เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - ตอนที่ 169 เป็นฝีมือของนายใช่ไหม
บทที่ 169 เป็นฝีมือของนายใช่ไหม
“ได้เลยครับ”
ชายหนุ่มร่างผอมนามว่าหม่าเฉิงรีบเปิดแล็ปท็อปของตนเอง และพรมนิ้วลงไปบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น เขาก็เปิดโปรแกรมพิเศษขึ้นมา เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ในเวลาเดียวกันนี้ นายตำรวจยศสารวัตรก็ออกคำสั่งว่า
“วันนี้พวกเรามีเพียงภารกิจเดียวเท่านั้น!”
เกาหรงกวงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หมวก VR ที่หายไปทุกใบ เราจะต้องตามกลับคืนมาให้ได้ในเวลาสองชั่วโมง!”
“รับทราบครับ!”
หวังเหารับคำสั่งหน้าเครียด สถานการณ์ของพวกเขาในขณะนี้ ไม่ต่างจากมือกระบี่ที่ชักกระบี่ออกจากฝักแล้ว มีแต่ต้องเดินหน้าฆ่าคู่ต่อสู้ให้สิ้นซากเท่านั้น
“เชื่อมสัญญาณเรียบร้อยแล้วครับ”
เสียงของหม่าเฉิงแทรกเข้ามา
หวังเหารีบเปิดคอมพิวเตอร์ของตนเองดูทันที
หน้าจอของเขากำลังแสดงภาพสามมิติของแผนที่ทั่วเมืองจี้หยาง ก่อนที่แผนที่เหล่านั้นจะย่อลงมาจนเหลือเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ซึ่งมีจุดสีเขียวกำลังกะพริบวิบวับอยู่เต็มไปหมด
“ดูจากข้อมูลบนแผนที่แล้ว หมวกที่หายไปถูกทิ้งกระจายอยู่ทางเขตตะวันตกของตัวเมือง พวกมันจะทิ้งระยะห่างกันเพียงใบละไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้นครับ”
หม่าเฉิงขมวดคิ้ว
“ยึดตามสถิติตัวส่งสัญญาณ ยังมีหมวก VR ที่หายไปอีกประมาณ 100 ใบที่เรายังหาไม่เจอครับ!”
“พวกคุณไปไล่เก็บหัวพวกนี้กลับคืนมาก่อน ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนทำเรื่องนี้ เราจะปล่อยให้พวกมันลอยนวลไปไม่ได้เด็ดขาด!”
เกาหรงกวงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าพบเจอตัวคนร้ายและอีกฝ่ายพยายามขัดขืน ให้สามารถจับตายได้ทันที!”
“เริ่มปฏิบัติการได้!”
…
ในเขตภูเขาที่ห่างจากฝั่งตะวันตกของตัวเมืองมา 20 กิโลเมตร
ชายฉกรรจ์สามคนช่วยกันแบกหีบเหล็กขนาดใหญ่เดินลงไปในหลุมหลบภัยใต้ดินซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนลึกของภูเขาลูกนี้
“ปึง!”
เมื่อวางหีบเหล็กลงบนพื้นเรียบร้อย ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนก็หันมาส่งยิ้มให้แก่กัน
“หลังจากนี้ พวกเราคงโผล่หน้าไปไหนไม่ได้อีกพักใหญ่ เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ฉันก็เลยไม่ได้เตรียมอาหารน้ำดื่มเอาไว้เลย ในขณะที่พวกตำรวจกำลังวิ่งวุ่นอยู่ทั่วเมือง เดี๋ยวฉันจะเข้าป่าไปหาอาหารมาเป็นเสบียงให้กับพวกเราก่อนก็แล้วกัน อีกอย่างฉันจะได้ไปกลบเกลื่อนร่องรอยที่พวกเราอาจจะทิ้งเอาไว้โดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าอีกสามชั่วโมงฉันยังไม่กลับมา ขอให้พวกนายเปลี่ยนที่ซ่อนตัวทันที!”
ชายร่างผอมสูงพูดกับชายร่างสันทัดและพ่อครัวร่างอ้วน
“ตามนั้น”
ชายร่างสันทัดและพ่อครัวร่างอ้วนนิ่งคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลงพร้อมกัน
หากพวกเขาต้องเก็บตัวอยู่ที่นี่อีกหลายวัน อาหารและน้ำดื่มก็จะกลายเป็นปัญหาสำคัญ โชคดีที่ชายร่างผอมสูงเป็นพวกชอบเข้าป่าล่าสัตว์อยู่แล้ว จึงเป็นคนที่เหมาะสมสำหรับการออกไปหาอาหารที่สุด
เมื่อชายร่างผอมสูงเดินกลับขึ้นมาจากหลุมหลบภัยใต้ดิน เขาก็รีบขจัดร่องรอยที่พวกของตนเองทิ้งเอาไว้บนพื้นดิน หลังจากนั้นจึงหันหน้าเดินขึ้นไปบนภูเขาสูง
ออกมาหาอาหารอย่างนั้นหรือ?
เฮอะ
นั่นมันก็แค่ข้ออ้างของเขาเท่านั้น
เพราะจริง ๆ แล้วชายร่างผอมสูงตั้งใจออกมาเก็บหญ้าเฉาก๊วยวิเศษต่างหาก!
เพราะจากการคำนวณของเขา วันนี้หญ้าเฉาก๊วยวิเศษน่าจะโตเต็มที่เหมาะสำหรับให้เข้าไปเก็บได้พอดี
…
ซูเย่เดินมาถึงลำธารซึ่งหญ้าเฉาก๊วยวิเศษขึ้นอยู่บริเวณริมฝั่ง
เขากวาดสายตามองเข้าไป
เห็นได้ชัดว่าหญ้าเฉาก๊วยวิเศษเหล่านั้นดูดซับพลังปราณธรรมชาติจากอากาศโดยรอบเข้าไปอย่างอุดมสมบูรณ์
และเมื่อพวกมันดูดซับเข้าไปจนปราณธรรมชาติแทบหมดสิ้นไปจากบริเวณนี้ หญ้าเฉาก๊วยวิเศษก็เติบโตเต็มที่พอดี!
ทันใดนั้น
คางคกยักษ์ตัวหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นบริเวณริมฝั่ง คล้ายกับว่ามันเป็นผู้พิทักษ์หญ้าเฉาก๊วยวิเศษเหล่านี้ก็ไม่ปาน
คางคกยักษ์ตัวนี้มีขนาดความสูงเท่าครึ่งเอวมนุษย์
“เจ้าเพื่อนยาก แกยังคอยปกป้องหญ้าเฉาก๊วยพวกนี้อยู่อีกเหรอ?”
ซูเย่ถอนหายใจออกมา
เมื่อดูจากตำแหน่งที่คางคกยักษ์ปรากฏตัว ชายหนุ่มก็พบว่ามันแทบจะไม่ได้เคลื่อนกายไปไหนเลยนับจากครั้งสุดท้ายที่เขาพบเจอมัน
“ถึงอาจจะไม่ยุติธรรมกับแกไปสักหน่อย แต่ให้อภัยฉันด้วยนะ”
ซูเย่พูดขณะกระโดดข้ามลำธารไปยังฝั่งที่มีหญ้าเฉาก๊วยวิเศษขึ้นเรียงราย
เขาทิ้งตัวลงไปยืนอยู่ข้างเจ้าคางคกยักษ์พอดี
เจ้าคางคกยักษ์สะดุ้งเฮือก ก่อนพองตัวขึ้นมา
สภาพลำตัวของมันกลายเป็นลูกบอลขนาดใหญ่
และวินาทีต่อมานั้นเอง
คางคกยักษ์ก็หันมามองหน้าซูเย่ด้วยแววตาดุร้าย
“กรร!”
มันอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมที่อยู่ด้านใน
ชัดเจนแล้วว่าเจ้าคางคกยักษ์ต้องการข่มขู่ให้ซูเย่หวาดกลัว
“โทษทีนะ!”
ชายหนุ่มโบกมือ แล้วพูด “ถึงแกจะน่ากลัวมากก็เถอะ แต่หญ้าเฉาก๊วยพวกนี้ต้องเป็นของฉัน”
“แผล็บ!”
“ฟึบ!”
ทันใดนั้น ลิ้นขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากด้านในปากของคางคกยักษ์ มันพุ่งตรงด้วยความเร็วแรงไม่ต่างจากลูกกระสุนปืนใหญ่ใส่ศีรษะซูเย่ ราวกับเห็นว่าเขาเป็นเพียงแมลงในอากาศที่สามารถจับกินได้ทุกเมื่อ
เห็นดังนั้น ซูเย่ก็กระชากเถาวัลย์ที่ขึ้นอยู่ข้างตัวด้วยมือขวา ก่อนโยนใส่ลิ้นของคางคกยักษ์ที่พุ่งเข้ามา
ในขณะที่ลิ้นของเจ้าคางคกตวัดรัดพันเถาวัลย์ เถาวัลย์เส้นนั้นก็ตวัดรัดพันลิ้นของเจ้าคางคกเช่นกัน
ซูเย่กระชากลิ้นของเจ้าคางคกเข้ามาใกล้ ก่อนตวัดเท้าเตะก้นของมันป้าบใหญ่ ส่งผลให้เจ้าคางคกลอยละลิ่วปลิวไปยังอีกฝั่งหนึ่งของลำธาร
“ผึง!”
ด้วยแรงกระชากขณะเจ้าคางคกยักษ์ลอยกระเด็นออกไป เถาวัลย์ที่พันลิ้นของมันอยู่จึงขาดสะบั้น
คางคกยักษ์หมุนตัวตีลังกาส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น มันกระโดดตัวข้ามลำธารกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับพ่นพิษสีเขียวออกมาจากปากในเวลาเดียวกัน
“ความดีสร้างกำแพงคุ้มกันเภทภัย!”
ซูเย่ร่ายคาถา
วินาทีนั้น สายลมโชยพัดหมุนวนรอบร่างกายชายหนุ่ม เกิดเป็นม่านพลังขึ้นมาป้องกันร่างกายของเขา
ละอองพิษสีเขียวเข้มของเจ้าคางคกยักษ์จึงพุ่งเข้ามาถูกม่านพลังกระจายหายไป
“กรร!”
เจ้าคางคกยักษ์ร้องคำรามออกมาอีกครั้ง
คราวนี้ ชายหนุ่มไม่ออมแรงอีกต่อไปแล้ว ซูเย่กระโจนเข้าไปเตะก้นของเจ้าคางคกเต็มแรง ส่งผลให้เจ้าคางคกยักษ์ลอยกระเด็นออกไปไกลมากกว่าสิบเมตร
“อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากเลยดีกว่านะ”
เจ้าคางคกยักษ์ตกลงไปในลำธาร ผิวน้ำแตกกระจาย
มันโผล่หัวกลับขึ้นมาบนผิวน้ำ รู้แล้วว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเย่ จึงทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยความขมขื่น
“กรัด ๆ ๆ ๆ!”
มันส่งเสียงร้องออกมาฟังไม่เป็นภาษา
หลังจากนั้น เจ้าคางคกยักษ์ก็หันหลังกลับ และกระโดดหายไปจากสายตาของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
ซูเย่จึงได้มีเวลาหันกลับมาให้ความสนใจที่หญ้าเฉาก๊วยวิเศษเหล่านี้อีกครั้ง
ซูเย่กำลังจะเดินไปถอนพวกมันขึ้นมา
“หยุดนะโว้ย!”
เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นพลันดังมาจากก้อนหินใหญ่อีกฟากหนึ่งของลำธาร
อย่าบอกนะว่าเจ้าคางคกยักษ์สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ด้วย?
ซูเย่ถึงกับชะงักกึกและต้องหันกลับไปมอง
เขาเห็นชายฉกรรจ์ร่างกายผอมสูงผู้หนึ่งกำลังกระโดดเข้ามาหาตนเอง
ที่แท้เมื่อสักครู่ไม่ใช่เสียงของคางคกยักษ์ แต่เป็นเสียงของชายคนนี้
ซูเย่ไม่ให้ความสนใจแม้แต่น้อย
เขาก้มลงถอนหญ้าเฉาก๊วยที่โตเต็มที่แล้วขึ้นมาเก็บใส่กระเป๋าเป้ด้วยความเยือกเย็น
“ฉันบอกให้หยุดไม่ได้ยินหรือไง? หรือว่าแกอยากตาย!”
ชายร่างผอมสูงระเบิดเสียงคำรามและทิ้งตัวลงมายืนอยู่เบื้องหน้าซูเย่ด้วยความเร็วไว
ถึงชายคนนี้จะมีร่างกายผอมแห้ง
แต่ทว่าแขนของเขากลับอุดมไปด้วยมัดกล้าม ขณะนี้เมื่อเขาต่อยหมัดออกมา เสียงหมัดจึงแหวกอากาศอย่างน่ากลัว ประเมินดูแล้วกำปั้นของเขาคงมีแรงกระแทกไม่ต่ำกว่า 1,000 กิโลกรัม หรือเทียบเท่ากับมีแรงพุ่งชนถึงหนึ่งตันเลยทีเดียว
นี่คือหมัดที่หมายโจมตีเอาชีวิต!
ดวงตาของซูเย่เป็นประกายเย็นชาขึ้นมาทันที
สงสัยจะคุยกันดี ๆ ไม่ได้แล้วสินะ!
เขายกมือขวาขึ้นโบกสะบัด
“ขวับ!”
จังหวะที่กำปั้นของชายร่างผอมพุ่งเข้ามาถึงเบื้องหน้า ซูเย่ก็ยกมือขึ้นตะปบแขนของฝ่ายตรงข้าม และจับอีกฝ่ายเหวี่ยงวนเป็นวงกลมกลิ้งกระเด็นกลับออกไป
“หืม?”
ชายร่างผอมสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปในพริบตา
“หมอนี่เป็นใครกันนะ?”
หัวใจของเขากระตุกวูบ
ชายร่างผอมสูงลุกขึ้นยืนมองหน้าซูเย่พลางแอบคิดอยู่ในใจว่า
“หรือจะเป็นพวกหน่วยสืบสวนพิเศษ?”
ไม่น่าใช่!
พวกตำรวจไม่มีทางอายุน้อยขนาดนี้แน่!
ดูท่าน่าจะเป็นพวกผู้ฝึกยุทธ์ที่ทางตำรวจจ้างมามากกว่า!
ในเมื่อไม่ได้เป็นตำรวจก็ดีแล้ว เพราะนั่นหมายความว่าชายร่างผอมจะสามารถสังหารชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้ได้โดยไม่มีปัญหา!
ถึงแม้การปะทะฝีมือเมื่อสักครู่จะทำให้เขารับทราบแล้วว่าอีกฝ่ายมีพลังไม่ต่ำต้อยก็ตาม
ซูเย่หรี่ตามองชายร่างผอมสูงด้วยความเย็นชา
หมอนี่เป็นพวกผู้ฝึกยุทธ์ระดับสอง
มีระดับพลังสูงมากกว่าหวังเหาเสียอีก
พิจารณาจากการตอบสนองของร่างกายแล้ว เห็นได้ชัดว่าชายร่างผอมสูงผู้นี้ไม่ใช่คนของหน่วยสืบสวนพิเศษ และก็คงไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ลงทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
เอาละ
ถ้าอย่างนั้นก็คงปล่อยไปไม่ได้แล้ว
“ฝีมือนายใช่ไหม?”
อยู่ดี ๆ ชายร่างผอมสูงก็ถามออกมา
“ว่าไงนะ?”
ซูเย่ถามกลับไปด้วยความไม่เข้าใจ
“เป็นฝีมือนายใช่ไหม?”
ชายร่างผอมสูงถลึงตาจ้องมองซูเย่ถามเสียงแข็งกระด้าง
“ต้นโซวู 100 ปีที่ขึ้นอยู่ในภูเขาลูกถัดไปกับผลวอลนัทวิเศษในหุบเขาแถว ๆ นี้ นายเป็นคนเก็บพวกมันไปใช่ไหม? มันต้องเป็นฝีมือนายแน่นอนอยู่แล้ว!”
ซูเย่ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ปรากฏว่าผลวอลนัทวิเศษกับต้นโซวู 100 ปีมีคนพบเจอก่อนหน้าเขาแล้วจริง ๆ โชคดีเหลือเกินที่ซูเย่สามารถเก็บก่อนได้ทันเวลา!
“แม่งเอ๊ย! เป็นฝีมือของนายจริง ๆ สินะ!”
เมื่อจ้องมองอากัปกิริยาของชายร่างผอมสูงคนนี้ ซูเย่ก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว
ชายร่างผอมสูงตะเบ็งเสียงต่อว่า
“ของพวกนั้นที่นายเก็บไป เอาคืนมาให้หมดเดี๋ยวนี้!”
“ฉันกินไปหมดแล้ว”
ซูเย่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“กินไปหมดแล้ว?!”
ยิ่งได้ยินคำตอบเช่นนี้ ชายร่างผอมสูงก็ยิ่งโกรธแค้นมากกว่าเดิม
เพื่อเพิ่มพลังให้แก่ตนเอง เขาอุตส่าห์ออกตามหาพืชสมุนไพรวิเศษทุกชนิดที่ขึ้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง โดยเป้าหมายสำคัญคือต้องการจะเลื่อนระดับจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สอง ขึ้นสู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามให้ได้
แต่ว่า
สมุนไพรวิเศษแทบทุกชนิดที่เขาค้นพบ กลับถูกชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้ขโมยไปรับประทานหมดสิ้น!
“ฉันจะฆ่าแก!”
ชายร่างผอมสูงคำราม
พร้อมกันนั้นเขาก็กระโจนเข้าหาซูเย่ ครั้งนี้เขาโคจรพลังลมปราณในร่างกายเต็มสูบ หมายจะซัดกำปั้นใส่ศีรษะของซูเย่ให้ตกตายในกระบวนท่าเดียว
“คิดจะฆ่าฉัน มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
ดวงตาของซูเย่เป็นประกายวูบวาบ ก่อนที่เขาจะกระแทกหมัดออกมาข้างหน้า
“ผลั่ก!”
กำปั้นของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างแรง
ชายร่างผอมสูงสัมผัสได้ถึงแรงดีดสะท้อนที่วิ่งผ่านข้อมือ ร่างของเขาต้องเซถอยหลังไปหลายก้าวในขณะที่ซูเย่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“ตายซะเถอะ!”
ชายร่างผอมสูงระเบิดเสียงคำรามออกมาอีกครั้งขณะที่วิ่งเข้ามาหาซูเย่ด้วยความดุดัน
แต่ผลก็คือ
ซูเย่สามารถปัดป้องกันการโจมตีของเขาได้อย่างไม่มีปัญหา
และเป็นชายร่างผอมสูงเองที่ถูกหมัดของฝ่ายตรงข้ามกระแทกใส่หน้าอกไปหลายครั้ง
แรงหมัดทำให้ชายร่างผอมสูงลอยกระเด็นออกไป!
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
เขารับรู้ได้ถึงรสชาติขม ๆ ในลำคอ