เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2253 หารือ / ตอนที่ 2254 ไม่รู้ว่าตัวอยู่แห่งหนใด
ตอนที่ 2253 หารือ
“ว่ามาเถอะ! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” หนึ่งในผู้อาวุโสเซียนถามขึ้น มองทุกคนที่นั่งเงียบๆ จากนั้นก็หันไปมองผู้อาวุโสเซียนสองคนที่มาจากสำนักเมฆาหยก สายตาแฝงแววคำถาม
ผู้อาวุโสเซียนคนหนึ่งจากสำนักเมฆาหยกสูดหายใจลึกๆ มองพวกเขา เอ่ยว่า “เรื่องนี้มันมีอยู่ว่า สรุปเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วตอนนี้ก็คือ เฟิ่งจิ่วถูกปีศาจเลือดดูดเข้าไปในประตูแห่งความมืดแล้ว”
เหล่าผู้อาวุโสเซียนตกตะลึง “อะไรคือเฟิ่งจิ่วถูกประตูแห่งความมืดของปีศาจเลือดดูดเข้าไปแล้ว? เฟิ่งจิ่วนี่…” พวกเขาชะงักไปเล็กน้อย หันหน้าไปมองคนข้างๆ กระซิบเสียงเบา “ทำไมฟังคุ้นหูนัก?”
“เฟิ่งจิ่วนี่ก็คือภูตหมอเฟิ่งจิ่ว เป็นคนที่พวกเรามาหาในครั้งนี้ ตอนนี้คนหายไปแล้ว ถูกดูดเข้าไปในประตูแห่งความมืดแล้วไม่รู้ว่าถูกเคลื่อนย้ายไปที่ใด ฉะนั้นข้าจึงได้บอกว่าแย่แล้ว” ผู้อาวุโสเซียนจากสำนักเมฆาหยกอธิบาย เขาถอนหายใจ “เรื่องนี้ยังต้องรีบกลับไปรายงานทางสำนักเพื่อหารือวิธีรับมือ”
แวบแรกที่ได้ยินอย่างนั้น เหล่าผู้อาวุโสเซียนต่างตกตะลึง บ้างก็ลุกพรวด บ้างก็อุทานด้วยความตกใจ
“อะไรนะ! ภูตหมอเฟิ่งจิ่ว? ท่านหมายถึงภูตหมอเฟิ่งจิ่วแห่งหอยาสวรรค์เมืองร้อยนทีถูกประตูแห่งความมืดดูดเข้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว เป็นเช่นนี้” ผู้อาวุโสเซียนจากสำนักเมฆาหยกพยักหน้า
“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?”
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง พวกเขาออกเดินทางมาครั้งนี้ก็เพราะมาหาภูตหมอเฟิ่งจิ่ว ยามนี้คนถูกดูดเข้าไปในประตูแห่งความมืดแล้ว นะ นี่จะให้พวกเขากลับไปรายงานอย่างไร?
“เข้าไปในประตูแห่งความมืด รู้หรือไม่ว่าจะถูกเคลื่อนย้ายไปที่ใด?” เวลานี้อี้ซิวหรานถามขึ้น สายตาจับจ้องมองพวกเขา
เหล่าผู้อาวุโสเซียนมองเขา ตอบว่า “เรื่องนี้ไม่รู้จริงๆ ในหมู่พวกเขาก็ไม่เคยมีใครถูกดูดเข้าไปในประตูแห่งความมืดมาก่อน แต่ก่อนไม่เคยได้ยินว่าคนที่ถูกดูดเข้าไปแล้วจะยังกลับออกมาได้”
ต้วนเยี่ยที่ฟังอยู่หัวใจหนักอึ้ง “ไม่เคยมีคนกลับออกมาได้?” เขาหันไปมองผู้อาวุโสเซียนที่เป็นผู้พูด ถามว่า “เข้าไปในนั้นแล้ว โอกาสที่รอดชีวิตมีมากน้อยเท่าใด?”
“แล้วแต่บุคคล”
ผู้อาวุโสเซียนคนนั้นมองเขา อธิบายให้ฟังว่า “แม้จะไม่เคยมีคนที่เข้าไปในประตูแห่งความมืดแล้วออกมาได้ แต่คนที่เข้าไปไม่แน่ว่าต้องตาย เพียงแต่ ต้องดูว่าความสามารถในการปรับตัวและปกป้องตนเองเป็นอย่างไร”
ผู้อาวุโสเซียนคนนั้นลุกขึ้น เอามือไพล่หลังเดินไปเดินมาในห้องโถง ก่อนเอ่ยต่อว่า “เล่าว่าหลังประตูแห่งความมืดเป็นสถานที่ที่เลวร้ายมาก ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ถูกปิดผนึก มีคนชั่วและผู้ฝึกวิชามารที่ถูดทอดทิ้งอยู่มากมาย ที่นั่นยังมีสัตว์ดุร้ายหลายชนิด บางคนก็มีชีวิตรอดอยู่ในนั้น บางคนเข้าไปไม่นานก็ตาย”
น้ำเสียงของเขาเงียบหายไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “ข้าเคยได้ยินมาว่า มีพื้นที่ว่างเปล่าหนึ่งเชื่อมต่อไปยังสถานที่แห่งความมืดนั่นได้ เพียงแต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่ข้าเคยได้ยินคนในสำนักเล่าว่า ที่จริงคนที่เข้าไปในประตูแห่งความมืดยังมีโอกาสกลับออกมาได้อยู่ แต่จะใช้วิธีใดในการกลับมา เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว”
“ท่านคือผู้อาวุโสเซียนจากสำนักบุปผาเซียนหรือ?” อี้ซิวหรานถามคนคนนั้น
ผู้อาวุโสเซียนคนนั้นมองอี้ซิวหราน พยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว”
“ก็หมายความว่า หากถามเจ้าสำนักของพวกท่าน ก็น่าจะรู้แน่ชัดกว่านี้?” อี้ซิวหรานถามตรงประเด็น
“ก็อาจจะ! รายละเอียดเป็นอย่างไร เรื่องนี้พวกข้ายังต้องกลับไปรายงานเจ้าสำนักอีกที”
………………………………….
ตอนที่ 2254 ไม่รู้ว่าตัวอยู่แห่งหนใด
เมื่อผู้อาวุโสเซียนจากสำนักบุปผาเซียนเอ่ยอย่างนี้ ผู้อาวุโสเซียนที่เหลือต่างมองหน้ากันแวบหนึ่ง กระซิบกระซาบกันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “อย่างนั้นพวกเราแยกย้ายกันกลับสำนักก่อน เรื่องนี้หลังจากรายงานเจ้าสำนักแล้ว ค่อยไปหารือกันที่สำนักบุปผาเซียนก็แล้วกัน!”
“ต้วนเยี่ย เจ้าก็กลับไปกับพวกเราเถอะ!” ผู้อาวุโสเซียนจากสำนักเมฆาหยกเอ่ยกับต้วนเยี่ย
“ข้าต้องไปที่หอยาสวรรค์ในเมืองร้อยนทีก่อน” ต้วนเยี่ยส่ายหน้า เกิดเรื่องกับเฟิ่งจิ่ว เขาต้องไปบอกพวกเขาก่อน
ผู้อาวุโสเซียนทั้งสองกลับไม่ได้ว่าอะไร เพียงกำชับให้เขาระมัดระวัง และดูแลแผลบนตัวดีๆ เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ หลังจากสะสางเรื่องราวคร่าวๆ พวกเขาก็ไม่ได้รั้งอยู่นาน รีบแยกย้ายกันกลับสำนัก…
ต้วนเยี่ยค้างคืนที่จวนลู่ ตั้งใจว่าฟ้าสางค่อยออกเดินทาง ส่วนอี้ซิวหรานหลังจากที่เหล่าผู้อาวุโสเซียนแยกย้ายกันกลับ เขาก็จากไป…
ในอีกด้านหนึ่ง
เฟิ่งจิ่วที่ถูกประตูแห่งความมืดดูดเข้ามาเวลานี้กำลังนอนหมดสติอยู่บนเนินเขาแห่งหนึ่ง รอบด้านมืดสนิท อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นยะเยือก ท่ามกลางความมืดเสียงคำรามสูงต่ำของสัตว์ร้ายดังอย่างต่อเนื่อง ชวนให้รู้สึกอกสั่นขวัญหาย
สายลมกลางคืนพัดผ่าน ลมหนาวเหน็บทำให้ร่างกายของเธอสั่นโดยสัญชาตญาณ ยังไม่ทันลืมตาก็ได้ยินเสียงกระดิ่งเล็กแหลมดังมา
ครั้นได้ยินเสียงกระดิ่ง หัวใจของเธอพลันสะท้าน รีบลืมตาและลุกพรวดพราดขึ้นมา สติกลับมาชัดเจนแจ่มแจ้ง สมองฉายภาพเหตุการณ์ที่ถูกดูดเข้ามาในประตูแห่งความมืด อดหันไปมองรอบๆ ไม่ได้ มืดสนิทไปทุกหนทุกแห่ง ไม่มีอะไรทั้งนั้น รู้สึกเพียงลมหนาวกรีดพัดผ่านมาระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้เธอขนตั้งชันไปทั้งตัว
“กริ๊งๆๆ…”
กระดิ่งเล็กสีม่วงตรงเอวของเธอส่งเสียงแหลมใส หวันเหยียนเชียนหวาพี่สาวร่วมสาบานของเธอในตอนนั้นมอบเครื่องประดับแขวนชิ้นนี้ให้เธอ เธอห้อยติดตัวไว้ตลอด ยามนี้เธอมองไปรอบๆ ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ทว่า กระดิ่งนี่กลับส่งเสียงไม่หยุด ไอเย็นที่หนาวเหน็บน่าขนลุกในอากาศนั่นเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก
มองไม่เห็นอะไรเลย แต่กลับรู้สึกราวกับมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นรายล้อมอยู่ ความรู้สึกที่เหมือนถูกเพ่งมอง ชวนให้ขนพองสยองเกล้า
เธอรวบรวมสติ ก้มหน้ามองกระดิ่งและน้ำเต้าเล็กๆ ที่เอวแวบหนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าไปข้างหน้า ท่ามกลางความมืด ยังคงไม่มีเงาของสิ่งใดปรากฏ ทว่ากระดิ่งที่เอวของเธอยังคงสั่นไหวไปตามสายลม ส่งเสียงแหลมใสกริ๊งๆ ต่อไป…
ในความมืด แสงจันทร์ถูกพยับเมฆบดบัง มีเพียงแสงจันทร์ที่เล็ดลอดออกมาอันน้อยนิดสาดส่องลงมา และบนทางเดินเล็กๆ เส้นนี้ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด หญิงสาวในชุดสีแดงเส้นผมสยายผู้หนึ่งกำลังเดินด้วยฝีเท้าเบาหวิว มองจากที่ไกลๆ แลดูคล้ายกับวิญญาณอยู่หลายส่วน
ในความมืดด้านหลังเธอ เงามืดสิบกว่าเงาลอยอยู่กลางอากาศตามเธออยู่ห่างๆ อย่างนั้น พวกมันราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด ทำให้ไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกมัน…
เฟิ่งจิ่วเดินไปตามทางเดินเล็กๆ แม้เธอจะไม่หันกลับไปมอง แม้เธอจะไม่เห็นเงามืดที่อยู่รอบๆ แต่ก็รู้ว่าพวกมันกำลังตามเธอมา เพียงแต่ที่นี่คือที่ไหนกันแน่? เธอถูกประตูแห่งความมืดดูดเข้ามาอยู่ในสถานที่แบบใดกันแน่? เหตุใดอากาศที่นี่จึงได้เย็นยะเยือกเช่นนี้?
ตอนนั้นหวันเหยียนเชียนหวาเคยบอกกับเธอว่า ขอเพียงใส่กระดิ่งและน้ำเต้าเล็กนี้ติดตัว จะไม่มีวิญญาณร้ายเข้าใกล้ เรื่องอื่นไม่รู้ แต่ที่สิ่งชั่วร้ายใต้ผืนดินเหล่านี้ไม่กล้าเข้าใกล้เธอนั้นเป็นเรื่องจริง
………………………………….