เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2239 เดินมาอย่างสง่างาม / ตอนที่ 2240 คนธรรมดา
ตอนที่ 2239 เดินมาอย่างสง่างาม
ต้วนเยี่ยพยักหน้า เอ่ยกับทั้งสองว่า “ตอนหัวค่ำให้คนเตรียมน้ำอาบหน่อย”
ลู่ซีเหยียนได้ยินก็นิ่งอึ้ง ก่อนจะรับคำ “เจ้าค่ะ ข้าจำไว้แล้ว อย่างนั้นพวกเรากลับไปก่อน ไม่รบกวนอาจารย์อาต้วนพักผ่อนแล้ว” เอ่ยจบ ทั้งสองค้อมกายเล็กน้อย ก่อนจะหันตัวเดินออกไป
หลังจากพวกนางสองคนออกไป ต้วนเยี่ยกลับไปพักที่ห้อง ทว่าหร่วนหรูที่เดินออกมาจากลานบ้านอดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “ตอนเราอยู่ในสำนักมักจะได้ยินว่าอาจารย์อาต้วนไม่ชอบใกล้ชิดสตรี เย็นชากับผู้อื่น แต่นึกไม่ถึงว่าจะใส่ใจภูตหมอขนาดนี้”
“ถึงได้บอกอย่างไรเล่า ไม่ควรเชื่อข่าวลือทั้งหมด เรื่องใดล้วนต้องได้ประจักษ์ด้วยตาตนเอง” ลู่ซีเหยียนยิ้มเอ่ย “เมื่อครู่อาจารย์อาต้วนบอกว่าเขาจะช่วยลากตัวผู้ฝึกวิชามารที่ก่อคดีฆ่าผู้ฝึกตนหญิงในเมืองออกมา มีวาจาของอาจารย์อาต้วนเช่นนี้แล้ว ข้าคิดว่าอีกไม่นานคนในเมืองจะไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวเช่นนี้อีกแล้ว”
“นั่นสิ! ครั้งนี้บังเอิญจริงๆ ประจวบเหมาะอาจารย์อาต้วนผ่านมาที่นี่ ไม่อย่างนั้น ด้วยฐานะของเราในสำนัก ยากมากที่จะเชิญอาจารย์อาต้วนมาที่นี่ได้”
ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างเดินกลับเรือน กระทั่งถึงเวลาพลบค่ำ กำชับให้ข้ารับใช้เตรียมน้ำอาบส่งไปให้ เมื่อฟ้าเริ่มมืด ทั้งสองก็ไปรอพวกเขาในลานบ้าน
ภายใต้ค่ำคืน จวนเจ้าเมืองจัดงานเลี้ยง เหล่าผู้ฝึกตนพูดคุยยิ้มแย้มกันในงานเลี้ยง คนรับใช้ยกอาหารมาวางอย่างต่อเนื่อง ทว่าในเวลานี้เอง ครั้นเสียงรายงานว่าเจ้าเมืองมาดังขึ้น ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืน
“เจ้าเมืองลู่” ทุกคนยิ้มพร้อมกับประสานมือคารวะ
“ฮะๆ ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่ง” เจ้าเมืองลู่ยิ้มประสานมือตอบ เชิญทุกท่านให้นั่งลง สายตากวาดสำรวจ ก็เห็นว่าตำแหน่งด้านหน้ายังว่างอยู่สามสี่ที่ อดหันไปมองพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ “ซีเหยียนยังไม่มาหรือ?”
“นายท่าน คุณหนูไปหาเซียนต้วน น่าจะใกล้มาแล้ว” พ่อบ้านกระซิบตอบเบาๆ
เจ้าเมืองได้ฟังก็พยักหน้านั่งลง เอ่ยกับทุกคนว่า “ทุกท่าน เป็นเกียรติที่ได้รับน้ำใจจากทุกท่านนัก ครั้งนี้ต้องรบกวนพวกท่านแล้ว ณ ที่นี่ ผู้แซ่ลู่ขอดื่มคารวะพวกท่านหนึ่งจอก”
“เจ้าเมืองลู่แกรงใจแล้ว” ทุกคนยิ้มกล่าว ยกถ้วยสุราขึ้นรับหน้า ก่อนจะดื่มรวดเดียวหมด
เวลานี้ ครั้นเห็นว่าต้วนเยี่ยไม่อยู่ที่นี่ จึงวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้มา “สหายต้วนเหตุใดยังไม่มาอีก?”
“น่าจะใกล้มาถึงแล้วกระมัง? ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ไปเชิญแล้ว”
“หึๆ สหายต้วนก็วางตัวสูงส่งเกินไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าคืนนี้มีงานเลี้ยง ยังต้องให้คุณหนูใหญ่ลู่ไปเชิญอีก ช่างวางมาดได้…” คนพูดส่ายหน้า
อี้ซิวหรานที่นั่งคนเดียวดื่มสุราอยู่ ได้ยินพวกเขาคุยกันก็ไม่ได้สนใจ เพียงเขย่าสุราในมือเบาๆ อย่างเบื่อหน่าย
“ท่านพ่อ อาจารย์อาต้วนมาแล้ว”
เสียงของลู่ซีเหยียนดังมา ทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงลู่ซีเหยียนกับหร่วนหรูเดินอยู่ข้างหน้า ด้านหลังพวกนาง ต้วนเยี่ยกับผู้หญิงหน้าชุดแดงตางดงามล้ำเลิศคนหนึ่งกำลังเดินย่างกรายมาด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อยผ่อนคลาย
ยามเห็นผู้หญิงชุดแดงคนนั้น เหล่าผู้ฝึกตนตะลึงค้าง แววตาตะลึงในความงามพาดผ่านใบหน้าของใครหลายคน
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครอีก? เหตุใดเมื่อกลางวันพวกเขาจึงไม่เคยเห็น นางสวมชุดสีแดงทั้งตัว ท่วงท่าสง่างามแฝงแววเกียจคร้าน ดวงหน้าอันงามล้ำและการขับเน้นของเสื้อสีแดง ส่งให้มีกลิ่นอายงามเย้ายวนกระจายอยู่รอบตัว ทำให้พวกเขาไม่อาจละสายตาออกไปได้ รู้สึกเพียงสติสัมปชัญญะสั่นสะเทือน ตะลึงในความงามอย่างไร้ที่เปรียบ
ทว่าไม่นาน พวกเขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ผู้หญิงคนนี้ไม่มีกลิ่นอายพลังวิญญาณ หรือว่าเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น?
เหล่าผู้ฝึกตนแปลกใจ พากันจ้องสำรวจนางอย่างละเอียด
………………………………….
ตอนที่ 2240 คนธรรมดา
“นี่เป็นคนธรรมดานี่นา!”
“นี่เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีวรยุทธ์”
“เหตุใดงานเลี้ยงเช่นนี้ยังมีคนอย่างนี้เข้ามาด้วย? คืนนี้มีแต่ผู้ฝึกตนและผู้แข็งแกร่งไม่ใช่หรือ? พวกเรามาเพื่อหารือกันเรื่องการรับมือกับผู้ฝึกวิชามารที่ก่อคดีในเมือง เหตุใดจึงปล่อยให้คนธรรมดาเข้ามาแทรกแซงได้ด้วย?”
“อย่างอื่นไม่ว่า ผู้หญิงคนนี้เกิดมามีหน้าตาที่งดงามนัก”
“หึๆ คนธรรมดาที่ไม่มีวรยุทธ์ แม้จะหน้าตางดงามแล้วอย่างไร? อย่างไรก็ต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลา หนึ่งร้อยปีผ่านไป ก็ต้องกลายเป็นกองกระดูกขาวๆ กองหนึ่งอยู่ดีไม่ใช่หรือ?”
“พูดไปก็ถูก งามอีกแค่ไหนก็เป็นเพียงบุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารี[1]”
“อืม นางกับพวกเรา ไม่ใช่คนในโลกเดียวกัน ผู้หญิงธรรมดาเช่นนี้ ไม่คู่ควรที่จะมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงเช่นนี้จริงๆ”
“จริงด้วยๆ นั่งร่วมโต๊ะกับนาง ช่างทำให้เราเสียเกียรตินัก”
ผูฝึกตนบางคนกระซิบกระซาบคุยกัน ต่างวิพากษ์วิจารณ์เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดง มีเพียงคนส่วนน้อยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในบทสนทนา เพียงมองพิจารณาเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปรินสุราดื่มเอง
ส่วนอี้ซิวหร่านที่กำลังนั่งอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วเข้ามา สายตามีประกายวาววับพาดผ่าน ร่างกายที่เดิมนั่งเอียงเฉียงก็เหยียดตรงเมื่อนางเข้ามา ทว่า เขาไม่ได้รีบร้อนเข้าไปหา เพียงจ้องมองนางอยู่อย่างนั้น
เจ้าเมืองรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มากับต้วนเยี่ย เพียงแต่นึกไม่ถึงว่านางจะงามล้ำเพียงนี้ เขาจำได้ ลูกสาวของเขาบอกว่าผู้หญิงคนนี้ชื่อภูตหมอ
ตอนนั้นเขายังคิดว่าเหตุใดจึงคุ้นหูกับชื่อภูตหมอนัก ยามนี้เมื่อเห็นหน้าและชุดสีแดงของนาง สมองพลันกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันใด ในที่สุดเขาก็นึกออก
หอยาสวรรค์ในเมืองร้อยนทีที่โด่งดังในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าของที่นั่นก็ถูกขนานนามว่าภูตหมอ! และชื่อของนางก็เหมือนจะเป็นเฟิ่งจิ่ว! นึกมาถึงตรงนี้ เขาอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ ไม่มีเวลาสนใจคนอื่น รีบก้าวเข้าไปต้อนรับ
“ท่านเซียน ท่านนี้ก็คือภูตหมอเฟิ่งจิ่วใช่หรือไม่?” เขาถามต้วนเยี่ย ทว่า ดวงตาของเขากลับจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่วด้วยความตื่นเต้น
ต้วนเยี่ยที่ได้ยินอย่างนั้นจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้ง กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้จักเฟิ่งจิ่ว เขาหันไปมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ถูกต้องแล้ว”
“โอ้! นึกไม่ถึงว่าภูตหมอจะให้เกียรติมาเยือนที่นี่ ผู้แซ่ลู่ต้อนรับไม่ทั่วถึง ต้อนรับไม่ทั่วถึงแล้ว” เขาละล่ำละลักเอ่ยด้วยความขอโทษ พลางประสานมือให้เธอ พร้อมกับเอ่ยว่า “ภูตหมอ เชิญนั่งๆ”
ลู่ซีเหยียนกับหร่วนหรูที่เห็นได้แต่ประหลาดใจ ภูตหมอเฟิ่งจิ่ว? หรือว่าภูตหมอมีชื่อเสียงมากหรือ? เหตุใดพวกนางสองคนจึงไม่รู้เลย?
ผู้ฝึกตนคนอื่นเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ ลึกๆ ข้างในเกิดความไม่พอใจ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเมืองลู่ ไม่แนะนำแม่นางท่านนี้ให้พวกเรารู้จักหน่อยหรือ?”
แม้แต่กับพวกเขา ยังไม่เห็นว่าเจ้าเมืองลู่จะเกรงอกเกรงใจถึงเพียงนี้ ผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงคนไร้วรยุทธ์ เหตุใดจึงได้รับการปฏิบัติที่พิเศษจากเจ้าเมืองลู่ได้?
“มาๆ สองท่าน เชิญนั่ง” เจ้าเมืองลู่ยิ้มเชิญชวนให้พวกเขานั่ง ครั้นทุกคนนั่งประจำที่แล้ว จึงแนะนำพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ทุกท่านรู้จักเซียนต้วนอยู่แล้ว ส่วนท่านนี้ก็คือภูตหมอเฟิ่งจิ่ว”
ภูตหมอเฟิ่งจิ่ว? ใครกัน? ผู้หญิงคนนี้เป็นหมองั้นหรือ?
นึกมาถึงตรงนี้ สีหน้าของแต่ละคนแตกต่างกันไป ล้วนจ้องมองผู้หญิงตรงหน้า หญิงสาวที่หน้าตางามล้ำผู้นี้เป็นหมอ? เป็นแค่หมอธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดจึงมาที่นี่ได้? หรือว่าเรื่องที่จับผู้ฝึกวิชามาร นางจะยังช่วยอะไรได้ด้วยหรือ
มีคนหัวเราะดูแคลน “เจ้าเมืองลู่ แม่นางท่านนี้ไร้กลิ่นอายพลังวิญญาณ เป็นคนธรรมดากระมัง?”
………………………………….
[1]จันทราในวารี เปรียบเปรยถึงสิ่งที่สวยงามทว่าจับต้องไม่ได้