บอกให้ทุกคนรับรู้ถึงความเก่งกาจของสาขาวิจัยสมุนไพรจีนของพวกเรา”
นักศึกษาสาขาวิจัยสมุนไพรจีนก็ส่งแรงเชียร์ให้ซูเย่เช่นกัน
หอพักอาจารย์
“เห็นแก่ที่นายเป็นรุ่นน้องของฉัน วันนี้จะช่วยเชียร์ละกันนะ สู้เขา”
หลีซินเอ้อพูดพึมพำอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“อาจารย์ก็เชื่อว่าเธอจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง”
หลี่เคอหมิงพึมพำเบา ๆ ยามเห็นร่างที่คุ้นเคยปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “สู้เขา”
อีกด้านหนึ่ง เหล่านักศึกษาสาขาแพทย์แผนจีน จับจ้องไปที่ซูเย่
ลู่จวิ้นและลวี่อวิ๋นเผิงในฐานะที่เป็นหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ซึ่งสอบเสร็จไปแล้ว ก็มองดูถ่ายทอดสดจากโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ที่คนละมุม
เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น พวกเขามีความสงสัยต่อตัวซูเย่มากที่สุด
ภายใต้เลนส์กล้อง ซูเย่เดินเข้าสนามสอบมาถึงเวที เขายืนอย่างมั่นคง เผชิญหน้าอาจารย์ทั้ง 30 ท่านที่นั่งอยู่ด้านล่างของเวที
“เริ่มสอบได้” พิธีกรกล่าว อาจารย์ท่านแรกเริ่มตั้งคำถาม
“หนังสือแพทย์แผนจีนโบราณ ฉันพูดประโยคแรก เธอพูดประโยคถัดไป”
ซูเย่พยักหน้ารับทราบ
“หวงตี้ กล่าว: ฤดูหนาวต้องฝังเข็มที่จุดจิ่งและจุดซูเป็นเพราะเหตุใด”
———————————————————-
1 หวงตี้ – จักรพรรดิเหลือง เป็นผู้ริเริ่มร่วมกับแพทย์ในราชสำนัก ถกปัญหาวิชาความรู้ทางการแพทย์ วิธีรักษา รวมทั้งการเขียนใบสั่งยาเพื่อร่างบันทึกเป็นตำราแพทย์