เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 511 เทียนอ๋องทั้งห้าแห่งไท่ชางถือกำเนิด
ตอนที่ 511 เทียนอ๋องทั้งห้าแห่งไท่ชางถือกำเนิด
“จิ๊บ!”
ลูกไก่สีเหลืองร้องด้วยความตกใจ เพราะว่าสิ่งที่มันเห็นแม้จะเป็น ‘นายท่าน’ ของมันจริงแท้แน่นอน แต่มีสีผมไม่เหมือนกัน ท่านนี้คือต้าซือมิ่งผมสีทอง ทว่าดวงตา… ดวงตาที่ปิดแน่นของเขากำลังหลั่งเลือด
“นายท่าน! ท่านเป็นอะไรไป” ลูกไก่สีเหลืองถามอย่างร้อนรน แทบจะกระโจนเข้าไปในโลงศพแล้ว
อินหลิวเฟิงและคนอื่นๆ ก็รีบล้อมเข้ามา พวกเขาย่อมตกใจกับต้าซือมิ่งผมสีทองในสภาพเช่นนี้ ทว่าอินหลิวเฟิงก็จับลูกไก่สีเหลืองไว้อย่างระมัดระวังแล้ว “ใจเย็น”
แม้จะไม่เคยเจอต้าซือมิ่งผมสีอื่นมาก่อน แต่สัญชาติญาณของอินหลิวเฟิงบอกว่าต้าซือมิ่งผมสีทองคนนี้แปลกพิกล โดยเฉพาะเลือดที่ไหลลงมาสองสายนั่น ยิ่งประหลาดและน่าสะพรึงกลัวอย่างบอกไม่ถูก
อีกทั้ง… สีหน้าของต้าซือมิ่งผมสีทองเองก็ซีดเผือดจนเกินไป ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่คนมีชีวิต
หากอินหลิวเฟิงรู้จักผีดูดเลือด เขาต้องคิดว่าต้าซือมิ่งผมสีทองท่านนี้คือผีดูดเลือดดีๆ นี่เอง เย็นชา ลึกลับและแปลกประหลาด
“ให้ใจเย็นได้อย่างไร นายท่านเป็นเช่นนี้แล้ว ก่อนหน้านี้เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ต้องเกิดเรื่องแน่ๆ รีบประคองเขาขึ้นมา” ลูกไก่สีเหลืองกระวนกระวาย
ทว่าความจริงพิสูจน์ว่าสัญชาติญาณของอินหลิวเฟิงถูกต้อง เพราะว่าต้าซือมิ่งผมสีทองท่านนี้ลืมตาขึ้นแล้ว ดวงตาสีทองสุกใสเยือกเย็น พร่างพราวราวกับดวงอาทิตย์สองดวงกำลังแผดเผาทว่ากลับทำให้ผู้คนไม่รู้สึกถึงความร้อนใดๆ ดวงตาคู่นี้…ทำให้ลูกไก่สีเหลืองเงียบกริบ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในทันใด
อินหลิวเฟิงรับรู้ถึงภัยอันตรายในทันที “ถอย”
อินหลิวเฟิงที่จับลูกไก่ถอยหลังขณะที่คิดได้เช่นนั้นในทันที ตัวเขาถอยกลับไปทัน แต่ลูกไก่สีเหลืองในมือของเขาถูกดูดเข้าไปในโลงศพอย่างรวดเร็วแล้ว
“จิ๊บๆ!”
อินหลิวเฟิงทำท่าจะคว้ามันไว้
“ช่วยด้วย!”
ลูกไก่สีเหลืองก็กรีดร้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ทว่าไม่ว่าจะเป็นอินหลิวเฟิงหรือลูกไก่สีเหลืองก็ล้วนอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถต่อสู้กับต้าซือมิ่งผมสีทองได้ เพียงพริบตาเดียวลูกไก่สีเหลืองก็จะถูกดูดเข้าไปในโลงศพแล้ว
“หลีกไป!”
เสียงดุร้ายดังขึ้นกลางอากาศพร้อมลำแสงสีดำที่ผ่าไปทางลูกไก่สีเหลือง ลูกไก่สีเหลืองตกใจจนขนตั้งชัน ทว่าลำแสงสีดำนั่นไม่ได้ผ่าโดนมัน แต่กำลังช่วยมันผ่าพลังดึงดูดอันน่าสะพรึงนั่น ลูกไก่สีเหลืองกระเด็นออกไปในทันที
ทว่าลำแสงสีดำนั่นกลับจู่โจมอย่างรวดเร็ว ต้าซือมิ่งผมสีทองนั่นเองก็น่ากลัว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นจะจับลูกไก่สีเหลืองที่ลอยกระเด็นออกไป โชคดีที่เขาไม่เร็วพอ อาจจะเป็นเพราะหลับใหลไปนาน
ถึงอย่างไร ขณะที่เขายกมือขึ้นนั่นเอง
ฟิ้ว!
เม่ยเอ๋อร์ที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นก็ปิดโลงศพในทันที
ฟู่!
แสงสีทองที่แผ่กระจายไปทั่วถูกเก็บกลับเข้าไปในโลงศพทันที กลิ่นอายลึกลับและเยือกเย็นนั่นก็ถูก ‘เหนี่ยวนำ’ กลับไปอย่างรวดเร็ว
น้ำตาของอินหลิวเฟิงจะไหลลงมาจริงๆ ก็คราวนี้ หัวใจที่ถูกแขวนไว้ก็คลายลงเมื่อได้พบเม่ยเอ่อร์ที่คุ้นเคยและเท่ระเบิด
เพียงแต่น่าเสียดาย…
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นในโลงศพสีดำสนิท มันทำให้เม่ยเอ๋อร์ลอยกระเด็นออกไปทันที
ครานี้เอง…
“หนีเร็ว!”
อินหลิวเฟิงรีบแปลงกายเป็นวิหคทมิฬ เมื่อคว้าลูกไก่สีเหลืองได้ก็วิ่งหนีทันที
“นายน้อยรอข้าด้วย”
เอ้อร์เหมารีบพาเทพไร้ประโยชน์สององค์หนีไปด้วย จากนั้นแสงสีทองระยิบระยับพวยพุ่งขึ้นกลางอากาศ ราวกับภูเขาไฟสีทองระเบิด มิอาจหยุดยั้งและต้านทานได้
วัดอารามที่เดิมทีซ่อมซ่ออยู่แล้วก็ถูกทำลายจนกลายเป็นผุยผงทันที
ตู้ม!
ตู้ม ตู้ม…
แสงสีทองที่ระเบิดไม่หยุดกระจายออกไปหลายพันหลายหมื่นลี้ก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุด
ไส้เดือนขนาดยักษ์ที่ไล่ล่ากลุ่มของอินหลิวเฟิงเหล่านั้นถอยกรูดกันอย่างแตกตื่น แต่พวกมันก็ยังช้าเกินไปล้วนถูกแสงสีทองทำลาย หลงเหลือเพียงความว่างเปล่า
ฟ้า ดิน อากาศ ล้วนกลายเป็นสีทอง
…
พรูด
ต้าซือมิ่งที่อยู่ทะเลสาบสือซ่าไห่อาเจียนเป็นเลือดทันที
“พ่อ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้รักพ่อรีบจับหน้าอกของท่านพ่อไว้อย่างร้อนรน
เยี่ยนอวี๋เองก็จับข้อมือของต้าซือมิ่งไว้ทันที ไม่ได้สนใจพวกมหาเทพเบิกฟ้าอีก
เซ่าเฮ่าและจิ่วอิงเองก็ตกใจ ทว่าทั้งสองก็กางม่านป้องกันผนึกบริเวณนี้ไว้แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ล้วนเป็นวีรบุรุษผู้มีไหวพริบและรอบคอบ
ทว่าต้าซือมิ่งที่อาเจียนเป็นเลือดกลับมีลมหายใจปกติ สัญญาณชีพก็ปกติดีมาก เพียงแต่สีหน้าซีดเล็กน้อย เยี่ยนอวี๋งุนงงรีบซักไซ้ทันทีว่า “เป็นอะไรไปหรือ”
“ธาตุไฟแรงไปหน่อย” ต้าซือมิ่งตอบอย่างคล้ายว่าจะเป็นเช่นนั้น
แรกเริ่มเยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ แต่มือของนางถูกต้าซือมิ่งบีบทีหนึ่ง นางก็เข้าใจทันที ใบหูของนางแดงขึ้นอีกครั้ง เจ้าคนบัดซบนี่…
ปฐมราชินีเยี่ยนที่เกือบเป๋ไปด้วยก็รีบถามขึ้นอย่างมีจุดยืน ไม่ไขว้เขวไปตามคำพูดนั้น “พูดความจริง เหตุใดจึงอาเจียนเป็นเลือด”
“เหมือนกับว่าจะมีข้าสีทองอีกคนหนึ่ง” หรงอี้ไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะว่าเมื่อครู่นี้เขาเห็นเพียงภาพเลือนราง อีกทั้งเขายังเห็นเพียง ‘ต้าซือมิ่ง’ ผมสีทอง ไม่เห็นพวกอินหลิวเฟิง
เยี่ยนอวี๋ชินแล้ว “มั่นใจหน่อย ตัดคำว่าเหมือนกับว่าออกไป ต้องมีเจ้าสีทองอีกคนหนึ่งแน่ๆ”
“ทอง?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหยิบด้ายสีทองจากแขนเสื้อของเขาออกมาถามว่า “แบบนี้หรือขอรับ”
จิ่วอิงได้ยินดังนั้นก็หยอกเขา “แหม เสี่ยวเป่ารู้ด้วยว่านี่คือสีทอง”
“แน่นอน เป่าชอบที่สุด” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มร่า “แวววาว”
เยี่ยนอวี๋ก็ยิ้ม นางจูบเด็กน้อยผู้น่ารักน่าเอ็นดู “แม่ก็ชอบเช่นกัน”
“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มสดใสกว่าเดิม “เหมือน แม่”
เยี่ยนอวี๋อุ้มเด็กน้อยเข้ามาจูบอีกสองสามที รักเด็กน้อยผู้น่ารักน่าชังคนนี้มากจริงๆ
ต้าซือมิ่งกระแอมเบาๆ ทำให้เยี่ยนอวี๋ต้องถามต่อว่า “เช่นนั้นเมื่อครู่นี้เจ้าถูกหัวทองนั่นทำร้ายหรือ”
“ไม่เชิง เพียงแต่รับรู้ถึงเขาจึงสูญเสียพลังงานไปมาก อยู่ห่างกันไกลด้วย” หรงต้าซือมิ่งที่พูดพลางศึกษาแอนนาน้อยอย่างระมัดระวัง เขาก็มั่นใจว่าแอนนาน้อยตัวนี้เกี่ยวข้องกับ ‘เขา’ หัวทองคนนั้น แต่ขณะที่เขากำลังศึกษาแอนนาน้อย แอนนาน้อยเองก็ดูเหมือนกำลังศึกษาเขาเช่นกัน ทั้งยังพิจารณาอยู่เป็นเวลานานพอควร จนถึงบัดนี้…
“พ่อ?” แอนนาน้อยที่เอ่ยปากก็เรียกพ่อทันทีทำเอาต้าซือมิ่งหน้าดำคล้ำทันที
เยี่ยนอวี๋หลุดหัวเราะออกมา เยี่ยนเสี่ยวเป่าตะลึง ทำไมมีคนมาแย่งพ่อมากมายเช่นนี้เล่า
จิ่วอิงหัวเราะคิกคัก “อี้เอ๋อร์ ยินดีกับเจ้าที่ได้บุตรสาวด้วย ตระกูลหรงของเจ้าขาดบุตรสาวพอดี ตอนนี้มีแล้วหนึ่งคนพอดีเลย”
“ไสหัวไปซะ” ต้าซือมิ่งถีบมันออกไปทันที เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าไม่ใช่พ่อเจ้า”
แอนนาน้อยมองจับผิดต้าซือมิ่ง ยังคงยืนกราน “พ่อ”
“ฮ่าๆๆ…” เยี่ยนอวี๋เปล่งเสียงหัวเราะอันไพเราะสดใสออกมากราวกับเสียงธารน้ำไหลและเสียงนกไป่หลิงขับร้องในหุบเขา ไพเราะยิ่งนัก
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเคลิบเคลิ้ม เขาอิงอกของท่านแม่อย่างเชื่อฟังแล้ว
เซ่าเฮ่าเองก็ชะงักงัน เพราะว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินนายท่านหัวเราะอย่างร่าเริงและมีชีวิตชีวาเช่นนี้ ยามปกตินางมักจะนิ่งสงบ แข็งแกร่งและสง่างาม
ต้าซือมิ่งที่ถูกล้อเลียนก็โอบภรรยาพร้อมลูกเข้ามาในอ้อมอก และยังบีบเอวบอบบางของภรรยา “นางเรียกข้าว่าพ่อจริงๆ ก็ต้องเรียกเจ้าว่าแม่ด้วย”
“ข้ารับได้นะ” เยี่ยนอวี๋ยังหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าศัตรูจะกลายเป็นบุตรสาว ก็รู้สึกประหลาดดี นางไม่คัดค้านแต่อย่างใด
ทว่าต้าซือมิ่งกลับไม่เห็นด้วยอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงเตือนแอนนาน้อยว่า “ข้าไม่ใช่พ่อเจ้า อย่ามาเรียกสุ่มสี่สุ่มห้า”
“พ่อ”
“หุบปาก” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเอ่ย “ของเป่า เจ้าไม่มี”
“พ่อ”
“ตีเจ้านะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดพลางยื่นมือไปจับแอนนาน้อยแล้ว
“พ่อ”
เพียะ เยี่ยนเสี่ยวเป่าตบลงไปทันทีพูดว่า “อย่า อย่าคิดว่า เจ้าน้อง สาว พี่เป่าจะไม่กล้าตี เรียกนายท่าน”
แอนนาน้อยที่ถูกตบจนตีลังกา นางก็จ้องเด็กน้อย ริมฝีปากกลบไปด้วยเลือดของนางเม้มแน่น ดวงตาสีเลือดแผ่ซ่านความดุร้าย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าหยุดตีมัน มืออวบอ้วนของเขาจับแอนนาน้อยไว้ในกำมือ บีบแสงสีฟ้าจนแตก ฝ่ายหลังอยากจะชิงหนี แต่น่าเสียดาย… นางที่ถูกจับหนีไม่ไหนไม่ได้ เพราะเยี่ยนเสี่ยวเป่ามีพละกำลังไม่น้อย “เรียก นายท่าน เรียกพี่เป่า”
“…พี่เป่า” แอนนาน้อยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ก็ยอมจำนนแต่โดยดี
ทว่านางเพิ่งจะเรียกเสร็จ พวกของมหาเทพเบิกฟ้าก็มีความเคลื่อนไหวแล้ว
วิ้ง
วิ้ง…
สิ่งมีชีวิตที่มิอาจคาดเดาได้กลุ่มหนึ่งรวมตัวกันรอบๆ พวกมหาเทพเบิกฟ้า กลายเป็นกระแสน้ำวนคล้ายหมอกเพลิง ทำให้จักรวาลเก้าชั้นฟ้าเกิดความเคลื่อนไหวอันแปลกประหลาด
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการเลื่อนขั้นพร้อมกันของมหาเทพยี่สิบกว่าองค์ ย่อมสร้างความเคลื่อนไหวไม่เบา อย่างน้อยทางฝั่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ทุกชั้นสวรรค์ก็เห็นหมอกเพลิงที่ยิ่งใหญ่และเจิดจรัสต่อเนื่องอย่างชัดเจน
“นั่นคืออะไร” เหล่าเทพมากมายถาม แต่เพราะไม่เคยถูกบันทึกไว้ในตำรา ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดตอบได้ ทว่าเทียนตี้และหยวนสื่อเทียนจุนล้วนรับรู้ได้ว่า เป็นเพราะมหาเทพยี่สิบกว่าองค์ที่อยู่ในทะเลสาบสือซ่าไห่กำลังเลื่อนขั้นพร้อมกัน
“ถือว่าชดเชยการสูญเสียครั้งนี้ได้” หยวนสื่อเทียนจุนจำเป็นต้องพูด เหล่ามหาเทพเลื่อนขั้นได้เวลาประจวบเหมาะ โดยพื้นฐานแล้วสามารถชดเชยการสูญเสียกองกำลังชั้นยอดของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้
กองกำลังเซียนสามารถค่อยๆ สั่งสมและคัดสรรได้ แต่การดำรงอยู่ระดับเทียนอ๋องพบเจอได้ยากนัก อย่างเช่นตัวเหวินเทียนอ๋อง จิ้งเทียนอ๋อง แม้จะไม่ได้รับพลังพิเศษของเทียนอ๋อง แต่ก็เป็นเทียนอ๋องชั้นยอดที่สามารถควบคุมกฎจักรวาลได้ ยิ่งหาได้ยากนัก
อย่างน้อยเทียนอ๋องในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็มีเพียงตัวเหวินเทียนอ๋องและจิ้งเทียนอ๋องที่มีความสามารถเช่นนี้ เทียนอ๋องของสวรรค์ชั้นอื่นจำเป็นต้องให้เทียนตี้แต่งตั้งและประทานพลังวิเศษให้จึงสามารถควบคุมพลังของเทียนอ๋องในชั้นสวรรค์ของตนได้
บัดนี้…
ปัง
เมื่อหมอกเพลิงระเบิดคล้ายดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า เสียงบรรเลงดนตรีสวรรค์ก็ดังขึ้นเหนือกรมชะตาสวรรค์ จากนั้น…เทียนอ๋องท่านแรกก็ถือกำเนิด