เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - บทส่งท้าย 4 สี่แสงนำทาง
บทส่งท้าย 4 สี่แสงนำทาง
เยี่ยนอวี๋่กลัวว่าบิดาของนางจะร้องไห้จึงรีบอธิบายทันทีว่า “ท่านพ่อ ได้โปรดอย่าร้องไห้ ข้าสบายดีเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้เป็นกังวล”
“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร ดูสภาพเจ้าตอนนี้?” เยี่ยนชิงขอบตาแดงก่ำ เขากล่าวว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ แม้ว่าพ่อจะไม่มีความรู้เท่ากับเจ้าในตอนนี้ แต่เจ้าไม่สามารถหลอกพ่อแบบนี้ได้!”
“ถูกต้อง!” จางอวิ๋นเมิ่งเองก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป เจ้า…”
“ข้าสบายดีจริงๆ” เยี่ยนอวี๋อธิบายต่อ “ข้าทำแบบนี้ก็เพื่อให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าดีขึ้น นอกจากนี้ พวกเจ้าอย่าเพิ่งตื่นตระหนกและคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยความสามารถของข้า การจะฟื้นฟูตบะมันยากแค่ไหนกันเชียว”
แม้จะพูดแบบนี้…
อินหลิวเฟิงถามอย่างเฉียบขาด “ปัญหาคือเนื่องจากท่านสูญเสียตบะและพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ซ้ำยังตัดการเชื่อมต่อกับเหล่าขุนเขาและท้องทะเลของเรา ท่านจะฟื้นฟูตบะได้อย่างไร!?”
ซีหวังหมู่ซึ่งเกือบจะ ‘ถูกหลอก’ นั่งลงที่ข้างเท้าของเยี่ยนอวี๋ทันที ดึงชายกระโปรงของนางอย่างระมัดระวัง น้ำตาไหลอาบเต็มหน้า “ถูกต้องแล้ว! นายท่าน แม้ว่าสมองของซีซีจะไม่ดี แต่สมองของเจ้าวิหคทมิฬตัวใหญ่นั้นดีมาก ท่านอย่าพยายามหลอกพวกเราเลย”
อิงเจามองภาพตรงหน้า กำลังจะก้าวขึ้นไปดึงชายกระโปรงของนายท่านอีกตน แต่กลับถูกซีหวังหมู่จ้องมองอย่างดุเดือดจนมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยืนอยู่ที่เดิม
แม้ว่าสัตว์ร้ายตัวอื่นจะเหมือนกับอิงเจา พวกมันก็อยากเข้าใกล้นายท่านของพวกมันไม่ต่างกัน แต่ลูกพี่หญิงใหญ่ซีหวังหมู่นั้นดุร้ายเกินไป พวกมันทั้งหมดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยืนอยู่ที่เดิมและมองดูนายท่านต่อไปทั้งน้ำตา
ส่วนเยี่ยนอวี๋…นางกลัวที่สุดที่จะเห็นฉากนี้
แม้ว่านางจะรู้แต่แรกแล้วว่าตัวเองต้องเผชิญกับฉากนี้ หัวใจของนางก็ยังอดไม่ได้กระตุกอย่างต่อเนื่อง
ผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของนางเหล่านี้ดีไปเสียทุกอย่าง แต่ละตนล้วนสง่างาม งดงาม และทรงพลัง แต่พวกมันผูกพันกับนางมากเกินไป ทันทีที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับนางก็จะไม่มีตัวใดที่มีประโยชน์ พวกมันทั้งหมดจะกลายเป็นหมอนปักลายและทำได้เพียงร้องไห้…
นี่เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสามหมื่นปีที่แล้ว และในสามหมื่นปีต่อมา พวกมันก็ยังไร้พัฒนาการใดๆ แม้แต่ซีซีและเสี่ยวเหลยที่เคยถูกนางดุมาแล้วก็ยังเป็นแบบนี้
มองดูภาพตรงหน้า…
มีวี่แววว่าเจ้าพวกนี้จะยังคงร้องไห้ต่อไป
เยี่ยนอวี๋่ปวดหัวตุบๆ นางครางออกมา “พวกเจ้าหยุดร้องไห้เสียที”
“พ่อไม่ได้ร้องไห้!” เยี่ยนชิงที่ต้องการแสดงว่าเขาแข็งแกร่งมากชิงตอบ
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตบหลังบิดาและปลอบใจบิดาผู้นี้ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังจะร้องไห้แล้วพูดว่า “เจ้าค่ะๆ ครั้งนี้ท่านพ่อแข็งแกร่งที่สุด ดีกว่าลูกน้องของลูกที่มีชีวิตอยู่มาหลายสิบล้านปีแล้วเสียอีก”
เยี่ยนชิงแทบจะน้ำตาไหลเมื่อถูกลูกสาวปลอบประโลมแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงระงับความเสียใจและถาม “ดังนั้นเจ้าตอบคำถามนายน้อยอินมาก่อน เจ้าไม่มีแผนที่จะฟื้นตบะบำเพ็ญใช่หรือไม่”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” เยี่ยนอวี๋ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เยี่ยนชิงรู้สึกดีขึ้นแล้ว “ถ้าอย่างนั้น พ่อกำลังรอฟังเจ้าอยู่”
เหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่ประพฤติตัวดีมากต่างพากันปาดน้ำตา กลั้นน้ำตาและมองไปที่เยี่ยนอวี๋เป็นตาเดียว กำลังรอให้นาง ‘อธิบาย’ ด้วยสายตาปริบๆ
เยี่ยนอวี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่อธิบายอย่างจริงจังมากขึ้นว่า “พวกเจ้าควรรู้ว่าต้นตอของภัยพิบัตินี้เป็นเพราะจักรวาลมี ‘จิตวิญญาณ’ ของตัวเอง เหมือนกับราชาแห่งความไร้ระเบียบ เหมือนกับข้า
และสรรพชีวิตใดๆ หลังจากประสบกับการกัดกร่อนมานานหลายปี ก็จะบังเกิดความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว ราชาแห่งความไร้ระเบียบเป็นเช่นนั้น ข้าเองก็เป็นเช่นนั้น มันต้องการทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เป็นความปรารถนาอันเห็นแก่ตัว ข้าต้องการปกป้องสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ปกป้องพวกเจ้า นี่ก็เป็นความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวเช่นกันมิใช่หรือ”
“ไม่ใช่…” ซีหวังหมู่ต้องการเอ่ยขัด
แต่เยี่ยนอวี๋่ลูบศีรษะของนางแล้วพูดว่า “เชื่อฟังข้า ฟังข้าพูดให้จบ”
เทพองค์อื่นๆ ที่ลังเลที่จะพูดจึงหยุดขัดจังหวะโดยปริยาย
เยี่ยนอวี๋กล่าวต่อว่า “ตอนนี้ ข้าสลายพลังศักดิ์สิทธิ์และตบะทั้งหมดของตัวเองออกไป นี่ไม่ใช่แค่การสลายพลังธรรมดาๆ แต่ข้าได้ใช้พลังนี้ฟื้นฟูขุนเขาและทะเลโบราณเหนือทะเลสาบสือซ่าไห่ และมอบกฎของต้นกำเนิดแห่งจักรวาลให้กับพวกมันทั้งหมด”
กล่าวคือนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปฐมราชินีหยวนชูผู้ควบคุมชีวิต ความตาย และกฎของจักรวาลได้ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์ จักรวาลจะไม่มีตัวตนทางจิตวิญญาณใดๆ ที่สามารถครอบงำทั้งจักรวาลเพียงคนเดียวได้อีก
“สรุปก็คือ เจ้าคิดจะปล่อยสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไปตามยถากรรม” แอนนาสรุปมาหนึ่งประโยคสั้นๆ แต่ก็ตรงจุดเป็นที่สุด
เยี่ยนอวี๋พูดไม่ออก…
ความเงียบของนางเท่ากับการยอมรับข้อสรุปของแอนนา แม้ว่าข้อสรุปนี้จะบาดใจเกินไป แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของนางก็น่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่า
และเหล่าขุนเขาและท้องทะเลก็เข้าใจจริงๆ พวกมันเริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
ซีหวังหมู่ยิ่งเศร้าโศกใจ “ดังนั้นนายท่านไม่ต้องการซีซีอีกต่อไปแล้วจริงๆ!”
“ใช่” เยี่ยนอวี๋ตอบทันที ทำให้ซีหวังหมู่ที่คาดหวังว่าจะได้รับการปลอบโยนตัวแข็งทื่อ!
เยี่ยนอวี๋มองซีซีที่อยู่ข้างเท้านางอย่างใจเย็น จากนั้นก็มองไปที่เทียนตี้ เซ่าเฮ่า และหยวนสื่อเทียนจุนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ รวมถึงเหล่าขุนเขาและท้องทะเลและเทียนอ๋องเบิกฟ้าตลอดจนเทพองค์อื่นๆ ยังมีบิดา มารดาและพี่ชายที่อยู่ตรงหน้า..
“ผ่านมาหลายพันล้านปีแล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว อยากจะแบ่งเบาภาระนี้ออกไป ข้าอยากพาสามีกลับบ้าน ข้าอยากออกจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้วไปเดินดูให้ทั่ว ได้หรือไม่” เยี่ยนอวี๋ถาม
และคำถามนี้ของนาง…
ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้นิ่งเงียบ
สัตว์ร้ายทั้งหมดเองก็นิ่งเงียบ
แม้แต่เหล่าขุนเขาและท้องทะเล เวลานี้พวกมันเข้าใจแล้วว่านายท่านเพียงต้องการเป็นตัวของตัวเอง
หลายปีแล้ว…
นางดำรงตำแหน่งปฐมราชินีผู้สร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและเป็นผู้พิทักษ์สรรพชีวิตทั้งมวล ยิ่งเป็นผู้ดูแลกฎของจักรวาลนี้
กาลครั้งหนึ่ง นางได้พาพวกเขาสร้างโลก!
ต่อมา นางก็พาพวกเขารักษากฎและความสงบเรียบร้อย!
ตอนนี้ นางได้นำพาพวกเขาทำลายราชาผู้ปรารถนาทำลายล้างโลก!
ตราบเท่าที่นางยืนอยู่ในตำแหน่งปฐมราชินีหยวนชูหนึ่งวัน นางจะไม่มีวันได้หยุดพัก ยิ่งไม่มีทางได้ไปวิ่งเล่นตามใจ
แม้กระทั่งในวันที่สงบสุขก่อนที่นางจะร่วงหล่นครั้งแรก แม้ว่านางจะใช้ชีวิตสบายอย่างๆ แต่นางก็ไม่เคยได้ปลดภาระนี้จากบ่า
ดังนั้น…
เยี่ยนชิงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง “ได้แน่นอน! จำเป็นต้องได้!” ตลอดมาเขาไม่เคยต้องการให้ลูกสาวแบกรับภาระอันหนักหน่วงนี้ หากทำได้ เขาแค่อยากให้ลูกสาวของเขาเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ เหมือนเมื่อก่อน เหมือนก่อนที่นางจะคลอดบุตร ทั้งไม่รู้เรื่องทางโลก ไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวา
อย่างไรก็ตาม จางอวิ๋นเมิ่งที่ยื่นมือออกไปสัมผัสเส้นผมสีเงินของลูกสาว น้ำตาไหลอาบเต็มหน้า “แม่กับพ่อเจ้าย่อมหวังว่าเจ้าจะได้ปล่อยวางทุกสิ่ง แต่เจ้าไม่เหลือตบะเลยแบบนี้…” นี่ไม่เท่ากับว่านางต้องจากไปก่อนพวกเขาหรือ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อย่าว่าแต่จางอวิ๋นเมิ่งอยากร้องไห้ เยี่ยนจื่อเยี่ยเองก็น้ำตาไหลเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเยี่ยนจื่อเสา
แน่นอนว่าพวกเขาทั้งครอบครัวย่อมหวังว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของพวกเขาจะยังคงเป็นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ไม่ใช่ปฐมราชินีหยวนชูแห่งตำหนักไท่ชางอะไร แต่พวกเขาไม่ต้องการเห็นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จากไปแต่โดยเร็วยิ่งกว่า
“ข้าแค่ไม่ได้วางแผนที่จะสร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้าขึ้นมาใหม่ ไม่ได้หมายความว่าไม่คิดฟื้นฟู ข้ายังอยากอยู่กับสามีและเสี่ยวเป่าไปอีกนานๆ อีกหน่อยกตัญญูต่อท่านพ่อและท่านแม่ ข้าไม่ได้อยากตายตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นทุกคนไม่ต้องกังวลจริงๆ” เยี่ยนอวี๋สัญญาอย่างจริงจัง
นี่คือสิ่งที่นางคิดไว้จริงๆ ท้ายที่สุด…
นางทำแบบนี้เพื่อเดินเป็นเพื่อนสามีจนถึงก้าวสุดท้าย เพื่อให้บรรลุบทสรุปที่สมบูรณ์ ไม่ใช่เพื่อตายจากเขาไป ทิ้งให้เขาเสียใจและโทษตัวเอง ให้เขาอยู่เพียงลำพังในโลกใบนี้และให้เจ้าตัวเล็กกลายเป็นหญ้าต้นน้อยๆ ที่ไร้มารดา
“แต่…” ซีหวังหมู่ยังคงรู้สึกเศร้ามาก แต่นางไม่อาจสรรหาคำที่จะ ‘หักล้าง’ ได้จึงทำได้เพียงมองดูอินหลิวเฟิงผู้ชาญฉลาดอย่างคาดหวัง
แต่อินหลิวเฟิงส่ายหัวแล้วแสดงออกว่าเขาไม่อาจโน้มน้าว ยิ่งไม่สามารถโน้มน้าวได้ ทั้งตัวเขาเองก็ไม่มีใจที่จะทำเช่นนั้น นอกจากนี้เขายังคาดหวังว่านายท่านจะสามารถปลดภาระหนักบนบ่าที่แบกมานานหลายปี หวังว่านางจะได้เป็นเพียงมารดาของเสี่ยวเป่าและภรรยาของต้าซือมิ่ง
ตราบเท่าที่นางไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ! และตบะสามารถฟื้นคืนได้จริงๆ ก็ไม่มีอะไรสำคัญอีก
กระนั้น…
เห็นได้ชัดว่าเทียนตี้เองก็คิดเหมือนกัน เขาจึงตะโกนออกไปว่า “เอาล่ะ! ในเมื่ออาจารย์พูดถึงขนาดนี้แล้ว นางย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าต้องทำอะไร พวกเราสลายตัวกันเถิด มาร้องไห้อยู่ที่นี่แบบนี้น่าเกลียดเกินไปหน่อย”
“แต่…”
“ต่อจากนี้ไปข้าก็คือพี่ใหญ่ของพวกเจ้า! ไม่เชื่อฟังกันแล้วหรือ”
“ข้ายังเป็นถึงลูกพี่หญิงใหญ่ของพวกเขา!” ซีหวังหมู่แสดงความไม่พอใจ
เทียนตี้จ้องมันแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ทำตัวให้เหมือนลูกพี่หญิงใหญ่หน่อย นั่งยองๆ อยู่ข้างเท้าอาจารย์แล้วคว้ากระโปรงนางไว้แน่น เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นลูกพี่หญิงใหญ่แบบไหน เสี่ยวเป่ายังไม่เท่าเจ้า…”
แต่ก่อนที่เทียนตี้จะพูดจบ น้ำเสียงอ่อนเยาว์และน่ารักก็ดังแทรกมาจากด้านหลังเยี่ยนอวี๋่ “ใหญ่?”
ซีหวังหมู่รีบมองไปข้างหลังเยี่ยนอวี๋ทันที เห็นเพียงนายน้อยที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหนเปิดประตูห้องด้วยตัวเองและไม่พูดอะไร ศีรษะโล้นเล็กๆ ของเขา ชะเง้อมองจากด้านหลังบานประตู สีหน้าดูฉงน
เทียนตี้หันกลับไปมองเช่นกัน เห็นว่าเจ้าตัวเล็กบางคนในชุดนอนสีขาวหิมะได้ปีนข้ามธรณีประตูด้วยความพยายามอย่างมากและวิ่งเตาะแตะมาที่ขาของอาจารย์ ยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นไปกอดขาของอาจารย์เอาไว้แน่น
เยี่ยม!
การกระทำนี้เหมือนกับซีซีไม่มีผิด!
เพียงแต่คราวนี้ซีซีกลัวที่จะทำร้ายอาจารย์เพราะตบะของนางหายไปแล้ว นางจึงเปลี่ยนมาดึงชายกระโปรงแทน…
ซีหวังหมู่มองไปที่เทียนตี้ด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง “ข้าเหมือนกับนายน้อย!”
เทียนตี้ “…”
เขาถูกทำให้สำลักจนพูดไม่ออกจริงๆ
แอนนาหัวเราะแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเจ้ารู้สึกว่าเจ้าที่มีชีวิตอยู่มาหลายสิบล้านปีแล้ว เทียบกับนายน้อยเสี่ยวเป่าที่อายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ เป็นเรื่องที่น่าอวดจริงๆ?”
“แน่นอน! นายน้อยเก่งมาก!” ซีหวังหมู่ไม่คิดว่าเรื่องนี้มีอะไรผิดปกติ
เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินคนชื่นชมเขา เขาก็หัวเราะทันที “เยี่ยม! เป่า เยี่ยม!”
เยี่ยนอวี๋ยิ้มและคุกเข่าลง อุ้มเจ้าตัวเล็กเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพรมจูบเขาเบาๆ
ภาพของเยี่ยนอวี๋่ที่สงบและอ่อนโยนเช่นนี้ รวมถึงเด็กน้อยน่ารักในอ้อมแขนนาง เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่มองดูนางค่อยๆ หลั่งน้ำตาลงมาจากดวงตาของพวกมัน
แม้ว่าพวกมันจะอาลัยอาวรณ์นายท่าน แต่นายท่านสามารถใช้ชีวิตที่เรียบง่ายตามปรารถนาได้ ก็เป็นความปรารถนาของเหล่าขุนเขาและท้องทะเลทั้งหมดเช่นกัน เพียงแต่ พวกมันตัดใจปล่อยนายท่านไปไม่ลงจริงๆ…
สำหรับเหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่ติดตามเยี่ยนอวี๋มาตั้งแต่ที่พวกมันเริ่มมีสติปัญญา การตัดการเชื่อมต่ออันละเอียดอ่อนระหว่างพวกมันกับนายท่าน เท่ากับตัดรากทิ้ง
แต่แม้ว่าจะรู้แบบนี้ ต่อให้เป็นอิงหลงซึ่งได้ชื่อว่าอ่อนโยนที่สุดในบรรดาสัตว์ร้ายในขุนเขาและท้องทะเลก็ยังยืนหยัดลุกขึ้นมาพูดอย่างหาได้ยาก “เช่นนั้นพวกเราพี่น้องทั้งหมดจะแบกรับหน้าที่นี้แทนนายท่านและปกป้องสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นายท่านอย่าได้กังวล”
นับตั้งแต่ที่แอตแลนมาที่นี่ อิงหลงที่มีนิสัยสุขุมยิ่งกว่าก็มักจะไปอยู่ในจักรวาลดั้งเดิม ต่อให้เป็นตอนที่ต่อสู้กับราชาแห่งความไร้ระเบียบ มันก็ยังปกป้องจักรวาลดั้งเดิม
ความคิดของมันนั้นเรียบง่ายมาก จักรวาลดั้งเดิมนี้คือ ‘บ้าน’ ที่มันต้องปกป้องเพื่อนายท่าน!
ตอนนี้…
ดูเหมือนว่าจักรวาลดั้งเดิมจะหายไปแล้ว!
อันที่จริงมันแค่ลงจากสวรรค์และหลอมรวมเข้ากับขุนเขาและท้องทะเลโบราณในทะเลสาบสือซ่าไห่ หลอมรวมเข้ากับสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงขยายใหญ่ขึ้น! ย้อนกลับไปเป็นสวรรค์เก้าชั้นฟ้าทั้งหมดอีกครั้ง
เมื่อนายท่านจากไป มันก็จะปกป้องสวรรค์เก้าชั้นฟ้าทั้งหมด
ไม่ว่านายท่านจะกลับมาหรือไม่ก็ตาม มันก็จะอยู่ที่นี่เสมอคอยปกป้องตลอดไป
อิงหลงที่เป็นแบบนี้…
ทำให้เซ่าเฮ่าพยักหน้าอย่างชื่นชม “ข้าจะอยู่เป็นเพื่้อนเจ้า”
“อยู่เป็นเพื่้อนเจ้า!”
“อยู่เป็นเพื่้อนเจ้า!…”
“นายท่านโปรดวางใจเถิด พวกเราจะเชื่อฟังเทียนตี้”
“ใช่แล้ว เราทุกตนจะเชื่อฟัง เลิกก่อเรื่องและเอาแต่ใจ”
“…”
ขุนเขาและท้องทะเลทั้งหมดแสดงความรู้สึกของพวกมันทีละตน
เปลี่ยนจากความไม่เต็มใจและอาลัยอาวรณ์ก่อนหน้านี้ วิงวอนเยี่ยนอวี๋อย่าได้ทิ้งพวกมันไป ไปเป็นปลอบใจนาง บอกให้นางวางใจ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกมันอีก
เยี่ยนอวี๋น้ำตาเอ่อคลอเต็มดวงตา แต่นางไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ เพียงไม่มองไปที่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของนางอีก กอดเจ้าตัวเล็กเอาไว้แน่น นางกลัวว่าถ้านางมอง มารดาแก่ๆ คนนี้จะตัดใจจากพวกมันไปไม่ลง
สำหรับเยี่ยนเสี่ยวเป่า เจ้าตัวเล็กขยี้ตาเบาๆ เขาสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในตอนนี้ไม่ถูกต้องนัก ท่านแม่ของเขาเองก็ดูแปลกเช่นกัน “แม่”
“หืม” เยี่ยนอวี๋คลายอ้อมแขนเบาๆ จุมพิตใบหน้าอันอ่อนโยนของเขาอีกครั้ง
เจ้าตัวเล็กบางคนกะพริบดวงตากลมโตแล้วถามว่า “แม่ ผมขาวขาว”
“ใช่ ดูดีใช่หรือไม่ เปลี่ยนสีได้แบบเดียวกับท่านพ่อของเจ้า” เยี่ยนอวี๋ถามเบาๆ นางไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กกังวล
เยี่ยนชิงกลับอดไม่ได้หลั่งน้ำตาลงมาในขณะนี้ ในฐานะบิดามารดา เขารู้ดีว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถามคำถามนี้กับหลานชายเพราะไม่ต้องการให้หลานชายเสียใจ
ส่วนเจ้าตัวเล็กบางคนกลับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ดี สวย ท่านแม่ เป่า สวยที่สุด!”
“เสี่ยวเป่า” จางอวิ๋นเมิ่งอดไม่ได้คุกเข่าลงและกอดทั้งลูกสาวและหลานชายเอาไว้ในอ้อมแขน แม้ว่านางจะเข้าใจว่าทำไมลูกสาวของนางถึงทำเช่นนี้ แต่ก็ยังรู้สึกเศร้าใจอยู่ดี
เยี่ยนชิงเองก็นั่งลงยองๆ ต้องการโอบกอดสตรีสองนางที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเอาไว้ให้แน่นๆ! เพียงแต่เขาเพิ่งจะนั่งลง คนยังไม่ทันได้กอด
แสงสีขาวอันเงียบงัน…ก็กระจายออกมาจากห้องและปกคลุมตัวเยี่ยนอวี๋ไว้
จากนั้น
เยี่ยนเสี่ยวเป่า
จางอวิ๋นเมิ่ง
รวมถึงเยี่ยนชิงที่กำลังจะ ‘ลงมือ’ พวกเขาทั้งหมดก็ถูกแสงสีขาว ‘ผลักออกไป’
“อ้า?!” เจ้าตัวเล็กกรีดร้องตามสัญชาตญาณ
แต่ถึงแม้เขาจะร้องแล้ว เขาก็ยังถูกผลักออกไปอย่างไร้ความปรานี
แม้ว่าเขาจะอยู่ในอ้อมแขนของมารดา แต่เขาก็ยังถูกผลักออกไป…
เยี่ยนอวี๋ถูกขังไว้เพียงลำพัง!
นี่…
ไม่ทันรอให้เยี่ยนอวี๋ตอบสนอง! เจ้าตัวเล็กก็ถูก ‘ยัด’ เข้าไปในอ้อมแขนของจางอวิ๋นเมิ่ง จากนั้นก็ถูก ‘ผลัก’ ออกไปไกลหนึ่งจั้ง รวมถึงเยี่ยนชิง ซีหวังหมู่ เทียนตี้ และเซ่าเฮ่า
เยี่ยนอวี๋เองก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่นางสัมผัสได้ว่าแสงสีขาวรอบตัวนางเป็นของสามีนาง ดังนั้นนางจึงไม่ตื่นตระหนกหรือดิ้นรน
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่สัมผัสได้ว่านี่คือกลิ่นอายของบิดาเขาก็เริ่มไม่ชอบใจแล้ว “อ๊า พ่อ! ข้า เป่า อ๊า~” เขาผลักเป่าได้อย่างไร!?
แต่แม้เขาจะตะโกนเสียงดัง บิดาเขาก็ยังไม่แยแสและยังคงกักขังมารดาของเขาเอาไว้
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าวิตกกังวลมากจนต้องพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของท่านยายและรีบวิ่งไปหามารดาเขา
“ระวัง!” จางอวิ๋นเมิ่งต้องการหยุดเขาโดยสัญชาตญาณ เพราะนางกลัวว่าหลานชายนางจะถูกแสงสีขาวสะบัดออกไป กลัวว่าลูกสาวของนางจะถูกหลานชายของนางชนเข้า
ปรากฏว่าความกังวลใจของนางถูกต้อง…เพราะเยี่ยนเสี่ยวเป่าถูก ‘สะบัด’ ออกไปจริงๆ!
แอนนาวิ่งเข้ามาหมายจะคว้าตัวเจ้าตัวเล็กไม่ให้ปลิวออกไป ประเดี๋ยวเขาจะร้องไห้งอแง
อย่างไรก็ตาม…
“อ้า!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าตะโกนเสียงดังลั่นและทันใดนั้นพลังในร่างกายของเขาที่คล้ายกับแสงสีขาวก็ทะลักออกมา จากนั้นเขาก็กระโจนเข้าหามารดาอีกครั้ง
และครั้งนี้…เขาสามารถ ‘บีบ’ ตัวเองเข้าไปได้!
เยี่ยนอวี๋กอดเจ้าตัวเล็กแน่น แต่นางยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ครืน!
ครืน!…
บนท้องฟ้าเหนือจักรวาลดั้งเดิมที่ผสานเข้ากับทะเลสาบสือซ่าไห่ แสงขนาดยักษ์สี่ดวงปรากฏขึ้นพร้อมกัน พวกมันแบ่งออกเป็นสีคราม ขาว แดง และดำ รวมทั้งสิ้นสี่สี