เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2323 ไร้หนทางหนี / ตอนที่ 2324 การกระทำที่ชาญฉลาด
ตอนที่ 2323 ไร้หนทางหนี
เมื่อเหล่าผู้ฝึกตนของเมืองเฟิ่งโผล่มาจากข้างหลัง แล้วเห็นภาพเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายก็ตกตะลึงอย่างมาก เดิมพวกเขานึกว่านี่จะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมากแน่ๆ แต่ใครจะรู้ พวกเขาแทบไม่ต้องลงมือ ผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นก็ฆ่ากันเองจนตายไปเกือบครึ่งแล้ว
มองดูเหล่าผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นเข่นฆ่ากันด้วยดวงตาอันแดงก่ำ พวกเขาลอบตกตะลึงในใจ ความสามารถของนายท่านน่ากลัวเกินไปแล้ว โชคดีที่พวกเขาเป็นคนของนายท่าน ไม่อย่างนั้นเดาว่าคนที่ดวงตาแดงก่ำเสียสติสัมปชัญญะและเข่นฆ่ากันเองในตอนนี้คงมีพวกเขารวมอยู่ด้วยแล้ว
“ลงมือ! ฆ่าไม่เว้น!”
ผู้อาวุโสกู่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ทำให้กลุ่มคนข้างหลังเข้าไปสังหารเหล่าผู้ฝึกวิชามารที่กำลังค่อยๆ อ่อนแรง เห็นเพียงคนนับร้อยกรูกันออกมาจากในที่มืด กวัดแกว่งดาบตวัดกระบี่โจมตีผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น เข้าร่วมการต่อสู้อันชุลมุนนั่น…
เหนือท้องฟ้า เฟิ่งจิ่วกำลังสู้กับจอมมาร ครั้นได้ประมือ จอมมารนั่นหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ลอบพรั่นพรึงในใจ “เจ้าไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์เซียน! เจ้าเป็นผู้ฝึกตนระดับผู้อาวุโสเซียนขั้นกลาง!”
“แล้วอย่างไรเล่า เจ้ารู้เอาไว้เรื่องเดียว วันนี้พวกเจ้าจะไม่มีใครรอดไปได้สักคน!” แพรป่วนฟ้าในมือเฟิ่งจิ่วตวัดพุ่งออกไป คมกริบน่าหวั่นเกรงดุจกระบี่ ผ้าแพรสีแดงตวัดม้วนออกไปพร้อมกับกลิ่นอายพลังขุมหนึ่งและแรงกดดันของสัตว์เทวะโบราณ ตบลงบนร่างกายของจอมมารดังเพียะ
“อึก!”
เขาร้องครางขณะร่างกายถอยหลัง เลือดกระอักออกจากปาก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ปากก็พึมพำว่า “กลิ่นอายของสัตว์เทวะโบราณ! เหตุใดจึงมีกลิ่นอายของสัตว์เทวะโบราณ เจ้าเป็นใครกันแน่!”
“คนที่ฆ่าเจ้าได้!”
สิ้นเสียงของเฟิ่งจิ่ว เงาร่างสีแดงหายวับและปรากฏตัวอีกครั้ง เมื่อแพรป่วนฟ้าตวัดพุ่งออกไป เสียงเปลวไฟพลันลุกพรึ่บ พุ่งใส่จอมมารโดยอาศัยแรงจากแพรป่วนฟ้า
จอมมารรวบรวมพลังหมายจะปัดป้อง แต่กลับพบว่าพลังวิญญาณในร่างกายจู่ๆ ก็หายไป เขาตะลึง ฆเพียงใจลอยแวบเดียว เปลวไฟก็ลุกลามทั่วร่าง ไหม้ลามไปถึงเส้นผมของเขา…
“อ๊าก!”
เสียงเผาไหม้และกลิ่นอันไม่น่าพิสมัยลอยมาแตะจมูก ความเจ็บปวดแสนสาหัสจากการถูกไฟเผาทำให้เขากรีดร้องอย่างทรมาน ตบดับไฟบนตัว รีบถอดเสื้อคลุมออกด้วยความแตกตื่น ฝ่ามือกลายเป็นมีดตัดผมมัดหนึ่งทิ้งทันที
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
สภาพน่าสมเพชทำให้เขาคำรามด้วยความเคียดแค้น สองมือกำหมัดแน่น เวลานี้จึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ไม่รู้เพราะอะไรพลังวิญญาณในตัวจึงได้หายไป ร่างของเขาร่วงดิ่งลงไป
สัมผัสได้ร่างกายผิดปกติ เขากัดกราม อดทนต่อความเจ็บปวดทิ้งกายสังขารร่างนั้นถอดดวงวิญญาณต้นหนี
ครั้นเห็นเขาตัดสินใจถอดดวงวิญญาณต้นเพื่อหนีอย่างเด็ดขาด เฟิ่งจิ่วกลับประหลาดใจ ถึงอย่างไรหากถอดดวงวิญญาณต้นหนีไปแล้วพลังถดถอยก็ต้องเริ่มฝึกบำเพ็ญใหม่ตั้งแต่ต้น ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานที่อย่างนี้พวกเขาไม่อาจทะลวงขั้นพลังได้อีกแล้ว แม้ต้องเผชิญหน้ากับความตาย ก็มีไม่มากคนที่คิดจะถอดดวงวิญญาณต้นเพื่อหนีเอาชีวิตรอด หนำซ้ำตอนนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นถูกบีบจนไร้หนทาง แค่จอมมารที่สูญเสียพลังวิญญาณทั้งหมดไปเท่านั้น
เพราะคาดไม่ถึง ฉะนั้นจึงทำให้ดวงวิญญาณต้นของเขาหลบหนีจากการสังหารในเวลาอันสั้นไปได้ ทว่า ที่แห่งนี้มีเขตอาคมคุ้มกันอยู่ แม้ดวงวิญญาณต้นของเขาจะหนีไป ก็หนีไม่พ้นเขตอาคมของเธออยู่ดี ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้เร่งร้อนใจนัก
มองลงไปข้างล่าง เห็นศพของจอมมารร่วงตกลงไปแล้วถูกผู้คนเหยียบย่ำ สายตาของเธอไหวระริก หันไปมองข้างหน้า แล้วก็อดอึ้งค้างไม่ได้
เห็นเพียงเมื่อดวงวิญญาณต้นของจอมมารนั่นพบว่าไร้หนทางหนี กลับหนีกลับมาอีกครั้ง และเข้าไปแย่งร่างของผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่ง
เมื่อเห็นดังนั้น เธอที่กำลังจะเตรียมลงมือสังหาร ก็เห็นธนูแหลมลูกหนึ่งพุ่งออกไป…
………………………………….
ตอนที่ 2324 การกระทำที่ชาญฉลาด
“อึก!”
เสียงครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ธนูลูกนั้นยิงทะลุร่างของผู้ฝึกวิชามารคนนั้น เหลือทิ้งไว้เพียงรูเลือดรูหนึ่ง ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นก็ล้มลงไปพร้อมกับเสียงกระแทกพื้น กระทั่งตาย ดวงตาคู่นั้นก็ยังเบิกกว้าง คล้ายไม่อยากเชื่อ ว่าตนเองจะถูกฆ่าทั้งอย่างนี้
เฟิ่งจิ่วหันไปมองกู่เสียงที่อยู่ข้างล่างไม่ไกลออกไปแวบหนึ่ง เผยรอยยิ้มออกมา “ทำได้ดี” เรื่องราวราบรื่นกว่าที่เธอคิด ครั้นจอมมารตาย การจัดการรับช่วงต่อเมืองปีศาจก็ง่ายขึ้นมาก
ด้านล่าง ผู้ฝึกตนของเมืองเฟิ่งเห็นจอมมารนั่นตายแล้ว จิตวิญญาณในการต่อสู้ยิ่งฮึกเหิมขึ้นมา แต่ละคนยิ่งสู้ยิ่งกล้าหาญ ผ่านไปไม่นาน ก็สังหารผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นจนไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว
ผู้อาวุโสกู่ให้คนไปตรวจสอบดูว่ามีผู้รอดชีวิตหรือไม่ สุดท้ายก็มารายงานเฟิ่งจิ่ว “นายท่าน ทั้งหมดสองร้อยหนึ่งคน ไม่มีใครรอดสักคน!”
“หลังจากทำความสะอาดแล้ว ก็ไปพักผ่อนกันเถอะ! สามวันถัดไป ตามข้าไปบุกเมืองปีศาจ!” เฟิ่งจิ่วกำชับพวกเขา
ได้ยินอย่างนั้น หัวใจของทุกคนพลันตื่นเต้นพลุ่งพล่าน ขานรับด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมทรงพลัง “ขอรับ!”
เฟิ่งจิ่วเดินกลับเรือนก่อน ส่วนคนอื่นๆ ก็เริ่มเก็บกวาดศพในเมือง เมื่อฟ้าเริ่มสาง เหล่าผู้ฝึกตนไร้สำนักที่เฝ้าอยู่นอกเมืองต่างก็ตะลึงพรึงเพริด
นี่ก็เงียบไปทั้งอย่างนี้แล้วหรือ จบแล้วอย่างนั้นหรือ คนของเมืองปีศาจคงไม่ได้มาตายอยู่ที่นี่หมดหรอกกระมัง
ครั้นความคิดนี้ผุดขึ้น เหล่าผู้ฝึกตนไร้สำนักต่างก็รู้สึกเหลือเชื่อ
สามวันต่อมา เมืองเฟิ่งยังคงเหมือนตอนแรก แต่ข่าวเรื่องคนของเมืองปีศาจพ่ายแพ้ได้กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ในที่สุดก็ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มอำนาจอื่นๆ ให้เห็นความสำคัญแล้ว
ผู้ฝึกวิชามารของเมืองปีศาจหลังจากได้รู้ข่าว ต่างก็ตกใจทิ้งเมืองหนีเอาตัวรอด ไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อ เมืองทั้งเมืองเพราะไร้ผู้ปกครอง จึงกลายเป็นเมืองร้าง…
และเพราะเหตุนี้ กลุ่มอำนาจหลายกลุ่มจึงส่งคนมาเชิญอยากจะนั่งเจรจากันดีๆ สักครั้ง เพราะพวกเขาคิดว่า เจ้าเมืองเฟิ่งแห่งเมืองเฟิ่งผู้นี้ได้สร้างภัยคุกคามให้กับพวกเขาแล้ว หากยังปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป เกรงว่าคนที่จะถูกทำลายต่อไปจะต้องเป็นหนึ่งในพวกเขาอย่างแน่นอน
เพราะผลประโยชน์ที่เชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่น แปดกลุ่มอำนาจที่อยู่ในนี้จึงคานอำนาจกัน ต่างไม่เคยยุ่งเกี่ยวกัน แต่นับตั้งแต่เจ้าเมืองเฟิ่งยึดครองเมืองภูเขานิล ตอนนี้ก็ยังทำลายเมืองปีศาจอีก อย่างนั้นต่อไป จะเป็นใครอีก
หากบอกว่าคนต่อไปไม่ใช่หนึ่งในพวกเขา พวกเขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด คนผู้นั้นเปิดตัวอย่างอหังการ พลังก็แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น หากไม่ให้ความสำคัญ เกรงว่าสุดท้ายจะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว
ชายวัยกลางคนที่อยู่ใกล้เมืองเฟิ่งก็ได้รับจดหมายที่กลุ่มอำนาจอื่นให้คนมาส่งเช่นกัน เพียงแต่ หลังอ่านจบเขาก็โยนทิ้งไปทันที
ชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นก็อดถามขึ้นไม่ได้ “นายท่าน ไม่คิดจะไปพบพวกเขาหน่อยเพื่อลองคุยกันดูสักครั้งหรือ”
“มีอะไรให้คุยกัน”
ชายวัยกลางคนหลุดขำ “ข้าว่าพวกนั้นคงถูกขังในนี้จนกลายเป็นคนโง่ไปแล้ว สมองก็ทำงานช้าลง สถานการณ์อย่างนี้ การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ ควรทำอย่างไรยังไม่เข้าใจอีกหรือ ยังมีอะไรให้ปรึกษากันอีก”
ชายชราได้ฟังก็อึ้ง เขามองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง ถามอย่างระมัดระวังว่า “อย่างนั้นในความคิดนายท่าน ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรถึงจะดี”
ชายวัยกลางคนแหงนหน้ามองท้องฟ้า สะบัดชายเสื้อคลุมลุกขึ้น “ตอนนี้ท้องฟ้ายังไม่มืด ไป! ออกไปกับข้าหน่อย”
เห็นเขาสาวเดินออกไปข้างนอก ชายชราก็รีบตามไป เมื่อถึงข้างนอก ขี่กระบี่ตามเขาไป เห็นว่าทิศทางที่กำลังมุ่งไปคือเมืองเฟิ่ง เขาตกใจจนเหงื่อซึมชื้นไปทั้งแผ่นหลัง
“นายท่าน นะ นี่จะไปเมืองเฟิ่งหรือ” เขาอดถามขึ้นไม่ได้ ไม่รู้ว่านายท่านคิดอะไรอยู่กันแน่
………………………………….