เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - บทส่งท้าย 44 ต้าซือมิ่งอยากตกปลาอย่างเดียว
บทส่งท้าย 44 ต้าซือมิ่งอยากตกปลาอย่างเดียว
หารู้ไม่ว่าหรงหลินผู้เป็นที่โปรดปรานรู้สึกหงุดหงิดมากในยามนี้ โดยเฉพาะเมื่อรับรู้ถึงร่างกายนุ่มนิ่มของตนเองก็ยิ่งรู้สึกปวดศีรษะ
ทารกแรกเกิดที่ทำได้แค่กินและนอน พูดได้ว่าเป็นความใฝ่ฝันของเจ้าสี่ แต่กลับเป็นความทุกข์ของเจ้าสาม ทำเอาเขารู้สึกหดหู่ใจ
ไม่รู้ว่าท่านพ่อคิดอย่างไร ให้ข้ามาผ่านด่านเคราะห์ในร่างนี้ ต้องการให้ข้าอยู่เฉยๆ ก็ผ่านด่านเคราะห์ได้สำเร็จหรือไง หรงหลินยิ่งคิดยิ่งปวดศีรษะ เขาอยากแสดงฝีมือ สร้างชื่อเสียงระหว่างการผ่านด่านเคราะห์เสียหน่อย สุดท้าย… เขาคิดมากไปเอง
สมแล้วที่เป็นท่านพ่อ ให้เขากินๆ นอนๆ ก็ผ่านด่านเคราะห์ได้
อีกทั้งท่านพ่อของร่างกายน้อยๆ ร่างนี้ยังเป็นนายท่านตระกูลใหญ่และมีชื่อเสียง ตระกูลนี้ยังเป็นตระกูลที่รักใคร่สามัคคี หรือพูดได้ว่า… ต่อไปแม้เขาจะโตขึ้นก็จะได้เป็นนายน้อยที่นั่งรอความสำเร็จ อยู่เฉยๆ ก็ประสบความสำเร็จในชีวิตได้
ท่านพ่อควรให้เจ้าสี่มาผ่านด่านเคราะห์ที่นี่ถึงจะถูก หรงหลินถอนหายใจ อยากจะพลิกตัวแก้เครียด แต่เขาเป็นเพียงทารกแรกเกิด ยังพลิกตัวไม่เป็น ได้แต่นอนหงายอยู่นิ่งๆ เช่นนั้น รู้สึกเหมือนนอนจนวิญญาณแข็งทื่อไปหมดแล้ว
แม้แต่พลังงานของร่างกายน้อยๆ นี้ยังทำให้เขามีเวลานอนครุ่นคิดได้ไม่นาน เขาเพิ่งจะถอนหายใจก็รู้สึกง่วงและผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ก่อนจะหมด ‘สติ’ ไป หลงหลินมีเพียงความปรารถนาหนึ่งเดียว นั่นก็คือ โตไวๆ
หากเจ้าสี่ผู้ที่กำลังทำงานอย่างแข็งขันและคอยจัดการเรื่องงานเมืองรู้ว่าพี่สามของเขาคนนี้ประสบความชีวิตอย่างสบายๆ เช่นนี้ เขาต้องอิจฉาจนร้องไห้แน่ๆ อีกทั้งยังเป็นแบบประเภทร้องไห้จนสลบต่อหน้าท่านพ่อใจดำของเขาด้วย
…
วันถัดมา
หรงมั่วและเยี่ยเชียนหลีพาญาติพี่น้องส่วนใหญ่กลับเขาพระสุเมรุไปก่อนแล้ว
พวกเขาออกเดินทางแต่เช้าตรู่ เพื่อไม่ให้เด็กน้อยอาวรณ์ ถึงอย่างไรแม้ทางฝั่งเขาพระสุเมรุยังคงมั่นคง แต่คนใหญ่คนโตล้วนอยู่ข้างนอก หากเกิดอะไรขึ้นคงแย่
ถึงแม้หลายปีมานี้หรงหวงราชาแห่งพระสุเมรุยังคงดูแลบ้านเมืองอย่างดี หรงมั่วรัชทายาทท่านนี้และเยี่ยเชียนหลีชายารัชทายาทก็ทำงานอย่างหนัก อันตรายในพระสุเมรุและหมื่นอาณาจักรล้วนถูกกำราบ พูดได้ว่าแดนจิ่วเหลียนก่อนหน้านี้คืออันตรายสุดท้าย บัดนี้อันตรายเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นอีก ทุกๆ เขตแดนสงบสุข แต่กันไว้ดีกว่าแก้
โดยเฉพาะตอนนี้สามแฝดกำลังผ่านด่านเคราะห์ ไม่ควรเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นอีก แม้จะเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย หากกระทบการผ่านด่านเคราะห์ของสามแฝดจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ย่อมต้องระวังเป็นธรรมดา
หากไม่ใช่เช่นนี้ หรงหวงคงไม่เสนอตัวกลับเขาพระสุเมรุก่อน
อันที่จริงหรงมั่วและหลงตี้รู้สิ่งที่หรงหวงกังวล ดังนั้นแม้หรงมั่วจะไม่พอใจที่ท่านพ่ออู้งาน แต่สุดท้ายก็ยอมกลับไปทำงานแต่โดยดี ถือว่าเป็นการตอบแทนท่านพ่อใจดำที่ช่วยลูกเสือดาวผ่านด่านเคราะห์สำเร็จ
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้หรงมั่วไม่มีทางพูดออกมา เขาผู้ทระนงตนและเยือกเย็นไม่มีทางยอมรับเสียหรอกว่าตนเองกำลังตอบแทนบุญคุณท่านพ่อใจดำคนนั้น
แต่อันที่จริงหรงหวงรู้ว่าลูกคิดอย่างไร แต่เขาก็ไม่พูด ถึงอย่างไรเขาก็ยังหนุ่มอยู่เลย ยังไม่จำเป็นต้องมาแสดงความกตัญญูต่อเขา ทว่าเขาไม่อยากทำงานจริงๆ จึงทำเป็นหูหนวกและเป็นใบ้ดีที่สุด
สองพ่อลูกรับหน้าที่ของตนเองโดยปริยาย ต่างเตรียมพร้อมประจำที่
หลงตี้เองก็เป็นมังกรเฉลียวฉลาด มันมองสองพ่อลูกออกแต่ไม่พูดออกมา เพียงแค่ทำงานให้สองพ่อลูกอย่างหนักเอาเบาสู้ ในขณะเดียวกันก็อบรมสั่งสอนมังกรตัวอ้วน หวังเพียงว่ามันจะโตเร็วๆ จะได้มารับช่วงต่อ
หลังจากที่หรงมั่วพวกเขาจากไปแล้ว สวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็เริ่มเข้าสู่การพัฒนาครั้งใหม่
โฮ่วอี้ผู้มีบทบาทสำคัญในการกอบกู้โลกก่อนหน้านี้ได้รับคืนตำแหน่ง ตอนนี้เขายังคงเป็นเทพธนูของตำหนักสวรรค์ แต่เขาอาศัยในโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือและดูแลจักรพรรดิโลกมนุษย์
อินสวินอี้เองก็ได้รับอำนาจศักดิ์สิทธิ์สวรรค์ประทาน เนื่องจากปกป้องโลก เมื่อเขาสละตำแหน่งในโลกมนุษย์แล้วจะได้เลื่อนขั้นเป็นเซียนทันที
ส่วนอีอิ่นที่ในครานั้นเรียกรวมตัวสำนักศึกษาปกป้องต้าซย่าและต้องสูญเสียร่างกายไป บัดนี้ได้รับการชี้แนะ ได้สร้างร่างกายใหม่ขึ้นมาและขึ้นไปอยู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าล่วงหน้าอินสวินอี้
อินสวินอี้หากไม่ใช่เพราะวงศ์ตระกูลไม่มีผู้สืบทอด อันที่จริงเขาก็ขึ้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ บัดนี้…
“หลิวเฟิงเจ้าหมอนั่นถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่มารับช่วงต่อแน่นอน คงต้องหาใครสักคนในครอบครัวที่มีปัญญามารับช่วงต่อแล้ว” อินสวินอี้ทอดถอนใจ เขารู้ว่าลูกชายของเขาคนนั้นไม่มีทางกลับมาเป็นจักรพรรดิในโลกมนุษย์ เพราะมีอนาคตที่สดใสยิ่งกว่ารอเจ้าหมอนั่นอยู่
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงมอบอาณาจักรที่เขาสร้างขึ้นในโลกมนุษย์ให้ลูกหลานของญาติในสำนัก เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ หากจะโทษก็คงต้องโทษลูกชายตนเองที่โดดเด่นเกินไป
“เฮ้อ” อินสวินอี้ทำเป็นถอนหายใจอีกครั้ง “โทษข้าเองที่สอนบุตรดีเกินไป ช่วยไม่ได้น่ะนะ”
ต้าเหมาฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าบุคคลท่านนี้ยิ่งอยู่ยิ่งอวดดีขึ้นทุกวัน น่าเสียดายที่ปากของเขารู้กฎระเบียบดี ไม่สามารถทำเหมือนเอ้อร์เหมาที่กล้าคิดกล้าพูดได้ ได้แต่กลั้นเอาไว้
อินสวินอี้จึงเสแสร้งแกล้งทำอย่างสบายใจ จากนั้นจึงสั่งให้ต้าเหมานำชายหนุ่มทั้งหมดจากในรายชื่อที่เขาเลือกให้มาหาเขาเพื่อที่เขาจะได้เห็นด้วยตาของเขาเอง และจะได้ตัดสินใจได้
ต้าเหมาอยากไปแทบแย่ เขารีบออกไปทันที ไม่อยากฟังเสียงทอดถอนใจที่เสแสร้งเหล่านี้อีก ปลอมจริงๆ น่าสะอิดสะเอียนที่สุด ช่าง…
เมื่อต้าเหมาจากไป อินสวินอี้ยังคงดื่มด่ำและชื่นชมความสามารถในการเลี้ยงลูกของตนเองตามคาด ยังไม่ลืมที่จะเรียกขุนนางสำคัญสองสามคนมาโอ้อวดบุตรชาย หาใครเทียบไม่ได้อีกแล้ว
ขุนนางต้าซางกลับไม่สามารถโต้แย้งได้ ถึงอย่างไรจักรพรรดิก็สั่งสอนโอรสได้ดีจริงๆ ไม่ว่าพวกเขาจะฟังกี่ครั้งก็ต้องตั้งใจฟังต่อไป ต้องรู้ว่า บุคคลท่านนั้นเป็นถึงสหายของเทียนตี้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าและขุนนางที่โปรดปรานของปฐมราชินี
สุดยอดๆ
เลื่อมใสๆ
นี่คือความคิดของเหล่าขุนนางต้าซางในเวลานี้ ดังนั้นสำหรับเรื่องการเลือกลูกหลานของญาติในสำนักมาสืบทอดตำแหน่งที่อินสวินอี้เสนอขึ้นมานั้น พวกเขาไม่มีท่าทีว่าจะคัดค้านเลย
พูดเป็นเล่น พวกเขาจะแย่งคนจากปฐมราชินีหรือ ไม่มีทาง
มิหนำซ้ำ มี ‘อดีตนายน้อย’ ที่เก่งกาจเช่นนั้นดำรงตำแหน่งในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอย่างมั่นคง พวกเขาต้าซางก็จะเป็นราชวงศ์ที่มีคนระดับสูงที่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าคอยหนุนหลัง ดีจะตาย ไม่มีเหตุผลที่จะให้ ‘อดีตนายน้อย’ เสียผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่เพียงเพื่อผลประโยชน์อันน้อยนิด
ดังนั้นเรื่องที่อินสวินอี้หาผู้สืบทอดจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างราบรื่นดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
นอกจากนี้ โลกมนุษย์ที่มีเทพโฮ่วอี้อยู่ อินสวินอี้ไม่ต้องกังวลเลยว่าคนรุ่นหลังของตระกูลอินจะก้าวหน้าหรือไม่ เทพโฮ่วอี้ต้องคอยดูแลถึงที่สุดอย่างแน่นอน เขาก็จะได้เป็นเซียนผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัด ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายใจ
อินสวินอี้แค่คิดก็มีความสุขแล้ว ทว่า… เมื่อเขาจัดการงานทั้งหมดในโลกมนุษย์เสร็จและได้เลื่อนขั้นขึ้นตำหนักสวรรค์ เทียนตี้ก็มอบตำแหน่งยมราชในยมโลกให้เขา งานหนักยิ่งกว่าเป็นจักรพรรดิในโลกมนุษย์เสียอีก
อินสวินอี้ “…”
ไหนเซียนผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัดที่ว่าเล่า
เทียนตี้ชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร บังอาจให้เขาไปเป็นยมราชในยมโลกทันทีที่เขาเป็นจักรพรรดิในโลกมนุษย์เสร็จ ให้เขาเป็นจักรพรรดิตัวน้อยๆ ในต้าซางต่อไปยังดีกว่าเสียอีก
รู้สึกเหมือนถูกหลอก เขาโมโหมาก แต่ไม่กล้าพูด
ทว่าอินหลิวเฟิงที่ได้ยินว่าท่านพ่อจะไปเป็นยมราชยัง ‘ซ้ำเติม’ ว่า “ท่านพ่อ ไม่เลวนี่ ท่านเพิ่งเลื่อนขั้นก็ได้กุมอำนาจเลย ได้เวลาแสดงศักยภาพแล้ว”
“ไสหัวไปซะ” อินสวินอี้สงสัยมากว่าบุตรชายของตนเองลอบกัดเขาหรือไม่ ทำเอาเขาไม่ได้เป็นเซียนฝึกตนอิสระไร้สังกัด ยังต้องทำงานหนักอีก
อินหลิวเฟิงที่ ‘ลอบกัด’ จริงๆ ย่อมไม่เปิดเผย เขายังตบไหล่ของท่านพ่อเขาเบาๆ “ท่านอารมณ์ร้อนเช่นนี้ทำไมเล่า ผู้มีความสามารถก็ต้องทำงานหนัก ร่างกายของท่าน ลูกคิดว่าท่านทำได้อีกหมื่นปี”
อินสวินอี้ทนไม่ไหว ในที่สุดก็เริ่มต่อยบุตรชาย ทำเอาอินหลิวเฟิงลูกบัดซบที่ไม่กล้าต่อยกลับถูกต่อยตั้งแต่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าไปถึงแอตแลน จากแอตแลนไปถึงจักรวาลทางเหนือ เขาโมโหจริงๆ
ทว่าเมื่อสองพ่อลูกต่อยเสร็จกลับสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เทียนตี้ก็รู้สึกว่าสองพ่อลูกมีพลังเหลือล้นจึงให้อินสวินอี้ช่วยดูแลหลุมศพที่กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหลังจากที่หายไป
ส่วนอินหลิวเฟิงย่อมถูกส่งไปเมืองจิ่วเหลียน ทำเอาเขายุ่งเป็นพัลวัน…
หลังจากเทียนตี้จัดแจงสองพ่อลูกเสร็จแล้วจึงหัวเราะอย่างเย็นชาไร้ความปรานี “ไม่มีเหตุผลที่ข้าต้องยุ่งจนหัวล้าน ส่วนพวกเขายังเตร็ดเตร่ได้ทุกวัน”
“แค่ก” เซ่าเฮ่าที่กระแอมขึ้นเบาๆ บอกว่า “เอ่อ เสี่ยวจวิ้นจวิ้นเจ้ายุ่งต่อเถอะ ข้ากลับแอตแลนก่อนแล้ว ทางนั้นงานยุ่งมาก ช่วงนี้ข้าคงไม่มาหาเจ้าแล้วนะ”
เทียนตี้ไม่สงสัยใดๆ ยังเร่งเร้าว่า “รีบไปเถอะ ถึงอย่างไรแอตอลนก็ไม่ใช่ญาติสายตรงของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของข้า บางครั้งมีคนวิกลจริตปลอมตัวเป็นเทพแอตแลนมาก่อกบฏ ลำบากน้องเฮ่าแล้ว”
“ไม่ลำบากหรอก ไม่ลำบาก สมควรแล้ว สมควร” เซ่าเฮ่าพูดทันที ในขณะเดียวกันก็ออกจากตำหนักสวรรค์อย่างรวดเร็ว ไป ‘ทำงาน’ ที่แอตแลนต่อ กลัวมากว่าเทียนตี้จะคิดว่าเขาว่าง แบ่งงานให้เขาทำเพิ่มอีก
เทียนตี้คิดเสมอว่าเซ่าเฮ่าเป็นพี่น้องที่ดีที่ทุ่มเทสติปัญญาและความสามารถตราบจนชีวิตจะหาไม่ หารู้ไม่ว่าเซ่าเฮ่าขี้เกียจจึงทำเป็นแอตแลนยุ่งมาก ดังนั้นครานี้เขายังทอดถอนใจกับเทพรับใช้ข้างกายว่า “หากเหล่าทวยเทพทำงานอย่างหนักเหมือนน้องเฮ่า ข้าก็คงไม่ต้องยุ่งจนเป็นสุนัขหัวโล้น เฮ้อ…”
เทพรับใช้จะพูดอะไรได้ เขาพูดได้เพียงว่า “ฝ่าบาทท่านอยู่ในช่วงวัยรุ่งโรจน์ หัวโล้นที่ไหนกันพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าอย่ามาปลอบข้าหน่อยเลย เฮ้อ อาจารย์ก็ไม่มาช่วยข้า เป็นเพราะอาจารย์พ่อดอกบัวขาวนั่นแท้ๆ ติดอาจารย์แจเชียว” เทียนตี้คิดแค้น โดยเฉพาะหรงจวินโฮ่วผู้ครอบครองเยี่ยนอวี๋
ผ่านมาสี่ห้าเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่เหล่าเทพพระสุเมรุจากไปโนเวลพีดีเอฟ
เทียนตี้ยังคงเฝ้ารออาจารย์กลับมาช่วยเขา ตอนนี้ถือว่าสิ้นหวังอย่างสินเชิงแล้ว ได้แต่ประคองผมที่น้อยลงทุกวัน เครียดกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้และเมืองจิ่วเหลียนที่ผสานเข้ามาอย่างสมบูรณ์จนหัวล้าน จนต้องทานยาปลูกผม…
เทียนตี้ในยามนี้ไม่ยอมมองกระจกด้วยซ้ำ รู้สึกว่าเขาไม่ใช่ชายหนุ่มผู้สง่างามดังเช่นอดีตที่เคยอยู่ตรงหน้าอาจารย์ ทั้งวันเวลาและความกดดันทำให้เขากลายเป็นจักรพรรดิหัวล้าน
“เฮ้อ…”
เทียนตี้ที่คิดถึงผมที่น้อยลงทุกวัน ถอนหายใจอย่างเศร้าโศก
ส่วนหรงจวินโฮ่วที่ถูกเขาคิดแค้นทุกวัน ช่วงไม่กี่เดือนนี้เขาอุทิศตนให้กับการตกปลา ปล่อยลูกปลาทุกวัน เพื่อทำให้ฝันของภรรยาเป็นจริง
แม้แต่เด็กน้อยก็ถูกทิ้งให้ท่านย่าและท่านปู่ได้สำเร็จ
แน่นอนว่า หรงหวงคัดค้านอย่างยิ่ง แต่การคัดค้านของเขาไร้ผล เพราะว่าต้าซือมิ่งพูดกับท่านย่าซีของเขาทุกครั้งว่า เขากำลังสร้างปลาตัวน้อยอย่างแข็งขันกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ทุกวัน
เมื่ออวิ๋นจื่อซีได้ยินดังนั้น แม้รู้สึกว่าเจ้าหลานเสือดาวคนนี้คงมีเหลนชายให้นาง ไม่น่าจะเป็นเหลนสาว แต่ไม่แน่เล่า…
บัดนี้นางไม่สามารถเร่งให้แฝดสามมีเหลนสาวให้นางได้จึงได้แต่ขอให้หลานชายสู้หน่อย มีเหลนสาวให้นางได้เล่นด้วยสักคน ดังนั้นจึงพูดได้ว่าท่านย่าซีดูแลเหลนชายน้อยอย่างเต็มที่ เลี้ยงเหลนชายน้อยที่เดิมทีอวบอ้วนอยู่แล้วให้อ้วนขึ้นอีก เลี้ยงราชาแห่งพระสุเมรุที่เดิมทีสดใสกลายเป็นสามีจอมเคียดแค้น
ทำเอาราชาแห่งพระสุเมรุทำได้เพียงคัดค้านอย่างเปิดเผย “ซีเอ๋อร์ เจ้าเมินข้าเช่นนี้ต่อไปอีก ข้าจะปิดกั้นตนเองแล้วนะ”
“พูดซี้ซั้ว” อวิ๋นจื่อซีหยอกเหลนชายน้อยพลางไม่สนใจสิ่งที่ราชาแห่งพระสุเมรุพูด
หรงหวงยื่นมือออกมาอุ้มเหลนชายน้อยอวบอ้วนเข้ามาในอ้อมอกจึงเรียกสายตาของภรรยาได้ ทำให้เขาหงุดหงิดอีกครั้ง “จริงๆ นะ ไม่ได้พูดเล่น ตบะของข้าถดถอยลงเพราะเช่นนี้
เจ้าก็รู้ว่าครานั้นที่ข้ากลับชาติไปเกิดก็เป็นเพราะเป็นโรคซึมเศร้า โรคนี้ข้าได้ยินว่าไม่สามารถรักษาให้หายได้ กำเริบได้ทุกเมื่อ หากเจ้าไม่ดูแลข้าดีๆ ข้าจะเป็น ซึม เศร้า”
อวิ๋นจื่อซีที่เดิมทีไม่สนใจถูกขู่จนชะงักเล็กน้อย ในที่สุดก็ถามอย่างจริงจังว่า “รุนแรงเช่นนั้นเลยหรือ”
“เจ้าดูเองสิ” หรงหวงที่ยื่น ‘ข้อมือ’ ให้ดูด้วยสีหน้าหม่นหมอง ดูเหมือนเป็นสัญญาณของโรคซึมเศร้าขั้นแรกเริ่ม
อวิ๋นจื่อซีรู้ว่าที่สามีคนนี้ของนางตกระกำกลายเป็นคุณชายสำนักน้อยๆ สำนักหนึ่งจากที่เป็นราชาแห่งพระสุเมรุผู้สูงส่งได้ในครานั้นเป็นเพราะชีวิตที่อยู่จุดสูงสุดน่าเบื่อเกินไป ทำให้เขาหาทางตายทุกวิถีทาง
ถึงอย่างไรด้วยระดับตบะเช่นนี้ของเขาจะฆ่าตัวตายนั้นไม่ง่าย มีเพียงการเวียนว่ายตายเกิดให้สูญเสียพลัง จนในที่สุดสูญสลาย…
การฆ่าตัวตายหลากหลายน่ากลัวเช่นนี้ หลังจากที่อวิ๋นจื่อซีรู้ย่อมเจ็บปวดใจ บัดนี้ได้ยินว่าตบะของสามีถดถอย อาจจะกำเริบอีกครั้ง นางจึงระมัดระวังขึ้นมา
นางที่กำลังตรวจชีพจรอย่างตั้งใจนั้นไม่เห็นเลยว่ามุมปากของราชาแห่งพระสุเมรุยกขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่า…
ราชาแห่งพระสุเมรุก็ไม่ได้โกหก ช่วงนี้เขารู้สึกซึมเศร้าจริงๆ เพียงแต่ว่าไม่ได้แย่อย่างที่เขาพูด
ยามนี้เมื่อเห็นภรรยาเชื่อเรื่องนี้ หวงหรงจึงแสร้งอ่อนแออย่างเงียบๆ “เดิมทีข้ายังทนไหว แต่ผีผีนั่นทำเอาข้าสูญเสียพลังไปมาก ยังมีจอมขี้เกียจอีกคนที่ข้าวางใจไม่ได้ ทำเอาข้าเหนื่อยเหลือเกิน ซีเอ๋อร์เจ้ายังเมินเฉยข้า ข้าอยากตายจริงๆ”
อวิ๋นจื่อซีได้ยินก็รู้สึกผิด “…ข้าผิดเอง เอาแต่เล่นกับเสี่ยวเป่า เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ต่อไปเราเล่นกับเสี่ยวเป่าด้วยกัน”
หรงหวง “…”
เขาที่หลุบตามองเจ้าก้อนน้อยสีขาวอวบอ้วนอยากพูดเพียงว่า ใครจะอยากอยู่กับเจ้าหมอนี่ ข้าอยากเล่นกับภรรยาอย่างเดียว
ทว่า…
เจ้าตัวน้อยมองปู่ทวดหวงของเขาตาปริบ เห็นฝ่ายหลังหลุบตาลง ท่าทางอ่อนแอมาก สงสารจนจะร้องไห้ “ปู่ทวดหวง…”
เสียงเรียกหน่อมแน้มนี้ทำให้แม้หรงหวงจะใจแข็งอย่างไรก็ต้องใจอ่อนลง
มิหนำซ้ำเจ้าตัวน้อยยังแผ่ซ่านกลิ่นอายอมตะอันเฟื่องฟูออกมาอย่างจริงใจ ถ่ายทอดให้ท่านปู่หวงของเขาอย่างเต็มที่ ท่าทางเหมือนกับว่าไม่ว่าปู่ทวดหวงเป็นอะไร เป่าจะรักษาให้หาย
หรงหวง “…”
เจ้าตัวน้อยนี่ช่างอ่อนโยนและน่ารักจริงๆ ทำเอาเขาแกล้งไม่ลง
หรงหวงที่จู่ๆ ถอนหายใจรู้สึกว่าคำพูดที่ว่าลูกหลานคือหนี้นั้นไม่ผิดเลย
ดังนั้นเขาได้แต่ถามว่า “อี้เอ๋อร์จะเสร็จการใหญ่เมื่อไรหรือ” ข้าจะได้ทิ้งเจ้าเด็กน้อยคนนี้กลับไปให้ท่านพ่อท่านแม่แท้ๆ ของเขาอย่างไร้ซึ่งความรู้สึกผิด