เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 309 หัตถ์ปฐมราชินี! ไร้เทียมทาน!
ตอนที่ 309 หัตถ์ปฐมราชินี! ไร้เทียมทาน!
“…”
หยางเทียนชื่อพูดไม่ออก สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก
ถึงแม้จะอยู่ห่างจากกัน คนมีตาย่อมเห็นดาบเล่มใหญ่ที่เหล่าศิษย์สำนักชางอู๋ได้รับล้วนเป็นอาวุธวิเศษชั้นดี! ดาบทุกเล่มแผ่ซ่านไปด้วยรังสีอำมหิต
แน่นอนว่าดาบเล่มใหญ่ของเม่ยเอ๋อร์เป็นดาบเหนือชั้นกว่าดาบของจ่านเผิงพวกเขามากนัก ถึงอย่างไรจ่านเผิงก็คงไม่ต้องใช้ถึงดาบของคนโหดเหี้ยมระดับนาง ดาบในมือของพวกเขาจึงค่อนข้างด้อยกว่า
แต่นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้หยางเทียนชื่อหัวเสียแล้ว “ให้ตายเถอะ! สำนักชางอู๋มีอาวุธวิเศษชั้นดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” ดาบทั้งเจ็ดสิบสองเล่มเหมือนกันทุกรายละเอียดเช่นนี้! ความสามารถเช่นนี้…
“อย่ากังวลไป ดาบเหล่านี้จะกลายเป็นรางวัลให้สำนักเรา!” แม้หยางถิงซานเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดและกลัวว่าสำนักชางอู๋จะผงาดขึ้นจริงๆ แต่เขายังคงมั่นใจในชัยชนะของตนเอง
ในขณะเดียวกัน…
“ไม่น่าเชื่อเลย!”
“ดูท่าสำนักชางอู๋จะผงาดแล้วจริงๆ!”
“คงยาก คนที่รุมล้อมพวกเขาเป็นถึงศิษย์ชั้นยอดสำนักคุนอู๋หนึ่งร้อยแปดสิบแปดนายเชียวนะ! อีกทั้งศิษย์สำนักคุนอู๋เหล่านี้ยังเตรียมการไว้แต่แรกอยู่แล้ว ช่างร้ายกาจจริงๆ!”
เหล่าผู้ชมต่างคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการสมรู้ร่วมคิด! มิเช่นนั้นเรื่องมันจะบังเอิญเกินไปแล้ว หากจะบอกว่าโลกมันกลมก็คงไม่กลมถึงเพียงนี้ นี่เป็นแผนของสำนักคุนอู๋ที่ต้องการกำจัดสำนักชางอู๋ตั้งแต่รอบแรกชัดๆ! ช่างเป็นกลอุบายที่เฉียบแหลมจริงๆ ที่น่าแค้นเคืองยิ่งกว่าคือ เมืองหลวงยังสนับสนุนให้ปล่อยข่าวลือว่าสำนักชางอู๋จะเลื่อนอันดับขึ้นมาได้
“ร้ายกาจนัก!”
“มารดามันเถอะ! ข้าถูกหลอกเสียแล้ว!” เหล่านักฝึกฌานมากมายที่วางเงินเดิมพันไว้ที่หอการค้าเงินทองก็เพิ่งรู้ตัวว่าต้องมีเบื้องหลังบางอย่างแน่ๆ พวกเขาหน้าดำหน้าแดงทันที! แม้แต่คนระดับสูงของแต่ละสำนักก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “สำนักชางอู๋เสียรู้แล้ว พวกเขาคงคิดไม่ถึงว่าสำนักคุนอู๋จะเลวทรามเช่นนี้ อีกทั้ง…”
แม้คำพูดที่เหลือทุกคนมิได้พูดออกมาอย่างเป็นที่รู้กัน แต่ในใจพวกเขาก็รู้ดีว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังสำนักคุนอู๋ก็คือราชสำนัก ราชสำนักอยากจะกำจัดสำนักชางอู๋อยู่แล้ว! โดยเฉพาะคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงที่หงเหมินในวันนั้น พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจว่า องค์ฮ่องเต้คงกำลังแก้แค้นปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนและต้าซือมิ่ง อยากให้ปราชญ์มหาสำนักเยี่ยนเสียใจกับสิ่งที่เลือกในวันนั้น
ฮ่องเต้องค์นี้ช่าง…
“เฮ้อ”
จวินอั้นเทียนถอนหายใจเบาๆ ถึงแม้สงครามในโยวตูครานั้นทำให้เขาได้รู้ว่าหยวนคังฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้เช่นไร แต่วันนี้เขายังคงรู้สึกเจ็บปวดใจแทนต้าซย่าที่มีฮ่องเต้เช่นนี้อยู่ดี
ฮ่องเต้องค์นั้นแต่เดิมก็เป็นฮ่องเต้ที่มีความสามารถไม่ธรรมดา หากเขาจัดการบ้านเมืองโดยยึดถือความยุติธรรม ทำเพื่อต้าซย่าทั้งแผ่นดิน ต้าซย่าจะต้องรุ่งเรืองยิ่งขึ้นภายใต้ผู้นำเช่นเขา! น่าเสียดายจริงๆ
…
“ฮึ” ตี๋อูหวน เจ้าสำนักแห่งสำนักเนี่ยผานจากทิศอุดรต้าซย่าก็ยิ้มเย้ยหยัน แต่เขาก็มิได้พูดอะไร เพราะกำแพงมีหู ประตูมีช่อง เหล่าผู้ใหญ่ชั้นสูงสำนักเนี่ยผานต่างรู้ดีว่า เจ้าสำนักของพวกเขากำลังเย้ยหยันราชสำนัก! เรื่องความอยุติธรรมของราชสำนักไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น หากไม่ใช่เพราะสำนักเนี่ยผานของพวกเขาอยู่ทิศอุดร ก็คงถูกทำลายไปนานแล้ว! และโชคดีที่สายเครือญาติทางอ้อมสองสายใหญ่ของสำนักเนี่ยผ่านอันได้แก่ตระกูลตี๋และตระกูลเชียงสามัคคีกลมเกลียวกันมาตลอด ไม่เคยแตกคอกันเอง มิเช่นนั้นคง…
“ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้สำนักชางอู๋เคยมีเกิดเหตุการณ์ผู้อาวุโสสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู ทำให้เกิดความโกลาหลภายใน โชคดีที่บุตรสาวของเจ้าสำนักเยี่ยนพลิกสถานการณ์ได้ เจ้าสำนักเยี่ยนก็กลับมาทันเวลาพอดี จึงสงบความวุ่นวายนี้ลงได้ แต่กลับถูกกองทัพชั้นยอดสำนักคุนอู๋หมื่นนายโจมตีอย่างรุนแรง หากไม่ใช่เพราะปรมาจารย์วิญญาณสำนักชางอู๋ตื่นขึ้นทันวิกฤตครานั้นและเจ้าสำนักสูงสุดของสำนักชางอู๋เลื่อนขั้นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับตำนานได้ทันกาล สำนักชางอู๋ก็คงล่มสลายไปนานแล้ว!” ผู้อาวุโสสำนักเนี่ยผานท่านหนึ่งอดทอดถอนใจมิได้
เขามิได้กล่าวว่าร้ายราชสำนัก เพียงแค่กำลังบอกเล่าเรื่องที่เหล่าสามัญชนในเมืองหลวงพูดถึงกันมานานแล้ว ซึ่งก็มิได้ถึงกับทำให้ผู้ใดเดือดร้อน
แต่การเผชิญวิกฤตในครานั้นของสำนักชางอู๋ก็ทำให้ทุกคนในสำนักเนี่ยผานรู้สึกโศกเศร้าเหมือนกระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้ ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อนึกถึงคราพวกเขาในไม่ช้าก็เร็ว สิ่งเดียวที่พวกเขายังพอเบาใจได้ก็คือตำแหน่งที่ตั้งอยู่ไกลจากจงหยวน
ดังนั้น พวกเขาจึงเห็นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหล่าศิษย์สำนักชางอู๋ในบัดนี้มาก “ไม่รู้ว่าสำนักชางอู๋จะพลิกสถานการณ์ในครั้งนี้ได้หรือไม่”
“พูดยาก เจ้าดูสิ” ตี๋อูหวนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในสนามประลองต้าฮวงขนาดย่อนั้นปรากฏกระแสอวกาศอันแปลกประหลาดขึ้นรอบศิษย์สำนักชางอู๋ที่ถูกล้อมไว้
ผู้อาวุโสสำนักเนี่ยผานท่านหนึ่งจึงรู้ว่า “นี่มันไม่ใช่ยาทะลวงอวกาศธรรมดา! พวกเขายังปิดกั้นพื้นที่และควบคุมศิษย์สำนักชางอู๋ไว้ ทำให้เด็กๆ เหล่านั้นขยับตัวมิได้!”
“ใช่แล้ว” ตี๋อูหวนส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “ถึงแม้เด็กๆ สำนักชางอู๋มีอาวุธไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดายที่ไร้ประโยชน์ พวกเขามิอาจขยับตัวได้เลย”
ความจริงก็เป็นดังเช่นนั้น เมื่อจ่านเผิงและคนอื่นๆ ชักดาบออกมา พวกเขาก็พบว่าตนเองไม่สามารถขยับตัวได้อีก! แม้กระทั่งหายใจก็ยังลำบาก
หยางไป่หมิง หัวหน้าศิษย์สำนักคุนอู๋ยังพูดจาดูถูกว่า “ไอ้ลูกสุนัขสำนักชางอู๋! รู้สึกอย่างไรบ้างที่ถูกควบคุมไว้โดยสมบูรณ์ รู้สึกหมดหนทางใช่หรือไม่ อยากขอร้องข้าหรือไม่ หากพวกเจ้ายอมคุกเข่าโขกหัวให้และเรียกพวกข้าว่าต้าเหยีย[1] บางทีข้าอาจจะปล่อยพวกเจ้าไปก็ได้นะ”
“ฮ่าๆๆ! ใช่แล้ว! คุกเข่าเรียกต้าเหยีย! เราจะปล่อยพวกเจ้า”
“ไม่ๆๆ! ยังต้องให้พวกเขาเลียนิ้วเท้าของเราด้วย จุ๊ๆ! แค่คิดถึงท่าทางสุนัขเลียขาก็รู้สึกสะใจมากแล้ว!…” เหล่าศิษย์สำนักคุนอู๋ต่างโห่ร้องทำให้ศิษย์สำนักชางอู๋อับอาย
จ่านเผิงและคนอื่นๆ หน้าดำหน้าแดงมานานแล้ว แต่พวกเขาพยายามอดกลั้นขบฟันไว้แน่น สำหรับคนที่มีฌานตบะถึงระดับหนึ่งแล้ว ถึงแม้จะไม่มีอากาศหายใจ แต่พวกเขาก็สามารถทนได้ระยะเวลาหนึ่ง
แต่หยางไป่หมิงรู้ดีว่าเจ้าสำนักไม่ต้องการให้ผิดแผน ดังนั้นถึงแม้เขาจะเสียดาย แต่ก็จำใจสั่งว่า “บีบยาทะลวงอวกาศให้แตก สังหารพวกเขาเสีย!”
“ศิษย์พี่หมิง เราไม่ทรมานเขาอีกเสียหน่อยหรือ” ศิษย์สำนักคุนอู๋คนหนึ่งกล่าว พวกเขายังคงอยากเห็นเจ้าสุนัขชางอู๋กลุ่มนี้คุกเข่าร้องวิงวอน
“เรายังมีภารกิจอื่นต้องทำ อย่าเสียเวลากับสุนัขเหล่านี้นานนักเลย จัดการให้จบๆ ไปเสีย” หยางไป่หมิงกล่าว เขาเริ่มกระตุ้นยาทะลวงอวกาศในมือก่อนผู้ใดแล้ว
“ได้เลยขอรับ!” ศิษย์สำนักคุนอู๋ต่างก็เริ่มเร่งเร้ายาทะลวงอวกาศ
เพียงชั่วครู่…
แซ่ด!
แซ่ดๆ!
พื้นที่ที่จ่านเผิงและคนอื่นๆ ยืนอยู่ปรากฏประกายไฟอันตรายอย่างต่อเนื่อง ศิษย์ที่มีฌานตบะค่อนข้างต่ำก็ถูกประกายไฟเหล่านี้ทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่พวกเขายังคงกัดฟันอดทนต่อไป!
ในขณะเดียวกัน บนยอดของช่องเขาลูกนี้ ชุ่ยชุ่ยที่เพิ่งปรากฏตัวก็พบว่า นางไม่ได้อยู่ด้วยกันกับศิษย์พี่!?
นี่มัน…
“เป็นไปได้อย่างไร”
ชุ่ยชุ่ยจะร้องไห้แล้ว! นางไม่คิดเลยว่า นางเพียงแค่สะดุ้งจนถอยหลังไปสองสามก้าวเพราะความกลัวจะทำให้นางคลาดกันกับเหล่าศิษย์พี่!?
นี่มัน…
ชุ่ยชุ่ยจะร้องไห้จริงๆ แล้ว!
ถึงอย่างไรนางที่ตอนนี้อยู่ในสนามประลองต้าฮวงก็ต่างจากผู้ชมที่อยู่ข้างนอก ผู้ชมสามารถมองเห็นทุกส่วนในสนามประลองต้าฮวงผ่านมุมมองของทวยเทพ เพียงแต่มีขนาดเล็กลงเท่านั้น แต่ชุ่ยชุ่ยกลับไม่เห็นเช่นนั้น ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าศิษย์พี่ไม่ได้อยู่ห่างจากนางมากนัก
ทว่าเม่ยเอ่อร์ที่เห็นดังนั้นก็โล่งอก “ชุ่ยชุ่ยโชคดีจริงๆ”
“จริงๆ” เยี่ยนชิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว หากศิษย์คนอื่นเป็นเหมือนชุ่ยชุ่ยที่ก่อนจะเข้าไปในสนามประลองจะสะดุ้งตกใจ ก็คงไม่ถูกรุมล้อมเช่นนี้ เขา… ไม่รู้จะพูดอะไรดีจริงๆ
เยี่ยนชิงกลับคาดหวังว่า “หวังว่าเด็กๆ ที่ถูกล้อมเหล่านั้นจะมีโอกาสเอาชีวิตรอดได้ถึงวินาทีสุดท้าย บีบป้ายชื่อให้แตก อย่าถูก… ถูก…”
เยี่ยนชิงที่พูดต่อไปไม่ไหวก็จับหน้าผาก จิตใจคั่งแค้นยิ่งนัก! สำนักคุนอู๋ข่มเหงกันเกินไปหน่อยแล้ว! เห็นได้ชัดว่าการกระทำเช่นนี้ของพวกเขาเป็นความต้องการคร่าชีวิตเด็กๆ กลุ่มนี้ จึงเล่นงานเด็กเหล่านี้จนไม่สามารถแม้แต่จะขยับตัว
“พวกเขาต้องการสังหารพวกเราตั้งแต่รอบแรก! ทำให้ข้าและพี่ใหญ่ไม่มีโอกาสเข้าแข่งขัน ทำให้สำนักชางอู๋ตกรอบและออกจากเจ็ดสำนักทันที” เยี่ยนจื่อเสาเดือดดาลเช่นกัน แต่บัดนี้เขาก็หวังเพียงว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของตนจะออกมาได้อย่างปลอดภัย
แต่แล้ว…
ตู้ม!
ครืนนน!
แสงสีม่วงเข้มกะพริบเป็นวงคลื่นและส่องประกายจากดาบเล่มใหญ่ทั้งเจ็ดสิบสองเล่ม ไม่เพียงทำให้พื้นที่ที่ถูกยาทะลวงอวกาศทำลายซ่อมแซมตนเอง ยังปกป้องศิษย์ทุกคนไว้โดยไม่ให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บแม้เพียงน้อย!
“นี่มัน….”
ผู้ชมที่ดูถึงตรงนี้ต่างอ้ำอึ้ง!
หารู้ไม่ว่าดาบเล่มใหญ่เจ็ดสิบสองเล่มเป็นดาบที่เยี่ยนอวี๋หลอมเอง เมื่อพวกมันสัมผัสถึงอันตรายร้ายแรงก็จะกางม่านคุ้มกันออกมาทันที ดังนั้น…
สำนักคุนอู๋คิดจะกำจัดสำนักชางอู๋งั้นรึ ฝันไปเถอะ!
———————————————
[1] ต้าเหยีย โดยทั่วไปแปลว่า ลุงหรือพี่ชายของปู่ ในบริบทนี้หมายถึง ผู้อาวุโสที่เป็นใหญ่เป็นโต อยู่เหนือกว่า