เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - บทส่งท้าย 45 (อวสาน) ท่องยุคปัจจุบันหนึ่งวัน ลูกคนที่สองรายงานตัว
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- บทส่งท้าย 45 (อวสาน) ท่องยุคปัจจุบันหนึ่งวัน ลูกคนที่สองรายงานตัว
บทส่งท้าย 45 (อวสาน) ท่องยุคปัจจุบันหนึ่งวัน ลูกคนที่สองรายงานตัว
“น่าจะใกล้แล้วล่ะ” อวิ๋นจื่อซีไม่แน่ใจ นางรู้ดีว่ายิ่งตบะสูงเท่าไรยิ่งมีครรภ์ยาก สาเหตุหลักเป็นเพราะรอบประจำเดือนนานเกินไป แทบจะไม่มีเลย นอกจากนี้รอบประจำเดือนยังไม่มี ‘กฎเกณฑ์’ เข้าทุกวัน เพราะว่าตบะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ รอบประจำเดือนย่อมนับยาก ดังนั้นผู้ฝึกฌานจะตั้งครรภ์ได้ อยู่ที่ชะตานำพา
หากไม่ใช่เช่นนี้ ราชาแห่งพระสุเมรุก็คงไม่จำเป็นต้อง ‘ยอมจำนน’ เช่นนี้ แต่ในเมื่อเขาบอกว่าเหงาอย่างตรงไปตรงมาแล้ว อวิ๋นจื่อซีย่อมทำใจเมินเฉยเขาไม่ได้อีก
ดังนั้นอวิ๋นจื่อซีคิดว่า “หรือไม่เราพาเสี่ยวเป่าไปหาผีผี เที่ยวยุคปัจจุบันหนึ่งวันเป็นอย่างไร หวงหวงคงจะอยากเห็นยุคที่ข้าเติบโตมากใช่หรือไม่”
อันที่จริงหรงหวงไม่อยาก เพราะว่าเขาเคยเห็นแล้ว แต่เขาอยากลองสัมผัสดู เขาสงสัยในโลกอันมหัศจรรย์แห่งนั้นมาก เพียงแต่ว่า… หรงหวงเป็นห่วงผีผีมากกว่า “เจ้าและข้ามี ‘ตัวแปร’ มากมาย หากไปที่นั่นจะทำลายความสมดุลของโลกใบนั้น ยากที่จะควบคุม”
“เราสามารถลบตบะทิ้งให้หมด อย่าติดต่อกับสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญามากเกินไปเมื่อถึงที่นั่น เมื่อทำเช่นนี้ก็น่าจะไม่มีผลกระทบหรือไม่” อวิ๋นจื่อซีไม่มีเยื่อใยใดๆ กับคนที่นั่นแล้ว นางไม่คิดถึงลูกสะใภ้ แต่ยังอยากเจอเพื่อนเก่า
หรงหวงกลับรอบคอบมาก “ข้าจะลองนับก่อนถึงจะตัดสินใจได้” ไม่ว่าอย่างไร ผีผีก็เป็นบุตรโดยแท้ อย่าสร้างปัญหาให้เขามากเกินไป
อวิ๋นจื่อซีไม่คัดค้าน “ได้ ข้าไม่รีบ หากไปได้เราก็ไป หากไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไว้วันหลังผีผีกลับมาค่อยไปก็ได้” ก็แค่อยากพาเจ้าไปผ่อนคลายเท่านั้น
ถึงอย่างไรนางก็เป็นภรรยาที่ดีที่แก้ไขข้อผิดพลาดของตนเองเสมอ เมื่อพบว่าตนเองไม่สนใจสามีรูปงาม นางย่อมต้องชดเชยเขาอย่างดี
แม้ในใจหรงหวงไม่ต้องการ แต่จิตใต้สำนึกกลับอยากไปดู ‘บ้านเกิด’ ของภรรยา อยากรู้จักทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับภรรยา เขาจึงกระตือรือร้นมากพอควร
ดังนั้นเขาในบัดนี้เรียกหวงตัวน้อยของเขาออกมา ทำเอาอวิ๋นจื่อซีและเด็กน้อยตื่นเต้น ทว่าทั้งสองก็รู้จักแยกแยะดี ไม่ได้รบกวนเขา
เจ้าตัวน้อยเพียงแค่ปีนเข้าในไปอ้อมอกของย่าทวดซี มองปู่ทวดหวงตัวน้อยๆ อย่างอิจฉาและชื่นชอบ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “เป่า จะมีแบบนี้เมื่อไร…”
“ใกล้แล้วล่ะ รอปู่ทั้งสามของเจ้ากลับมา เสี่ยวเป่าของเราก็จะเรียกเป่าตัวน้อยออกมาได้แล้ว” อวิ๋นจื่อซีมั่นใจเรื่องนี้มาก ในขณะเดียวกันก็มองหวงตัวน้อยของสามีด้วยความสงสาร ขณะที่อวิ๋นจื่อซีสงสาร นางยังรู้สึกโมโหด้วย เพราะว่าครานั้นชายคนนี้ไม่ได้ปรึกษากับนาง และยังฆ่า ‘หวงน้อย’ ลับหลังนาง แม้จะบอกว่าทำเพื่อบุตรชายทั้งนั้น
แต่เจ้าหมอนี่กลับร่วงหล่นจนเกือบกลับสู่ธรรมชาติเพราะเหตุนี้ ทำเอานางโมโหมาก และยังสงสารมากด้วย โชคดีที่ไม่ว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วนางและเขาก็ผ่านมันมาได้อย่างราบรื่น
เมื่อหรงหวงทำนายเสร็จลืมตาขึ้นก็เห็นเหลนและภรรยากำลังมองเขา ทำเอาเขาตกตะลึงครู่หนึ่ง คิดถึงครั้งแรกที่เจอกัน เขาแสดงพลังวิเศษต่อหน้าภรรยา ภรรยาและลูกก็มองเขาเช่นนี้
เสี่ยวเป่าเจ้าหมอนี่… มักจะเรียกความทรงจำของเขาได้มากมายโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เขารู้สึกอายุมากแล้ว คิดถึงอดีตได้ง่ายๆโนเวลพีดีเอฟ
“เป็นอย่างไรบ้าง” อวิ๋นจื่อซีเห็นเขาเงียบไปนาน คิดว่าผลลัพธ์คงไม่ค่อยดี นางพูดต่อไปว่า “หากไม่ได้จริงๆ เราไม่ไปก็ได้ เดินเล่นในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็พอ จะว่าไปแล้ว แอตแลนนั่นเราก็ยังไม่เคยไปเลย ได้ยินว่ามันคล้ายคลึงกับโลกระบบเทพนิยายตะวันตกของโลกของข้ามาก”
“เช่นนั้นก็ไปที่นี่ด้วยและไปที่นั่นของเจ้าด้วย ข้าลองดูแล้ว ไม่เป็นไร” หรงหวงพูดพลางโอบทั้งสองคนเข้ามา “เมื่อครู่นี้เหม่อลอย เพราะว่าคิดถึงมั่วมั่วตอนเด็กน่ะ”
อวิ๋นจื่อซีเข้าใจ เขามองเสี่ยวเป่าในอ้อมอกก็มักคิดถึงมั่วมั่วเป็นประจำ แต่เมื่อนางเล่นกับเจ้าตัวน้อยบ่อยเข้า ก็รู้สึกเหมือนจะเห็นความ ‘บ้าระห่ำ’ ของอี้เอ๋อร์ตอนเด็กจากตัวเด็กน้อย
ไม่ว่าจะเป็นมั่วมั่วหรืออี้เอ๋อร์ล้วนเป็นเด็กที่นางรักและเอ็นดู ย่อมทำให้นางใช้ ‘ความรักของมารดา’ ทั้งหมดที่มีกับเสี่ยวเป่าคนนี้อย่างไม่รู้ตัว
บัดนี้ลองคิดดูแล้ว นางยังรู้สึกผิด “หวงหวง ขอโทษ” ที่ช่วงนี้เย็นชาต่อเจ้า…
“รู้ผิดวันข้างหน้าก็อย่าทำอีก มิเช่นนั้นข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า” หรงหวงกลัวจริงๆ เมื่อคิดถึงเนื้อที่น้อยลงอย่างน่าสงสารของเขาช่วงสองสามเดือนนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
“อะไรนะ” หรงเสี่ยวเป่าที่ไม่ค่อยเข้าใจถามขึ้นจากข้างๆ แต่เขาถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่ได้คำตอบ ‘สองสามีภรรยา’ จะพูดถึงเรื่องแบบนั้นกับเขาตัวน้อยๆ ได้อย่างไร
ทางนี้รักใคร่สามัคคี…
หรงอี้ที่ทิ้งลูกไปหลายเดือนใบหน้าสดใส เขามักจะอิ่มเอิบเหมือนเสือดาวที่ได้รับอาหารอย่างดี แม้กระทั่งผมของเขาก็ให้ความรู้สึกถึงฤดูใบไม้ผลิ
ทว่าวันเวลาดีๆ เหล่านี้ก็ควรพอได้แล้ว ถึงอย่างไรเยี่ยนอวี๋ที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ความละอายใจมาหลายเดือนก็รู้สึกผิดบ่อยๆ ช่วงนี้ “สามี เสี่ยวเป่าไม่ได้เจอเรานานแล้ว เราควรกลับไปหาเขาหรือไม่”
“มีท่านปู่หวงและท่านย่าซีอยู่ เราไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” หรงอี้ไม่รู้สึกว่าต้องกลับไปหา “มิหนำซ้ำภารกิจที่สำคัญของเราตอนนี้คือต้องทำให้เจ้าท้องปลาตัวน้อยๆ ให้ได้”
“…” เยี่ยนอวี๋ที่หายใจตื้นและเร็วรู้สึกท้อแท้กับคำพูดที่ตนเคยประกาศไว้ในครานั้น “ผ่านมาหลายเดือนแล้วยังไม่มีเลย บางทีข้าไม่ควรดื้อรั้นจริงๆ”
“ดื้อรั้นสิดี” ตอนนี้หรงต้าซือมิ่งชอบความดื้อรั้นของภรรยาที่สุด “บางทีอาจจะอีกแค่ไม่กี่วัน หากเรายอมแพ้ตอนนี้ คงเสียดายแย่”
“…ก็ใช่” ท้ายที่สุดเยี่ยนอวี๋ก็ยังไม่อยากยอมแพ้
ต้าซือมิ่งมองความไม่เต็มใจและนิสัยความดื้อรั้นของนาง อยากจะใช้ชีวิตไร้แก่นสารอย่างไม่มีความละอายไปวันๆ กับภรรยา
เนื่องจากเยี่ยนอวี๋รักสามีของตนเองมาก นางทั้งกล้าหาญและร้อนแรงในด้านนี้ เย้ายวนต้าซือมิ่งให้เขายอมที่จะอยู่ในบ่อปลาของนางทุกครั้ง ไม่สามารถไปไหนได้อีก
ดูจากภายนอกแล้ว ทุกคนคิดว่าเยี่ยนอวี๋เป็นนักพรตและราชินีที่เย็นชา มีเพียงต้าซือมิ่งรู้ว่าภรรยาทั้งเร่าร้อนและบริสุทธิ์ เป็นของชั้นเลิศจริงๆ
หรงอี้ไม่ได้ตั้งความหวังใดๆ กับเจ้าปลาน้อยเลย หวังเพียงไม่มีปลาตัวน้อยเช่นนี้ตลอดไป เขาจะได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวอยู่กับภรรยาเช่นนี้ไปตลอด แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
ทว่า… หรงอี้เพิ่งจะคิดถึงอนาคตอันดีงามเช่นนี้ เยี่ยนอวี๋ได้รับสารจากท่านพ่อเจ้าน้ำตาให้นางรีบกลับสำนักชางอู๋
ใช่แล้ว บัดนี้สองสามีภรรยาคู่นี้กำลังท่องเที่ยวแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไปทั่ว ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างหวานชื่น
สารของเยี่ยนชิงย่อมทำให้เยี่ยนอวี๋ที่เดิมทีคิดถึงลูกต้องตัดสินใจกลับสำนักชางอู๋ทันที
หรงอี้ห้ามไม่ได้ ได้แต่กลับไปพร้อมภรรยาและถือโอกาสแวะดูเจ้าตัวน้อยว่าโตหรือยัง หน้าตาเป็นที่ชื่นชอบหรือไม่
…
ณ สำนักชางอู๋
เมื่อเยี่ยนอวี๋สถิตลงมายังเรือนของท่านพ่อท่านแม่ ข้างในเงียบงัน ไร้เสียงใดๆ
บรรยากาศเช่นนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋กังวล เพราะว่านางสัมผัสได้ว่าผู้คนรอบๆ ตั้งใจเดินย่อง ทำตัวระมัดระวังมาก
หรือว่า ท่านพ่อท่านแม่เป็นอะไรไป?
เยี่ยนอวี๋จับมือสามีแน่น นางเป็นกังวลมาก
หรงอี้เองก็รู้สึกบรรยากาศรอบๆ แปลกๆ บัดนี้เขาประคองแขนของภรรยาไว้ ปลอบประโลมนางให้คลายกังวล
สองสามีภรรยาเคาะประตูห้องนอนของเยี่ยนชิงและจางอวิ๋นเมิ่งด้วยความกังวล
เยี่ยนชิงที่รับรู้ว่าพวกเขามาถึงแล้วจึงเดินมาหน้าประตูเงียบๆ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็รีบเปิดประตูทันทีและรีบทำท่า ‘ชู่ว์’ บอกให้เงียบๆดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เยี่ยนอวี๋เห็นท่านพ่อเจ้าน้ำตาไม่เป็นอะไรก็วางใจลงเล็กน้อย นางถามเสียงเบาว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”
เยี่ยนชิงส่ายศีรษะ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ให้ลูกสาวและลูกเขยเข้าห้องอย่างระมัดระวัง ไม่ให้รบกวนภรรยาที่รักที่อยู่ข้างใน
เยี่ยนอวี๋ที่เดิมทีวางใจลงแล้วก็เป็นกังวลขึ้นมาอีก เนื่องจากสีหน้าของท่านพ่อนางจริงจังเกินไป ทำให้นางกังวลว่าท่านแม่เป็นอะไรไปหรือไม่
เยี่ยนอวี๋รู้ว่าท่านพ่อเจ้าน้ำตารักท่านแม่เพียงใด หากให้เขาต้องประสบ ‘เหตุการณ์พลิกผันของภรรยา’ อีกครั้ง เขาต้องรับไม่ไหวแน่
สุดท้ายเยี่ยนอวี๋กังวลถูกเรื่องด้วย ทันทีที่นางเข้าห้องก็เห็นท่านแม่นอนบนเตียงอย่างอ่อนแอ สีหน้ายังขาวซีดมาก?
ทำเอาเยี่ยนอวี๋ตกใจจนรีบเดินไปข้างหน้าด้วยสัญชาติญาณ อยากจะตรวจดูอาการของท่านแม่
ทว่า… เยี่ยนอวี๋ที่กังวลเพิ่งจะก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าว นางกลับรู้สึกเวียนศีรษะ สะดุดขาตนเอง
หรงอี้พยุงนางไว้ทันที อุทานเบาๆ ว่า “ระวัง”
เยี่ยนชิงเองก็ตกใจ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ใจเย็นๆ ท่านแม่เจ้าสบายดี”
เยี่ยนอวี๋ย่อมไม่เชื่อ หลังจากที่นางตั้งสติได้แล้วก็นั่งลงข้างกายท่านแม่ จับข้อมือเพื่อตรวจชีพจร ทราบว่าอาการของท่านแม่อ่อนแอมาก ดูผิดปกติจริงๆ
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ “ร่างกายท่านแม่เดิมทียังดีๆ อยู่มิเช่นหรือ”
เยี่ยนชิงที่ถูกถามอ้ำอึ้ง จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
เยี่ยนอวี๋ร้อนรน “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ”
“ก็…” เยี่ยนชิงปิดหน้า พูดไม่ออกจริงๆ
เยี่ยนอวี๋ยิ่งร้อนรน เพราะว่านางตรวจอาการอย่างอื่นไม่ได้เลย รู้เพียงว่าร่างกายของท่านแม่อ่อนแอไปมาก ทำให้นางเป็นห่วงมาก ไม่สิ ใช่ว่าจะตรวจไม่เจออะไร เหมือนนางจะพบว่า…
เยี่ยนอวี๋ที่กำลังคิดจะตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งรวบรวมพลังจิตใจไปที่ปัญหาที่ตนเองเจอ น่าเสียดายที่นางเพิ่งจะรวบรวมพลังจิตใจมากขึ้น นางก็รู้สึกเวียนศีรษะอีกครั้ง ทำให้นางหายใจลำบาก การไหลเวียนของลมและเลือดชะงัก
หรงอี้จับมือของนางแน่นโอบนางเข้ามาปลอบในอ้อมอก “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ใจเย็นๆ ฟังท่านพ่อว่าอย่างไรก่อน ในเมื่อท่านพ่อส่งสารให้เรากลับมา ย่อมต้องบอกพวกเราได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ใช่ๆๆ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ลูกใจเย็นๆ นะ พ่อจะบอกเดี๋ยวนี้ เจ้าพักหายใจหายคอก่อน ท่านแม่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก” เยี่ยนชิงพูดพลางรับรินน้ำแก้วหนึ่งให้
เยี่ยนอวี๋รู้สึกไม่ค่อยสบายนักจึงดื่มไปสองสามอึก เมื่อดีขึ้นแล้วก็ถามว่า “เช่นนั้นท่านพ่อบอกหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” นางไม่เชื่อว่าไม่เป็นอะไรมากแน่นอน
เยี่ยนชิงเห็นลูกสาวร้อนรนจนหน้าซีดจึงจำใจกัดฟันพูดอย่างลำบากใจว่า “คือว่า… ท่านแม่เจ้ามีน้องชายหรือไม่ก็น้องสาวให้เจ้าน่ะ”
เมื่อพูดจบ เยี่ยนชิงปิดหน้าต่อไป ช่างน่า…
อายุปูนนี้แล้ว พูดเรื่องนี้ต่อหน้าลูกสาวรู้สึกลำบากใจจริงๆ อีกทั้งครานี้ยังทำให้ภรรยาสุดที่รักต้องทนทุกข์ทรมานจากการตั้งครรภ์อีก เขาอับอายจริงๆ
เยี่ยนอวี๋ “???”
นางได้ยินอะไรนะ?
หรงอี้ “…”
คิดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อแข็งแกร่ง หว่านเมล็ดพันธุ์ได้เก่งกว่าเขาอีก?
ไม่สิ หรงอี้ไม่ยอมรับแน่นอน ยอมรับเพียงว่าร่างกายของภรรยาและเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าจึงตั้งครรภ์ได้ยิ่งยาก
ชั่วขณะหนึ่ง หรงอี้รู้สึกอิจฉาจริงๆ
เยี่ยนชิงที่ไม่ได้รับการตอบสนองจากลูกสาวและลูกเขย เขาก็แอบดูสีหน้าพวกเขาผ่านซอกนิ้ว สุดท้ายพบว่าพวกเขาตกตะลึงมาก จู่ๆ ก็ยิ่งลำบากใจ ปิดหน้าต่อไปดีกว่า
เยี่ยนอวี๋เพิ่งตั้งสติได้ นางมองไปที่ท่านพ่อที่ปิดหน้า พูดขบขันว่า “ท่านพ่อจะปิดหน้ามองลูกเช่นนี้ไปตลอดหรือเจ้าคะ”
เยี่ยนชิงทำอะไรไม่ถูก “แบบนี้ก่อนดีกว่า”
เยี่ยนอวี๋หัวเราะ “มีอะไรน่าลำบากใจกัน นี่มันเรื่องดีนะเจ้าคะ ท่านพ่อทำแบบนี้ ทำเอาลูกคิดว่าท่านแม่เป็นอะไรไปเสียอีก แต่ท่านแม่ตั้งครรภ์ครั้งนี้ มีผลกระทบต่อร่างกายของนางมาก ต้องบำรุงดีๆ”
เยี่ยนอวี๋ในบัดนี้ในที่สุดก็รู้ว่าความสับสนเมื่อครู่นี้เกิดจากอะไรแล้ว มิน่านางถึงรู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างกำลังดูดซับเลือดจากแก่นแท้ของท่านแม่นาง
เจ้าเด็กคนนี้เห็นทีคงไม่ง่ายที่จะตั้งครรภ์ เกรงว่าจะทรมานท่านแม่ไม่เบา วันนี้ต้องเริ่มบำรุงท่านแม่ มิเช่นนั้นเจ้าเด็กคนนี้คลอดออกมาอาจจะทำลายสุขภาพของท่านแม่ได้
เรื่องเหล่านี้เยี่ยนอวี๋ย่อมไม่พูดออกมา กลัวว่าท่านพ่อได้ยินแล้วจะกลัวและโทษตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม
เด็กน้อยน่ะ ยังเล็กขนาดนั้น ตอนแรกเริ่มสุดย่อมต้องใช้เลือดเนื้อของท่านพ่อท่านแม่ฟูมฟัก เนื่องจากตั้งครรภ์ในร่างกายของมารดา มารดาย่อมต้องเสียสละมากกว่า
เมื่อเยี่ยนชิงได้ยินว่าครรภ์นี้มีผลกระทบต่อร่างกายของภรรยาสุดที่รัก แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้น หน้าก็ยังซีด “บอกตามตรง ที่พ่อเรียกพวกเจ้ากลับมา ก็เพราะว่าครรภ์ของท่านแม่เจ้าแปลกๆ พ่อกลัวน่ะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ ลูกจะอยู่สำนักชางอู๋คอยดูแลเอง จนเมื่อท่านแม่คลอดเสร็จแล้วเราค่อยว่ากัน” ในขณะที่เยี่ยนอวี๋ปลอบประโลมท่านพ่อเจ้าน้ำตา นางก็เริ่มคิดว่าจะบำรุงร่างกายให้ท่านแม่อย่างไร
เยี่ยนชิงย่อมเชื่อในความสามารถของลูกสาวสุดที่รัก “เช่นนั้นก็รบกวนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แล้ว ท่านแม่เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร” หากไม่ใช่เพราะเมิ่งเอ๋อร์ยืนหยัดไม่ทำแท้ง เขาคงไม่ได้อยากได้ลูกอะไรแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็มีทั้งบุตรชายแล้วบุตรสาวแล้ว เขาไม่อยากให้เมิ่งเอ๋อร์ต้องเสี่ยงอันตรายอีกจริงๆ
ตามหลักแล้ว สำหรับผู้ฝึกฌานการตั้งครรภ์จะไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่ครรภ์ของจางอวิ๋นเมิ่งไม่เหมือนที่ว่าจริงๆ ดังนั้นแม้เยี่ยนชิงจะไม่อยากทิ้งเลือดเนื้อของตนเอง แต่เขาสงสารภรรยามากกว่า เดิมคิดจะทำแท้ง แต่จางอวิ๋นเมิ่งเป็นมารดาที่รักเด็กมาก นางจะให้ลูกของตนเองสูญเสียโอกาสที่จะลืมตาดูโลกไปเช่นนี้ได้อย่างไร นางไม่เห็นด้วยแน่นอน
เยี่ยนชิงเอาชนะภรรยาไม่ได้ ได้แต่ทนทุกข์ทรมานด้วยความกลัว
บัดนี้เยี่ยนอวี๋กลับมาแล้ว และยังปลอบประโลมเขาด้วยคำพูดมากมายเหล่านี้ เยี่ยนชิงจึงค่อยๆ วางใจลง แต่จู่ๆ ก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมา “คำพูดเหล่านี้ท่านย่าซีของพวกเจ้าเคยพูด ข้าแค่อดเป็นห่วงไม่ได้น่ะ”
“ข้าเข้าใจ” เยี่ยนอวี๋กอดท่านพ่อเจ้าน้ำตา “ตอนนี้ข้าและท่านย่าซีจะดูแลท่านแม่เอง ท่านพ่อไม่ต้องห่วงนะ”
“ไม่ห่วงแล้ว ไม่ห่วงแล้วล่ะ” เยี่ยนชิงรู้ว่าความกังวลของตนเองนั้นไร้มูล แต่เขากลัวมากเกินไปจริงๆ
เยี่ยนอวี๋เข้าใจความรู้สึกของท่านพ่อเจ้าน้ำตาอย่างดี และยังปลอบเบาๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “เช่นนั้นท่านพ่อดูแลท่านแม่ก่อน ข้าจะไปหาท่านย่าซีปรึกษาว่าควรบำรุงท่านแม่อย่างไร” ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีประสบการณ์…
เยี่ยนอวี๋ที่สับสนในช่วงแรกที่ท้องเสี่ยวเป่า นางถึงกับไม่สามารถตรวจได้ตั้งแต่แรกว่าจางอวิ๋นเมิ่งมีครรภ์ จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้นางบำรุงสตรีมีครรภ์
ทว่าเยี่ยนอวี๋รู้ว่าเยี่ยนชิงกังวลอะไร ต่อหน้าเขานางย่อมแสดงตัวว่าตนเองมั่นใจมาก เพื่อให้เขาสบายใจ
เยี่ยนชิงในบัดนี้ก็วางใจลงมากจึงพยักหน้าไม่หยุด “ไปเถอะ รบกวนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และท่านย่าซีพวกเจ้าแล้ว”
“หากท่านพ่อยังเกรงใจเช่นนี้ ข้าและสามีจะไม่สนใจแล้วนะ” เยี่ยนอวี๋ทำเป็นไม่พอใจลุกขึ้นยืน ทว่าขณะที่ลุกขึ้นนั่นเอง นางก็รู้สึกวูบอีกครั้ง
และในครานี้ เยี่ยนอวี๋ตั้งสติไม่ได้อีก จู่ๆ นางก็หมดสติไป ล้มลงไปในอ้อมอกของสามีที่อยู่ข้างกาย และได้ยินเสียงทำอะไรไม่ถูกของสามีอย่างคลุมเครือ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์!”
เยี่ยนอวี๋อยากจะพูดว่า ‘ไม่ต้องเป็นห่วง’ แต่ข้างหน้ากลับดับวูบอย่างรวดเร็ว นางสู้ไม่ไหว สุดท้ายถูกความมืดครอบงำ
หรงอี้ตกใจกับภรรยาที่จู่ๆ หมดสติไปจนแทบจะทรุด ดวงตาสีม่วงอร่ามของเขากลายเป็นสีแดงทันที ทำเอาเยี่ยนชิงตกใจไปด้วย
โชคดีที่อวิ๋นจื่อซีและหรงหวงอุ้มเด็กน้อยมาถึงพอดี เสี่ยวเป่ารู้สึกได้ว่าท่านพ่อท่านแม่กลับมาแล้วจึงนั่งไม่ติด โวยวายว่าจะกลับมา
ทว่าเมื่อมาถึงก็เห็นภาพวุ่นวายเช่นนี้ ทำเอาเจ้าตัวน้อยเองก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก
หรงหวงปลอบเจ้าตัวน้อยทันทีและให้ภรรยารีบไปตรวจชีพจรให้หลานสะใภ้ เขายังจับไหล่ของหลานชายไว้แน่น พูดเสียงหนักแน่นว่า “อี้เอ๋อร์ ใจเย็นๆ ปู่อยู่นี่ ไม่เป็นอะไรหรอก”
หรงอี้จึงหันไปมองท่านปู่หวงของเขา ดวงตาสีแดงคู่หนึ่งค่อยๆ กลับไปเป็นสีม่วงอร่าม เสียงแหบแห้งดังขึ้นว่า “ท่านปู่หวง”
“พ่อ…” หรงเสี่ยวเป่าที่ทำท่าจะร้องไห้ปีนขึ้นไปบนไหล่ของท่านพ่อเขา
อวิ๋นจื่อซีตรวจชีพจรเสร็จแล้ว นางเข้ามาตบศีรษะของหลานชายทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์นักทันที “เจ้าทึ่ม ภรรยาเจ้ามีครรภ์แล้ว”
หรงอี้ถูกตบจนชะงักเล็กน้อย ยังไม่ทันตั้งสติได้
เยี่ยนชิงกลับตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ท่านหมายความว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มีครรภ์แล้วหรือ ตระกูลเยี่ยนของเรามีเรื่องน่ายินดีมาพร้อมกันเลยหรือ?”
“ใช่แล้ว” อวิ๋นจื่อซีมั่นใจมาก “ที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เวียนหัวก็เป็นเพียงเพราะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แต่นางจะฟื้นตัวได้เร็วๆ นี้ สุขภาพนางแข็งแรงดี ไม่เป็นอะไร”
หรงอี้เพิ่งจะตั้งสติได้และก็ต้องตกใจ เขาใช้มือแตะลงบนท้องของภรรยาอย่างเบามือ จากตกใจกลายเป็นความยินดี น้ำตาคลอ เมื่อครู่นี้ทำเอาเขาตกใจมากจริงๆ
โชคดีที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเขาไม่เป็นอะไร แค่มีครรภ์
โชคดีที่ดวงตาของเขาไม่ได้หม่นหมองลง เขายังคงหลีกหนีจากความมืดมนได้
โชคดี…
อย่างไรก็ตาม หรงอี้รู้สึกโชคดีมาก
หรงหวงที่กดไหล่ของเขาไว้ก็รู้สึกยินดีด้วย เขารู้ดีว่าเมื่อครู่นี้เสือดาวตัวนี้จะระเบิดอีกแล้ว
ครานี้หรงหวงรู้สึกโชคดีมากที่หลานสะใภ้มีชีวิตอมตะเหมือนกับเขา อยู่เคียงข้างหลานชายได้ตลอดไป มิเช่นนั้นเขาต้องกังวลจนผมขาวแน่นอน
ตราบใดที่หลานสะใภ้ยังอยู่ หรงหวงเชื่อว่าหลานชายอารมณ์ร้ายคนนี้ของเขาต้องอ่อนโยนและน่ารักเช่นนี้ตลอดไป
หลังจากตื่นตูมกันไปแล้ว บรรยากาศในห้องค่อยๆ เปลี่ยนจากความตึงเครียดเป็นความยินดี
เมื่อเยี่ยนจื่อเยี่ยเข้ามาเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของทุกคน รวมถึงหลานชายน้องที่ปีนขึ้นไปอยู่บนไหล่ของน้องเขย ใบหน้าน้อยๆ ของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าสิ่งที่เขารับรู้เหมือนกับดินถล่มฟ้าสลายนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา
หรงเสี่ยวเป่าที่มีดวงตาเฉียบไวเห็นเขาก็ส่งเสียงเรียกหน่อมแน้มอย่างยินดีว่า “ลุงใหญ่…”
“จ้า” เยี่ยนจื่อเยี่ยยิ้มเดินเข้าห้อง เมื่อเห็นทุกคนไม่เป็นอะไร รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งสดใสกว่าเดิม
แบบนี้ดีแล้ว ทุกคนในครอบครัวสบายดีก็พอ