เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 667 คัมภีร์สอนลูกอันพิสดารของต้าซือมิ่ง รังเก่าทลาย
ตอนที่ 667 คัมภีร์สอนลูกอันพิสดารของต้าซือมิ่ง รังเก่าทลาย
“ตัวอะไรน่ะ?” อินหลิวเฟิงมีลางสังหรณ์ไม่ดี โดยเฉพาะคำว่า ‘ยุคก่อนประวัติศาสตร์’ ฟังดูน่ากลัวมาก
ในความเป็นจริงมันก็น่ากลัวมากจริงๆ เพราะว่าขณะที่กู้จื่อเฟิงตัดสินใจเสร็จ ใต้เท้าของเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกเหมือนกับว่ากำลังสั่นไหว ที่สำคัญคือทั้งข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้ายและข้างขวาหลายสิบลี้ล้วนสั่นไหวเหมือนกับมีบางอย่าง ‘คืบคลาน’ เข้ามา
นอกจากนี้ เทพอัสนีที่บินอยู่กลางอากาศยังเห็นว่ามีตัวอะไรบางอย่างหนาแน่นรอบทิศกำลังพุ่งเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย พวกมันไม่เกรงกลัวต่อเพลิงนิพพานและฟ้าคะนอง แม้จะถูกเผาทำลาย พวกมันยังคงทะลักเข้ามา
เห็นที…
“นายท่าน เราคงมาถึงรังของพวกมันแล้ว มีบางอย่างจำนวนมากกำลังรวมตัวกัน กองทัพของมันยิ่งใหญ่ใกล้เคียงกับมหาสงครามเทพและมารในครานั้นของเราเลย เพียงแต่ว่ามันมีลูกน้องมากเกินไป มองไม่เห็นลูกพี่พวกมันเลย” เทพอัสนีกล่าวจากข้างบน
ทว่ามันเพิ่งจะพูดจบ บริเวณพื้นข้างซ้ายและขวาของเยี่ยนอวี๋ก็มีแถบสายสีดำและสีแดงมากมายพุ่งออกมาเสียงดัง ชู่ เพลิงนิพพานของจางอวิ๋นเมิ่งสลายไปทันที
ในขณะเดียวกัน…
อ๊บ
คางคกสีดำแดงขนาดยักษ์ตัวหนึ่งพ่นเมือกใส่เทพอัสนี เป็นเมือกที่ทำให้รู้สึกราวกับว่าสามารถยึดเทพอัสนีไว้บนท้องฟ้าได้
ไม่เพียงเท่านี้…
แซ่ด
ใยแมงมุงขนาดยักษ์ที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าก็คลุมพวกเยี่ยนอวี๋ไว้ในขณะเดียวกัน ที่สำคัญคือองค์จริงของแมงมุงยักษ์ที่พ่นใยออกมายังไม่เผยใบหน้า
“มารดาข้าเถอะ”
อินหลิวเฟิงที่กระโดดหลบไปข้างหลังเยี่ยนอวี๋ทันทีถูกเด็กน้อยถีบทีหนึ่ง “ของ เป่า นี่แน่ะ…”
เด็กน้อยเพิ่งพูดจบ…
“ออกไปซะ!”
เม่ยเอ๋อร์ที่พุ่งขึ้นมากลางอากาศใช้ดาบเล่มใหญ่ในมือที่มีขนาดยาวเท่า ‘ท้องฟ้าทั้งผืน’ ตวัดขึ้นไป ทำให้ใยแมงมุงถูกผ่าแยกเป็นสองซีก เสียงดัง ฉึบ
“อัสนีบาตพิโรธ!”
เทพอัสนีที่โจมตีใส่ก็เดือดดาลด้วยเปลวเพลิงฟ้าคะนอง เมือกที่พ่นขึ้นมาระเหยในทันที ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
วี้ด
จางอวิ๋นเมิ่งที่กลายร่างเป็นนกเฟิ่งหวงองค์จริงก็เดือดดาล นางปล่อยเพลิงนิพพานหลากสีที่ประกอบด้วยเพลิงนิพพานต้นกำเนิดของจักรวาล เผาสัตว์พิษน้อยใหญ่ที่พยายามจะพุ่งเข้ามาหลังจากที่ไฟด้านหน้าสลายไป
เสียงไฟแผดเผาดังปะทุ เห็นได้ว่าสัตว์พิษทั้งห้ามีจำนวนมากจริงๆ แต่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย
ไม่เพียงเท่านี้ ซีหวังหมู่ใช้กรงเล็บจิกลงไปที่ตัวอะไรบางอย่างที่คืบคลานอยู่ข้างใต้เท้าพวกเยี่ยนอวี๋แล้วกระชากมันออกมาทันที “ไสหัวออกมาซะ”
ซู่
ตะขาบสีดำแดงขนาดใหญ่ถูกซีหวังหมู่ดึงออกมาทันที
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เห็นดังนั้นก็เกาศีรษะ รู้สึกคันศีรษะยิบๆ
ซีหวังหมู่มีบทบาทดุร้ายกลับกัดตะขาบยักษ์นั่นทันที
“บัดซบ!”
อินหลิวเฟิงรับไม่ได้กับภาพตรงหน้านี้ แต่เขายังอดอุทานอย่างชื่นชมความอาจหาญของซีหวังหมู่ไม่ได้ เจ้าสัตว์น่าสะพรึงเช่นนี้ มันยังกล้ายัดเข้าไปในปาก ไม่กลัวโดนกัดเลย ทว่าเขาเพิ่งอุทานเสร็จ ลำแสงสีดำลำหนึ่งก็กวาดมาทางตำแหน่งของเขา
ครั้นลำแสงกวาดมาใกล้… ขณะที่เทพอัสนีที่อยู่บนท้องฟ้ากำลังต่อสู้กับคางคกก็ตะโกนขึ้นว่า “นายท่านระวัง แมงป่องยักษ์”
เหล็กในของแมงป่องที่ปล่อยหมอกพิษเหม็นคาวออกมาตามคาดโจมตีใส่เยี่ยนอวี๋พวกเขาอย่างไม่เลือกหน้า แค่เหล็กในที่แหลมคมนั่นก็สามารถบดขยี้เยี่ยนอวี๋พวกเขาได้แล้ว เห็นได้ว่าร่างของมันใหญ่เพียงใด
ทว่ามันยังไม่ทันซัดมาถึง…
วี้ด
หงส์ผีจู่โจมเข้ามาพร้อมกับขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัดแล้ว
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนจื่อเยี่ยขึ้นบนหลังหงส์แล้ว มือข้างหนึ่งสังเวยกระบี่ยาวเล่มใหม่ที่เยี่ยนอวี๋เป็นคนให้เขาออกมา เขาแทงหางของมันลงไปอย่างไม่ลังเล ต่อสู้กับแมงป่องอย่างดุเดือด
“ยังมีจิ้งจกอีกหนึ่งตัว” กู้จื่อเฟิงมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง เพราะว่าจิ้งจกพิษหนึ่งในสัตว์ห้าพิษร้ายยุคก่อนประวัติศาสตร์คือสิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายและร้ายกาจมากที่สุด
และเจ้าตัวนี้… มันไม่รอให้กู้จื่อเฟิงได้อธิบาย เด็กน้อยก็ถามขึ้นอย่างน่าเอ็นดูว่า “ตัว ตัวนี้หรือ”
กู้จื่อเฟิงหันกลับไปอย่างตระหนก เขาเห็นมือของนายน้อยจับจิ้งจกตัวน้อยสีดำทองตัวหนึ่งไว้?
นี่มัน… อย่าว่าแต่กู้จื่อเฟิงจะตกตะลึงเลย แม้แต่เยี่ยนอวี๋เองก็ตกใจ “เสี่ยวเป่า เจ้าจับมาจากที่ไหน” เหตุใดนางจึงไม่รู้เรื่องเลย
ทว่าต้าซือมิ่งรู้ “เมื่อครู่นี้”
“เมื่อครู่นี้?” เยี่ยนอวี๋พูดไม่ออก “มันโจมตีเสี่ยวเป่าหรือ”
“ใช่ มันบินขึ้นมาจากในพื้นดิน ถูกเด็กน้อยจับได้” หรงต้าซือมิ่งเล่า
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางรีบรับจิ้งจกตัว ‘น้อย’ มาทันที นางรับรู้ได้ว่า จิ้งจกตัวนี้ตอนนี้สลบไปแล้ว แต่ในร่างกายของมันมีไอพิษร้ายและกลิ่นอายผีที่รุนแรงมาก รุนแรงกว่าสัตว์ประหลาดอีกสี่ตัว
แต่เจ้าจิ้งจกตัวนี้กลับถูกลูกของนางจับไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้ และยังสลบไปด้วย?
เยี่ยนอวี๋อดไม่ได้ที่จะตรวจดูมืออวบอ้วนน้อยๆ ของเด็กน้อยทันที นางกลับพบว่ามือของเด็กน้อยขาวนุ่มมาก ไม่มีอาการถูกพิษแต่อย่างใด
“เกิดอะไรขึ้น” กู้จื่อเฟิงถามอย่างงงงัน เขาไม่เข้าใจได้จริงๆ ว่านี่มันคือวิธีการอะไรกัน
เยี่ยนอวี๋สั่งสอนลูก “เสี่ยวเป่าห้ามจับของมั่วซั่วอีกนะ”
“แต่ว่า มันจะ กัดเป่า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด
เยี่ยนอวี๋ “…” นางไม่สามารถแย้งกลับได้
จากนั้นต้าซือมิ่งก็สอนว่า “ลูก ลูกต้องใช้ค้อน ใช้มือจะทำให้มือสกปรก”
“อ๋อ” เจ้าตัวน้อยก็บอกว่าเข้าใจแล้ว แต่ว่าครั้งหน้าจะทำอีกหรือไม่นั้น ต้าซือมิ่งไม่รู้
ทว่าเขาเองก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ ถึงอย่างไรหากทำอีกก็แค่สอนอีก หากทำอีกก็… ตีสักยก
“ท่านเสี่ยวเป่า ท่านไม่เป็นไรจริงๆ หรือ” อินหลิวเฟิงที่ยังคงเป็นกังวล เขากลัวว่านายน้อยจะล้มลงกะทันหัน ถึงอย่างไรเขาก็จับจิ้งจกพิษยุคก่อนประวัติศาสตร์เชียวนะ
กู้จื่อเฟิงเองก็ประหลาดใจ “นายน้อย ท่านไม่โดนพิษเลยหรือ”
“…เหมือนกับว่าจิ้งจกจะรู้สึกเผ็ด” เยี่ยนอวี๋ที่กำลังศึกษาจิ้งจกที่สลบไปขณะที่ต้าซือมิ่งเว้นจากการสั่งสอนลูกกล่าว เจ้าจิ้งจกตัวนี้เหมือนกับว่าจะคล้ายกับหนอนกินวิญญาณก่อนหน้านี้
“คุณหนูใหญ่มั่นใจหน่อย ตัดคำว่า ‘เหมือนกับว่า’ ออกไป” เอ้อร์เหมาที่ดูถึงตรงนี้ก็คิดว่าต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน
ต้าซือมิ่งในครานี้ เขามองไปข้างหน้าแล้ว “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เข้าไปเถอะ พวกเขาจะหนีแล้ว”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ตอบเสร็จก็พาทุกคนเหินเข้าไปในรังหลุมศพอย่างไร้สิ่งกีดขวางแล้ว
ถึงอย่างไรไอมรณะในบัดนี้ก็สลายหมดสิ้นแล้วและจะไม่ส่งผลกระทบต่อกฎของมิติ สัตว์มีพิษทั้งสี่ก็ถูกเล่นงานจนพ่ายแพ้ไปแล้ว ดังนั้นเยี่ยนอวี๋พาสามีและลูกรวมถึงอินหลิวเฟิงพวกเขาสถิตเหนือปราสาทผีอย่างไร้กังวล
“ให้ตายเถอะ ถอย”