เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2211 หน้าแดงแล้ว / ตอนที่ 2212 ไปกับนาง
ตอนที่ 2211 หน้าแดงแล้ว
ต้วนเยี่ยยกมือลูบหน้าโดยอัตโนมัติ ดวงหน้าที่มือสัมผัสโดนนั้นร้อนผะผ่าว ไม่ต้องดูก็รู้ว่าแดงไปทั้งดวงจริงๆ แม้จะอยากปฏิเสธก็ทำไม่ได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ เขาแค่นเสียงขึ้นจมูกเบาๆ เอ่ยอย่างขัดเขินว่า “ใช่เสียที่ไหน! ข้าร้อนต่างหาก!”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหนึ่งได้สติ หันไปมองบรรดาลูกศิษย์ชายที่เหม่อมองอย่างใจลอย จึงอดไม่ได้ที่จะกระแอมเตือนหนักๆ เพื่อเรียกสติของพวกเขากลับมา
เหล่าลูกศิษย์หญิงที่เห็นอย่างนั้นก็อดฉงนฉงายไม่ได้ บ้างก็มีแววตาริษยา บ้างก็มีแววตาอิจฉา แต่ละคนล้วนหันไปจับจ้องเงาร่างสีแดงเช่นกัน
“ต้วนเยี่ย ท่านนี้คือ?” ชายวัยกลางถาม ดูท่าทางทั้งสองน่าจะรู้จักกัน
“นางชื่อเฟิ่งจิ่ว เป็นสหายของข้า” ต้วนเยี่ยตอบ สายตาจับจ้องเฟิ่งจิ่ว อดถามไม่ได้ “เจ้าไม่ลงมาหรือ?” เป็นผู้หญิงยิงเรือแท้ๆ เหตุใดนางชอบนั่งบนต้นไม้นักนะ?
เมื่อเห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกระโดดลงมาจากต้นไม้ ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสองอย่างมั่นคง เธอหันไปยิ้มให้ต้วนเยี่ย ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ชายวัยกลางคนเล็กน้อย “เรียกข้าว่าเฟิ่งจิ่วก็พอ ข้าผ่านทางมาพอดี เห็นต้วนเยี่ยอยู่ที่นี่ จึงมาทักทาย”
“แม่นางเฟิ่ง”
ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเล็กน้อย เอ่ยว่า “ข้าคือเซียนอวี้เจินแห่งสำนักเมฆาหยก” แม้อีกฝ่ายดูอายุไม่มาก แต่แค่เรื่องที่เมื่อครู่อีกฝ่ายอยู่ตรงนั้นเขายังไม่รู้ตัว ก็บ่งบอกได้แล้วว่านางเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่เปิดเผยตัว ขณะเอ่ย ย่อมไม่กล้าเป็นกันเองมากเกินไป แม้เขาจะเป็นเซียนแห่งสำนักเมฆาหยก ก็ไม่กล้าอวดเบ่ง
“อาจารย์อา ข้าขอคุยอะไรกับนางสักหน่อย” ต้วนเยี่ยเอ่ย สิ้นเสียงก็ไม่รอให้อาจารย์อาของเขาตอบ ดึงเฟิ่งจิ่วไปยังอีกด้าน
เขามองพิจารณาเธอขึ้นลง ถามว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากฝั่งถ้ำภูเขา คงไม่ใช่เจ้าหรอกกระมัง?” บังเอิญผ่านทางมาอย่างนั้นหรือ? เขาไม่เชื่อหรอก
ได้ยินอย่างนั้น สายตาของเฟิ่งจิ่วไหวระริก ยิ้มตอบว่า “อืม เป็นข้าจริงๆ”
ครั้นได้ยินอย่างนั้น ต้วนเยี่ยอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เป็นไรกระมัง? เหตุใดจึงกรีดร้อง? เจ้ามาอยู่ที่นี่คนเดียวได้อย่างไร? ไหนว่าอยู่ที่หอยาสวรรค์ในเมืองร้อยนทีอย่างไรเล่า?”
“วางใจได้ ข้าไม่เป็นไร” เฟิ่งจิ่วตบหัวเขา ทำเอาต้วนเยี่ยถลึงตาใส่ อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ “ไม่เป็นไรจริงๆ แค่เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย โชคดีที่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ตอนแรกข้าตั้งใจจะกลับไป แต่นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ได้ยินเสียงคนคุยกัน ฉะนั้นจึงมาดู นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า”
ท่าทางของต้วนเยี่ยที่หน้าแดงไปจนถึงใบหู เธอเห็นแล้วก็รู้สึกน่าสนุก เจ้าเด็กคนนี้ยังคงมีนิสัยน่าอึดอัดเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ต้วนเยี่ยเอ่ย ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตือนเธออีกว่า “อีกอย่าง อย่าเอาแต่ตบหัวข้า จะส่งผลต่อสมองข้าได้”
“พรืด!”
เฟิ่งจิ่วอดยิ้มไม่ได้ “เจ้ายังกลัวจะส่งผลอะไรต่อสมองเจ้าอีก? ใครใช้ให้เจ้าไม่เจอกันนานแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิมอีกเล่า? ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย” เธอส่ายหน้าเอ่ย
“ไม่เปลี่ยนไปเสียที่ไหน? เจ้าดูวรยุทธ์ของข้าตอนนี้ พลังของข้าพัฒนาขึ้นไม่น้อยแล้ว อยู่ในสำนักเมฆาหยกอย่างน้อยก็ถือเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง” เขาราวกับกลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับ จึงแสดงพลังและวรยุทธ์ออกมาให้เห็น
“เอาละๆ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเก่งกาจ” เธอยิ้มๆ เอ่ยว่า “ใช่แล้ว ช่วงก่อนข้าเพิ่งเจอซ่งหมิง เขาเคยเล่าเรื่องของพวกเจ้าให้ข้าฟัง ดูเหมือนพวกเจ้าต่างก็มีชีวิตที่ไม่เลวทีเดียว”
ได้ยินอย่างนั้น ต้วนเยี่ยเชิดคาง “แน่นอน ไม่ดูเสียบ้างว่าใครสอนมา จะไม่ได้ดีได้อย่างไร?”
………………………………….
ตอนที่ 2212 ไปกับนาง
เฟิ่งจิ่วยิ้ม ถามว่า “ที่นี่คือที่ไหนหรือ?” เธอถูกจอมมารพิษพามาที่นี่ จึงไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่
“เจ้าไม่รู้หรือ?” เขาชะงัก มองหน้าเธอแปลกๆ “แล้วเจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”
“ข้าถูกคนตีสลบแล้วจับเข้ามา” เธอยิ้มตอบ เห็นหน้าเขาเปลี่ยนสีไปทันที จึงเอ่ยว่า “แต่วางใจได้ ตอนนี้ข้าไม่เป็นไรแล้ว คนคนนั้นก็ถูกจัดการแล้วเช่นกัน”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของต้วนเยี่ยก็ผ่อนคลายลง นึกถึงร่องรอยของน้ำยาสลายศพที่เห็นหน้าถ้ำภูเขาจึงถามขึ้นมา “ที่ถ้ำหินตรงนั้นหรือ? เจ้าถูกจับได้อย่างไร? นึกไม่ถึงจะมีคนทำให้เจ้าพลาดท่าได้ด้วย”
เฟิ่งจิ่วกลอกตา ค่อนแคะว่า “เจ้านึกว่าข้าเป็นผู้ไร้เทียมทานหรือ? นั่นเป็นถึงเจ้าสำนักปัญจพิษเชียวนะ มีพลังระดับผู้อาวุโสเซียน ด้วยพลังของข้าตอนนี้ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเสียที่ไหน? ไม่ถูกฆ่าตายก็ดีแค่ไหนแล้ว” หากจอมมารพิษฉวยโอกาสตอนหมดสติฆ่าเธอ เดาว่าตอนนี้เธอคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว
“ที่นี่คือมุมหนึ่งของป่าแห่งความตายซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินใหญ่แถบใต้แม่น้ำ ตอนนี้ที่แห่งนี้ถือว่าอยู่รอบนอก ระดับอันตรายยังถือว่าไม่สูงมาก” ต้วนเยี่ยอธิบาย มองหน้าเธอก่อนเอ่ยว่า “เดิมข้าอยากไปหาเจ้า แต่ตอนนี้เห็นเจ้าไม่เป็นไรก็วางใจแล้วล่ะ”
เฟิ่งจิ่วยื่นมือไปหมายจะตบหัวเขา แต่เห็นเขาถอยหลังและจ้องเธออย่างระแวดระวัง เธอจึงเปลี่ยนเป็นวางมือบนไหล่เขา ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้ากลับไปฝึกฝนอย่างสบายใจได้เลย! ข้ากลับก่อนล่ะ รอพวกเจ้านัดหมายกันให้ดีแล้วไปหาข้าที่หอยาสวรรค์ในเมืองร้อยนทีพร้อมกัน ข้าจะเลี้ยงของอร่อยพวกเจ้าสักมื้อ แล้วพวกเราค่อยนั่งพูดคุยกันดีๆ ตอนนั้น”
พอได้ยินอย่างนั้น ต้วนเยี่ยสีหน้านิ่งขรึม มองเธอครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้! อย่างนั้นเจ้าก็รักษาตัวดีๆ เล่า”
“อืม อย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ” เธอเอ่ย หมุนตัวเดินกลับไปที่เดิม มาหยุดอยู่ตรงหน้าเซียนอวี้เจิน เอ่ยขึ้นว่า “ท่านเซียน ต้วนเยี่ยฝากท่านดูแลเขาด้วย”
“แม่นางเฟิ่งวางใจ” เซียนอวี้เจินพยักหน้า เขามองหญิงงามในชุดสีแดง รู้สึกประหลาดใจ เหตุใดชื่อเฟิ่งจิ่วนี้จึงได้ฟังคุ้นหูนัก? แต่เห็นชัดว่าเขาไม่เคยพบนาง ทว่าชื่อนี้ กลับเหมือนว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ต้วนเยี่ย รักษาตัวด้วย” เฟิ่งจิ่วโบกมือ ก่อนจะหันกายจากไป
มองดูเธอจากไป ต้วนเยี่ยยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เพียงแต่ ยามเห็นเงาร่างของเธอค่อยๆ หายลับไป เขากลับขมวดคิ้ว สาวเท้ายาวๆ เดินมาหาเซียนอวี้เจิน “อาจารย์อา รบกวนท่านบอกท่านอาจารย์ว่าข้าออกไปฝึกหนักข้างนอก การฝึกฝนครั้งนี้ข้าไม่เข้าร่วมแล้ว ข้าจะตามนางไปก่อน”
ครั้นได้ยินแล้วเซียนอวี้เจินชะงัก รีบรั้งเขาไว้ “เจ้าจะตามนางไป? จะไปไหร? จะกลับสำนักเมื่อใด? อย่างไรเจ้าก็ต้องพูดให้ชัดเจนกระมัง? ไม่อย่างนั้นหากอาจารย์ของเจ้าถามขึ้นมา ข้าก็ตอบไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”
“หากอาจารย์ของข้าถามขึ้น เจ้าก็บอกว่าข้าไปกับเฟิ่งจิ่ว หากจะตามหาข้า ก็ให้ไปที่หอยาสวรรค์ในเมืองร้อยนที” ต้วนเยี่ยเอ่ย จากนั้นก็รีบสาวเท้าเร็วๆ ไปยังทิศที่เฟิ่งจิ่วเดินไป พร้อมกับตะโกนเรียกด้วย “เฟิ่งจิ่ว! รอข้าก่อน!”
ฝึกหนักอะไร? ฝึกวรยุทธ์อะไรกัน? ไม่ว่าอะไรล้วนเทียบกับติดตามนางไม่ได้
นึกไปถึงตอนนั้นที่พวกเขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานตัวเล็กๆ แต่เพราะติดตามนาง จึงได้พัฒนาพลังขึ้นขนาดนี้ภายในระยะเวลาแค่หนึ่งปี ความยอดเยี่ยมของนางมีแค่พวกเขาที่ติดตามนางเท่านั้นที่รู้ กับคนอื่นพูดไปก็ไม่เข้าใจ
………………………………….