เซียนหมากข้ามมิติ - ตอนที่ 500 หยกเทพภูเขา เงินสมปรารถนา
ตอนที่ 500 หยกเทพภูเขา เงินสมปรารถนา
……………………………………………………………………..
เหยียบเมฆขาวห่อด้วยลมบริสุทธิ์เหาะไปเนิ่นนาน ขอทานชรามองกลับไปยังเขาลาดชัน ก่อนจะส่ายหน้ากล่าวว่า
“จิ้งจอกตนนี้ไม่พูดความจริงเลยแม้แต่คำเดียว”
จี้หยวนพยักหน้า
“แต่บางครั้งคนอื่นพูดปดก็ใช่ว่าจะไม่ได้ข้อมูลอะไร อย่างน้อยดูเหมือนถูซือเยียนขาดความมั่นใจอยู่บ้าง จิ้งจอกเก้าหางถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยกรู้ว่านางถูกจองจำไว้หรือไม่ก็ไม่รู้”
ขอทานชราคิดแล้วกล่าวเสริม
“หากถูซือเยียนผู้นี้วางแผนอะไรไว้จริงๆ อีกทั้งมีจิ้งจอกเก้าหางคอยช่วยเหลือ จิ้งจอกเก้าหางนั่นต้องสนใจนางตลอดเวลา ตอนถูซือเยียนถูกผนึก จิ้งจอกเก้าหางต้องวางแผนอะไรอยู่แน่”
พูดถึงตรงนี้แล้วขอทานชราถอนสายตากลับมาจากเขาลาดชัน จากนั้นกล่าวกับจี้หยวน
“หมายความว่าความเป็นไปได้ที่มากกว่าคือจิ้งจอกตนนี้ก่อเรื่องเองหรือ”
จี้หยวนส่ายหน้า
“ยังไม่อาจตัดสินได้”
เรื่องแปลกที่ได้พบเห็นหลายปีมานี้มีไม่น้อย แน่นอนว่าอย่างไรเสียก็เป็นโลกที่มีเทพเซียนปีศาจสัตว์ประหลาด อีกทั้งโลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ เรื่องแปลกอะไรล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นทั้งนั้น รวมถึงจี้หยวนเองคำนึงถึงสรรพสิ่งในใต้หล้า ย่อมคิดมากได้ง่ายกว่า
“น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเป็นจิ้งจอกแปดหางแห่งถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยก ไม่อาจจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นกำจัดปราณนางไปสามส่วน ทำให้นางไม่อาจได้มรรคอีกในชาตินี้ เท่านี้นางก็รู้จักหลาบจำแล้ว!”
คำพูดนี้ของขอทานชราทำให้จี้หยวนเกิดความสงสัย กำจัดปราณไปสามส่วนที่เขาพูดถึงหมายความว่าอย่างไร แล้วควรจะกำจัดอย่างไร แต่ตอนนี้ไม่เหมาะสมที่จะถาม ทำได้เพียงจำไว้แล้วหาโอกาสหารือ
ขณะเดียวกันในใจจี้หยวนก็ครุ่นคิดตามคำพูดของขอทานชรา
โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก ข้อมูลข่าวสารมากเกินไป จี้หยวนทำได้เพียงอาศัยการติดต่อสื่อสาร สั่งสมประสบการณ์และความรู้ทีละนิด ตอนนี้เขานับว่ารู้เรื่องถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยกอยู่บ้างแล้ว
มังกรแท้ในแม่น้ำหรือทะเลทั้งสี่ของใต้หล้านี้มีความสามารถในการควบคุมน้ำ ถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยกเป็นสถานที่ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยท่ามกลางเผ่าปีศาจ แม้ปีศาจประเภทนี้ไม่มีหลักฐานบันทึกไว้อะไร แต่กลับเป็นสมดุลที่ได้รับการยอมรับ
โลกนี้ยากมีความยุติธรรมที่แน่นอน ขอทานชรากล้าผนึกถูซือเยียนหนึ่งร้อยปี กลับต้องคำนึงถึงถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยกเช่นกัน ไม่อาจฆ่าถูซือเยียนโดยตรง เขาไม่เคยไปถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยก แต่จิ้งจอกเก้าหางนั้นมีเกียรติยศจริง
ส่วนจี้หยวนมีเรื่องให้ต้องคำนึงถึงมากกว่าขอทานชราหน่อย นอกจากความกังวลและความคิดร้อยแปดพันเก้า ถึงขนาดเริ่มใคร่ครวญว่าจะยอมแพ้เจ้าภูเขาลู่สักครั้งหรือไม่
“ท่านจี้คิดอะไรอยู่หรือ”
ขอทานชราเห็นจี้หยวนไม่พูดอยู่นาน จึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
‘หรือจี้หยวนไม่อยากรู้ว่าข้ากำจัดปราณผู้อื่นสามส่วนอย่างไร วิชาอภินิหารอัศจรรย์นี้แทบไม่มีการสืบทอดกันแล้ว! หรือกำลังคิดถึงความนัยในคำพูดของข้าอยู่’
ปราณสามส่วนเป็นเพียงวิธีพูดของขอทานชราเพียงคนเดียว ความจริงแล้วต้องกล่าวว่าสามส่วนปรากฏ เดิมทีเป็นแนวความคิดที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม มันคือวิชาลอบสังเกตการณ์
ความจริงแล้วการทำลายพลังฝึกปรือมีอยู่หลายวิธีมาก อย่างเช่นบดขยี้เส้นลมปราณ ทำลายจุดลมปราณ หรือทำลายวิญญาณดั้งเดิม ทว่าแต่ไหนแต่ไรไม่มีตำราวิชามรรคเซียนใดเขียนถึงการกำจัดปราณสามส่วน ระดับความยากของวิชาอภินิหารอัศจรรย์นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
“อ๋อ ไม่มีอะไร คิดเรื่องวางหมาก”
ขอทานชราทำปากจู๋ เห็นทีเขาคิดมากไปแล้ว จี้หยวนไม่ได้คิดเรื่องกำจัดปราณสามส่วนโดยสิ้นเชิง
“พวกเราคิดถึงเรื่องหลอมสมบัติพลังกันดีกว่า ท่านจี้ ตอนนี้ท่าเรือเขาพิณพระจันทร์คึกคักผิดปกติ พวกเราไปดูหน่อย อาจเจอวัตถุธาตุดินที่เหมาะสมหลอมเข้าใส่สมบัติพลังก็ได้”
“อืม ไปเถอะ!”
สองคนเหยียบเมฆเร่งความเร็ว เหาะไปทางเขาเก้ายอด
ท่าเรือเขาพิณพระจันทร์อยู่ในขอบเขตอำนาจของเขาเก้ายอด ตลาดที่นั่นยังคงคึกคักมาก หรือเรียกว่าช่วงที่งานชุมนุมเซียนพเนจรใกล้เริ่มขึ้น ที่นี่น่าจะเป็นตลาดที่คึกคักที่สุดในอาณาเขตที่ผู้ฝึกตนรวมตัวกัน คน ปีศาจ ภูต เทพ หรือแม้กระทั่งเซียนต่างก็อยู่ที่นี่
จี้หยวนกับขอทานชราเดินเล่นอยู่รอบหนึ่ง มองดูทั่วทุกที่ของตลาดแล้ว เสาะหาอาคาร ‘ตราสินค้า’ ทว่าไม่พบสิ่งของที่เหมาะสม อืม หรือเรียกว่าไม่เจอของที่ขอทานชราคิดว่าเหมาะสมก็ได้
ในหอสมบัติที่ชื่อว่าสมบัติวิญญาณสูงส่ง ผู้ฝึกปราณสวมเสื้อคลุมตัวสั้นประดับป้ายคำสั่งนำจี้หยวนกับขอทานชราขึ้นไปบนชั้นสองอย่างกระตือรือร้น
“สหายยุทธ์ทั้งสอง ระมัดระวังข้อจำกัดในอาคารด้วย ถือป้ายแขกไว้ให้ดี ในหอสมบัติวิญญาณสูงส่งของข้ามีสมบัติวิญญาณดินที่หายากอยู่อย่างหนึ่ง ครั้งนี้ทั้งสองท่านมาถูกที่แล้ว!”
แม้ขอทานชราแต่งตัวซอมซ่อ ดูตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเหมือนขอทานยิ่งนัก แต่แน่นอนว่าหอสมบัติที่เปิดกิจการโดยผู้ฝึกปราณจะดูถูกผู้อื่นว่าต่ำต้อยไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ดูถูกต่อหน้าจี้หยวนกับขอทานชรา สองคนนี้มรรควิถีไม่น้อยอย่างชัดเจน
ส่วนเรื่องที่ขอทานชราสวมเสื้อผ้าเก่าขาดก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ผู้ฝึกปราณนิสัยแปลกประหลาดมีอยู่ถมไป อีกทั้งมีคนฝึกวิชาแปลงกายด้วย แปลงกายตนเองให้เป็นดอกไม้ใบหญ้าหรือต้นไม้ ไปจนถึงก้อนหินก้อนเมฆไอหมอกก็มี สวมเสื้อผ้าเก่าขาดจึงค่อนข้างปกตินัก
จี้หยวนกับขอทานชราดูอยู่หลายที่มาก ทว่าตอนเพิ่งมาถึงกลับต่างออกไป จี้หยวนยังคงมีสีหน้าใคร่รู้ ส่วนขอทานชราเริ่มหมดความสนใจแล้ว
“มาๆๆ ทั้งสองท่านตามข้ามา เชิญนั่งพักผ่อนทางนี้ ข้าจะไปนำวัตถุธาตุดินมา”
ตอนขึ้นมาชั้นบนมีค่ายกลกางอยู่อย่างชัดเจน เมื่อขึ้นมาแล้วทิวทัศน์เปลี่ยนไปในพริบตา เหยียบขึ้นชั้นสองแล้วพบว่าเป็นเพียงสถานที่ที่เหมือนกับโถงรับแขก ไม่ใช่ที่ซ่อนสมบัติแต่อย่างใด
ห้องโถงไม่ใหญ่ เทียบกับโครงสร้างแล้วไม่ได้ครองพื้นที่ชั้นสองทั้งหมดแน่นอน ชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของค่ายกล ไม่แน่ว่าชั้นสองยังมี้ห้องหับอีกมากมาย
ผู้ฝึกปราณในหอสมบัติวิญญาณสูงส่งเดินขึ้นไปชั้นสาม ไม่นานเท่าไหร่ก็ลงมาแล้ว ในมือประคองกล่องไม้ใบหนึ่ง พลางเร่งฝีเท้ามาถึงข้างกายจี้หยวนกับขอทานชรา เมื่อวางกล่องไม้ลงบนโต๊ะแล้วถอยออกไป
“สหายยุทธ์ทั้งสองเชิญดู”
จี้หยวนมองปราดเดียวก็รู้ว่าคืออะไร เขาเคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน ฝ่ายขอทานชราเอ่ยขึ้นเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง
“หินเทพภูเขา? เฮ้อ…”
ในกล่องไม้มีของอยู่สองอย่าง ที่เตะตาที่สุดคือหินสีเหลืองดำขนาดเท่ากำปั้น ส่วนข้างล่างก้อนหินรองไว้ด้วยดินสีเหลืองชั้นหนึ่ง
ขอทานชราพูดพร้อมกับส่ายหน้า สีหน้าหม่นหมองอยู่บ้าง แม้หินเทพภูเขาจะหายากอย่างไร แต่จะเทียบได้กับไฟแท้สมาธิ เกล็ดเงินน้ำกุ่ย เคราะห์อสนีมรรคสวรรค์หรือ
จี้หยวนหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง ความจริงเขารู้สึกว่าหินเทพภูเขาดีพอแล้ว แต่คิดไปคิดมาตนเองต้องการหลอมสมบัติพลังที่ร้ายกาจ จึงต้องการสิ่งของที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันขอทานชราก็จุกจิกเล็กน้อย
“เฮ้อ สหายยุทธ์ล้อเล่นแล้ว! นี่ไม่ใช่หินเทพภูเขา แต่เป็นหยกเทพภูเขาต่างหาก!”
“หยกเทพภูเขา?”
จี้หยวนเอ่ยถามอย่างสนใจ ด้วยเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ขอทานชราข้างๆ ก็ชะงักไปเช่นกัน จากนั้นมองดูภายในกล่องไม้อีกครั้ง
พนักงานผู้นี้พยักหน้า ตอบคำถามด้วยการปฏิบัติจริงโดยการหยิบก้อนหินสีเหลืองดำขนาดเท่ากำปั้นนั้นออกมาจากในกล่อง ปากพึมพำเป็นภาษา พร้อมกันนั้นชักนำปราณวิญญาณในห้องรวมศูนย์ไว้บนก้อนหิน จากนั้นเติมพลังเข้าไปเล็กน้อย
ด้วยการกระทำของพนักงานผู้นี้ ดินในกล่องไม้ค่อยๆ ขยับไหว ไม่นานก็มีผงดินมากมายลอยมาที่ฝ่ามือพนักงาน หลังจากนั้นสามลมหายใจ ดินในกล่องไม้ลอยขึ้นมาทั้งหมดแล้ว ลอยคว้างอยู่รอบมือขวาของเขา ก่อตัวเป็นรูปทรงกลมไร้ส่งใดอยู่ใจกลางอันประกอบจากดินเหลืองชั้นหนึ่ง
“ทั้งสองท่านดูให้ดี!”
เห็นเพียงดินกลางอากาศพลันเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ บ้างก่อตัวกันเป็นเส้น บางรวมกลุ่มกันเป็นของแข็ง บ้างเปลี่ยนเป็นรูปร่างของต้นไม้ใบหญ้า บ้างหมุนวนไปไม่หยุดพัก
“ตำนานเล่าว่าหยกเทพภูเขาคือหัวใจภูตวิญญาณดินที่สั่งสมมรรควิถีมาช้านาน ตอนเข้าฌานฝึกวิชากลายร่างกลับเป็นดินสีเหลือง เหลือก็แค่หัวใจเท่านั้น! สหายยุทธ์ทั้งสอง สิ่งนี้พอจะเข้าตาทิพย์ของพวกท่านหรือไม่”
ผู้ฝึกปราณคนเมื่อครู่ไม่ได้สำแดงอภินิหารคุมเทพดินแต่อย่างใด อาศัยก้อนหินในมือควบคุมการเปลี่ยนแปลงของดินล้วนๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่หินเทพภูเขาจะทำได้ คาดว่าสิ่งที่อยู่ในมือเป็นหยกเทพภูเขาที่พบแล้วกลับยากจะได้มาอย่างแท้จริง
ขอทานชรามองไปทางจี้หยวน
“ท่านจี้ หากเป็นหยกเทพภูเขาก็น่าจะเหมาะเสริมวิญญาณดินให้ครบห้าธาตุแล้วกระมัง”
จี้หยวนก็รู้สึกว่าเหมาะสมมากช่นกัน จึงรีบตอบไปว่าใช่
“จริงสิ ไม่ทราบว่าหอสมบัติวิญญาณสูงส่งอนุญาตให้นำหยกเทพภูเขานี้ออกไปหรือไม่”
“ฮ่าๆ แม้พวกข้าเป็นผู้ฝึกเซียน แต่ในเมื่อเปิดกิจการหอสมบัติวิญญาณสูงส่งนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงความขี้เหนียวของพ่อค้าไปไม่ได้ นี่คือธุรกิจ ไม่อยากขาดทุนแน่นอน สหายยุทธ์ทั้งสองล้วนเป็นผู้สูงส่ง เห็นทีข้าไม่อาจทำให้ลำบากใจได้…”
กล่าวประจบแล้วยกหนึ่ง สุดท้ายผู้ฝึกปราณเข้าสู่ประเด็นสำคัญ
“เอาอย่างนี้แล้วกัน หากสหายยุทธ์ทั้งสองมีสิ่งล้ำค่าอะไร นำออกมาให้ข้าดูสักหน่อยเป็นอย่างไร ถึงไม่ใช่ของมีชื่ออะไร ทว่าในหอนี้มีสหายยุทธ์คนอื่นที่วัดระดับความล้ำค่าได้ หากไม่มีของล้ำค่าหรือเงินไม่พอครอบครอง จะใช้หยกวิญญาณห้าธาตุมาชั่งน้ำหนักก็ได้เช่นกัน”
จี้หยวนพยักหน้าแล้วไม่กล้าอะไร ทว่าส่งกระแสเสียงหาขอทานชรา
“ผู้อาวุโสหลู่ ท่านให้ข้าคนแซ่จี้ยืมหยกวิญญาณห้าธาตุหน่อยได้หรือไม่ หรือมีสิ่งที่เหมาะสมอย่างอื่นหรือไม่”
ขอทานชราถลึงตามองจี้หยวน ส่งกระแสเสียงกลับไป
“ท่านจี้ ข้าเป็นขอทานนะ ท่านจะยืมข้าหรือ? ไม่ใช่ว่าท่าน ‘ไม่มีเงิน’ กระมัง”
หากบอกว่าจี้หยวนมีเงินไม่มาก ขอทานชราเชื่อ แต่คงไม่ถึงกับไม่อยากควักเงินโลกฝึกปราณกระมัง
‘หรือว่าจะใช้เหรียญทิพย์ กลับถ้ำสวรรค์เขาเก้ายอดแล้วไปยืมคนจากเขาล้อมหยกไม่ดีกว่าหรือ’
ใช้เงินทิพย์แลกเปลี่ยนสิ่งของไม่มีค่าได้ ตอนนี้หยกเทพภูเขาล้ำค่ามาก แม้หลอมเงินทิพย์จะยุ่งยาก แต่สำหรับจี้หยวนแล้วกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่โดยสิ้นเชิง ทว่าทุนน้อยกำไรน้อยเกินไปหน่อยหรือไม่
กระนั้นจี้หยวนยังคงทำทีเป็นหยิบเหรียญทิพย์ออกมา ธุรกิจเป็นเรื่องของความปรารถนาร่วม สิ่งที่มีประโยชน์กับคนอื่นถือเป็นของดี ไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระทางจิตใจมากเกินไป
“สิ่งนี้ข้าคนแซ่จี้หลอมเอง พลังของมันถือว่าบริสุทธิ์ทีเดียว สามารถหลอมเข้ากับทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามใจชอบ สหายยุทธ์จะรับหรอืไม่”
มูลค่าของเหรียญทิพย์สูงลิ่ว เมื่อจี้ยหวนนำออกมาแล้วดึงดูดสายตาขอทานชรากับผู้ฝึกปราณหอสมบัติวิญญาณสูงส่งทันที
“สหายยุทธ์พอจะถูกใจหรือไม่”
จี้หยวนยื่นมันไปข้างหน้าด้วยความใจกว้าง ฝ่ายผู้ฝึกปราณหอสมบัติวิญญาณสูงส่งรับไว้อย่างระมัดระวัง ถือไว้ในมือแล้วตั้งใจสัมผัส
“สหายยุทธ์ไม่ต้องกังวลไป จะลองใช้สักเหรียญหนึ่งก็ได้”
“ใช้หนึ่งเหรียญ? เช่นนั้น…ข้าขอทำตามคำสั่งด้วยความเคารพ!”
ผู้ฝึกปราณหอสมบัติวิญญาณสูงส่งส่งเหรียญทิพย์มากมายคืนจี้หยวน เหลือไว้ในมือเพียงเหรียญเดียว จากนั้นไม่อ้อมค้อม ใช้มือหนึ่งถือหยกเทพภูเขา ส่วนอีกมือหนึ่งจับเหรียญทิพย์ ครั้งนี้ยืมหยกเทพภูเขาสำแดงวิชาคุมดิน ทว่าไม่ได้โคจรวิชา เพียงใช้เหรียญทิพย์ในพริบตาเท่านั้น
กึกๆๆ….
ดินเหลืองรอบข้างรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ยืดขยายหดตัวอยู่ตรงหน้าหยกเทพภูเขาอย่างต่อเนื่อง ปริมาตรควบแน่นจนถึงขีดสุดในเวลาอันสั้น
ผู้ฝึกปราณหยุดใช้พลัง เหรียญทิพย์ในมือค่อยๆ หม่นสีลงไปเล็กน้อย จากนั้นเขายื่นมือไปดึงดินที่ลอยคว้างอยู่
แก๊ง…เสียงกังวานดังขึ้น ดินซ่านสลายตกลง เผยให้เห็นสิ่งที่เหมือนกับเหล็กประกายมอง
“รวมดินเกิดทอง! ข้าสำแดงวิชานี้ได้แล้ว! ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ? ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ข้าที่สำเร็จ แต่เป็นมัน!”
ผู้ฝึกปราณมองไปทางเหรียญทิพย์ในมือ เพียงทดลองเล็กน้อยก็เข้าใจความอัศจรรย์ภายในนั้น หลอมเข้าสู่สิ่งใดตามใจชอบได้จริงๆ
“สหายยุทธ์มีเงินสมปรารถนามากเท่าไหร่หรือ หาก…”
ผู้ฝึกปราณกัดฟันแล้วมองที่มือจี้หยวน ตรงนั้นมีอยู่ประมาณสามสิบเหรียญ
“หากมีร้อยเหรียญ ข้าขายหยกเทพภูเขาให้สหายยุทธ์!”
จี้หยวนผ่อนลมหายใจ สิ่งนี้มักได้นำออกมาใช้ยามที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แม้เขาไม่อาจหลอมได้มากเกินไป แต่เขามีอยู่หลายร้อยเหรียญเช่นกัน
“ได้ ร้อยเหรียญก็ร้อยเหรียญ! ชื่อเงินสมปรารถนานี้น่าฟังกว่าเหรียญทิพย์นัก”
เห็นรอยยิ้มของจี้หยวนแล้ว พยักงานรู้ทันทีว่าตนเองได้กำไรน้อย ขณะที่รู้สึกเสียดายก็ไม่ได้ตำหนิตนเองมากเกินไป อย่างไรเสียก็เป็นการค้าขาย เขาคิดว่าธุรกิจครั้งนี้ไม่ได้ขาดทุน