เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2203 ถูกจับ / ตอนที่ 2204 ป้อนยา
ตอนที่ 2203 ถูกจับ
“ท่านพี่! ระวัง!”
เฟิ่งจิ่วตะโกน เห็นเจ้าสำนักปัญจพิษจู่โจมพี่ชายของเธอราวกับคลุ้มคลั่งไปแล้ว ก็รีบโฉบกายเข้าไปหมายจะดึงเขากลับมา แต่ในตอนนี้เอง ใครจะรู้ว่าเจ้าสำนักปัญจพิษที่ทำท่าจะจู่โจมพี่ชายของเธอจู่ๆ กลับหันหลังมาคว้ามือเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เฟิ่งจิ่ว! ระวัง!”
“เสี่ยวจิ่ว!”
โม่เฉินกับกวนสีหลิ่นเห็นภาพนั้นก็เกร็งไปทั้งตัว พุ่งเข้าไปโดยไม่หยุดคิดแม้แต่น้อย ทว่าแม้พวกเขาจะเร็วแล้ว แต่ก็ยังคงเร็วสู้เจ้าสำนักปัญจพิษที่อยู่ห่างจากเฟิ่งจิ่วเพียงไม่กี่ก้าวไม่ได้อยู่ดี
ยามเห็นว่าใบหน้าของเจ้าสำนักเบญจิพิษเผยรอยยิ้มแปลกๆ เหมือนย่ามใจในชัยชนะ เฟิ่งจิ่วตกใจ แย่แล้ว! หลงกลจนได้! เจ้าสำนักปัญจพิษไม่ได้คิดจะเล่นงานพี่ชายของเธอ แต่เป็นเธอต่างหาก!
ทว่าแม้จะรู้ตัวแล้ว แต่ความเร็วที่อีกฝ่ายเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งมาทางเธออย่างกะทันหันนั้นเร็วเกินไป กอปรกับเดิมเธอก็พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วอยู่แล้ว ยามนี้หากจะหยุดและถอยหลังก็คงทำไม่ได้ เพียงชั่วพริบตา เจ้าสำนักปัญจพิษมาหยุดอยู่ข้างกายเธอและบีบคอของเธอแน่น
มือที่เย็นเยียบยังอาบไปด้วยเลือด บีบคอหงส์ของเธอด้วยสัมผัสเปียกชื้น ทำให้เธอทรมานยิ่งกว่าเดิม และเพราะเขาบีบแรงมากจนหายใจไม่ออก ปลายเท้าทั้งสองข้างจึงเขย่งสูงตามสัญชาตญาณ เพื่อบรรเทาอาการหายใจไม่ออก
“เสี่ยวจิ่ว!”
“ปล่อยนาง!”
กวนสีหลิ่นกับโม่เฉินไล่ตามมาหยุดอยู่ข้างทั้งสอง เพียงแต่เฟิ่งจิ่วในตอนนี้ถูกบีบคอ ชีพจรชีวิตถูกบีบอยู่ในกำมือของเจ้าสำนักปัญจพิษ ทำให้พวกเขาสองคนไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวว่าจะกระตุ้นเจ้าสำนักปัญจพิษให้ทำร้ายเฟิ่งจิ่ว
“หยุดอยู่ตรงนั้นให้หมด! หากกล้าเข้ามาอีก ข้าจะหักคอนางเสีย!” เจ้าสำนักปัญจพิษตวาดเสียงเข้ม มือที่บีบคอเฟิ่งจิ่วเพิ่มแรงเข้าไปอีก โม่เฉินกับกวนสีหลิ่นที่เห็นอย่างนั้นก็ร้อนใจ
ทั้งสองหยุดฝีเท้า มองเฟิ่งจิ่วที่ถูกบีบคอด้วยอารามลนลาน ทว่าสถานการณ์ตรงหน้ากลับไม่อาจทำอะไรได้ หากพวกเขาเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เจ้าสำนักปัญจพิษจะต้องฆ่านางขณะที่พวกเขาลงมือแน่นอน
เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้ว ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นควบคุมอย่างนี้แย่เกินไปแล้ว มือที่บีบคอของเธอไม่ได้คลายออกเลยแม้แต่น้อย ราวกับขอเพียงเธอขยับแม้แต่น้อย เขาก็จะหักคอของเธอทันที เมื่อตกอยู่ในกำมือผู้อื่น แม้แต่เธอเองก็ยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
เจ้าสำนักปัญจพิษหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แววตากระหายเลือดจ้องมองโม่เฉินกับกวนสีหลิ่น ข่มขู่ว่า “หากพวกเจ้ายังกล้าเข้ามา ข้าก็จะฆ่านางเสีย! อย่าได้ท้าทายความอดทนของข้า!”
ขณะเอ่ย เขาบีบคอเฟิ่งจิ่วพลางเดินลากเธอไป จากนั้นเรียกพลังพาเธอกระโดดหายไปท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน
“ทำอย่างไรดี?” กวนสีหลิ่นร้อนใจอย่างยิ่ง จะตาม ก็กลับว่าเขาจะทำอะไรเฟิ่งจิ่ว จึงอดหันไปมองโม่เฉินไม่ได้
ดวงตาของโม่เฉินหม่นแสงเล็กน้อย เขามองทิศทางที่ทั้งสองหายไปพลางขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า “รอเถิด! เจ้าสำนักปัญจพิษถูกท่านฟันแขนขวาขาด พลังในกายรั่วไหล ข้าคิดว่าขอเพียงมีโอกาส เฟิ่งจิ่วน่าจะหนีรอดจากเงื้อมมือเขามาได้”
“อย่างนั้นพวกเราไม่ตามไปแล้วหรือ?”
กวนสีหลิ่นถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าสำนักปัญจพิษนั่นดูเต็มไปด้วยไอสังหาร หนำซ้ำยังถูกข้าฟันแขนขาด ข้ากลัวว่าเขาจะระบายความแค้นใส่เสี่ยวจิ่ว”
“หากตามไป ไม่แน่เขาอาจยอมทุ่มสุดชีวิตเพื่อตายไปพร้อมกัน” โม่เฉินเอ่ย ถอนหายใจเบาๆ แล้วเสนอว่า “ตอนนี้ มีเพียงต้องทำให้เขารู้สึกว่าตนเองยังมีโอกาสรอด เฟิ่งจิ่วจึงจะปลอดภัย ส่วนจะเจออะไรหลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับมือต่อสถานการณ์ต่างๆ ของนางแล้ว”
………………………………….
ตอนที่ 2204 ป้อนยา
ในอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่ถูกลักพาตัวไปถูกสกัดจุดลมปราณ จากนั้นก็ถูกผนึกกลิ่นอายพลังวิญญาณ หลังออกจากหุบเขา เธอเห็นแค่ว่าเจ้าสำนักปัญจพิษหยิบแกนเคลื่อนย้ายออกมาแล้วตีเธอหมดสติ พาเธอหายไปจากป่าในหุบเขาแห่งนี้ในพริบตา…
ณ ถ้ำภูเขาถ้ำหนึ่ง ตรงหน้าของเจ้าสำนักปัญจพิษที่แขนขาดมีขวดยาวางไว้สิบกว่าขวด เขาหยิบยาเหล่านั้นขึ้นมาเทใส่ชามหินใบหนึ่ง คนยาให้เข้ากัน สุดท้ายก็หยิบยาขวดหนึ่งมาเทลงไปอีก สิ่งที่ถูกเทออกมาจากขวดนั้นก็คือเลือดสดๆ
เลือดขวดนั้นผสมกับยาทั้งหมด ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นก้อน เขาเผยยิ้มประหลาด ผสมยาเหล่านั้นจนกลายเป็นยาสีแดงเม็ดหนึ่ง
เขาหยิบยาเม็ดนั้นขึ้นมา หัวเราะอย่างชั่วร้าย ในเสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งและเหี้ยมโหด “ภูตหมอ? ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองความร้ายกาจของจอมมารพิษอย่างข้า!”
ดวงตาสีแดงโลหิตจ้องมองเม็ดยาสีแดงในมือ ปากก็เปล่งเสียงหัวเราะเยือกเย็นชวนขนลุก เสียงหัวเราะนั้นแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งชวนตัวสั่น
เขาหยิบยาเม็ดนั้นเดินมาหยุดข้างๆ เฟิ่งจิ่วที่กำลังหมดสติ บีบคางของนาง ยัดยาเม็ดนั้นเข้าไป จากนั้นก็นั่งรอดูการตอบสนองของเฟิ่งจิ่วอยู่ด้านหนึ่งเงียบๆ
เฟิ่งจิ่วถูกปลุกตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นคาวเสียดแทงจมูกนั่น ครั้นลืมตา เธอก็สัมผัสได้ว่ามีรสชาติแปลกๆ ในปาก เธอขมวดคิ้วลุกนั่ง รู้สึกว่าเส้นเลือดในร่างกายร้อนรุ่มแปลกๆ
“เจ้าให้ข้ากินอะไร!”
เธอจ้องเจ้าสำนักปัญจพิษที่นั่งอยู่ด้านหนึ่ง จ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือก ลึกๆ ข้างในพลันสังหรณ์ใจไม่ดี เธอในเวลานี้ จุดลมปราณทั่วร่างถูกสกัด กลิ่นอายพลังวิญญาณก็ถูกผนึกเช่นกัน แทบไม่อาจขับเคลื่อนพลังได้เลย
ส่วนกลิ่นอายพลังเร้นลับที่เธอไม่เคยใช้มาก่อนเวลานี้เธอกลับไม่กล้าเปิดเผยให้รู้แม้แต่น้อย ด้วยกลัวว่าเขาจะจับได้ว่าเธอยังมีพลังอีกขุมซ่อนอยู่ข้างใน ตอนนี้ โอกาสที่เธอจะหนีไปได้ก็มีแต่ต้องอาศัยทีเผลอเท่านั้น
เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนหมดสติไปถูกเขาป้อนยาอะไรให้กินกันแน่? แม้ไม่รู้ว่าเป็นยาใด แต่เดาได้ว่าต้องไม่ใช่อะไรดีๆ แน่นอน
“กินอะไรงั้นหรือ? หึ! ไม่นานเจ้าก็จะรู้เอง” เขาจ้องเธอ ดวงตาสีแดงเลือดมีประกายแปลกประหลาดและบ้าคลั่ง
เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้ว ความร้อนรุ่มในโลหิตราวกับเพิ่มสูงขึ้นอีก เป็นความรู้สึกที่ประหลาดมาก นอกเหนือจากนี้ ร่างกายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปอีก ตอนนี้เธอไม่รู้ว่ายานั้นมีฤทธิ์อะไร เพียงแต่ กลิ่นคาวเลือดในลำคอเหตุใดนานแล้วก็ยังรู้สึกเหม็นฉุนอยู่อีก? นั่นเป็นเลือดอะไรกันแน่?
เขาเอื้อมมือไปบีบคางของเธอ เอ่ยอย่างเหี้ยมเกรียม “เฟิ่งจิ่ว! พวกเจ้าทำลายทุกสิ่งของข้า หากข้าฆ่าเจ้าไปเสียอย่างนี้ ก็เสียเปรียบเจ้าเกินไปน่ะสิ เจ้าวางใจ ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตายเอง ฮ่าๆๆๆๆ!” เขาสะบัดมือ สาวเท้ายาวๆ เดินออกไป ขณะเดียวกันก็โบกมือร่ายเขตอาคมไว้หน้าถ้ำ
นางในตอนนี้ถูกสกัดจุดลมปราณ ไม่อาจใช้กลิ่นอายพลังวิญญาณได้เช่นคนทั่วไป นางที่เป็นเช่นนี้ เพียงเขตอาคมเดียวก็ขังไว้ได้แล้ว!
เฟิ่งจิ่วมองเขาสาวเท้าออกไป ก่อนจะมองพิจารณารอบๆ ถ้ำภูเขาแห่งนี้
ที่นี่เรียบง่ายธรรมดา น่าจะเป็นถ้ำที่เจอระหว่างทาง มุมหนึ่งในนี้ยังมีเศษผ้าเปื้อนเลือดเหลือทิ้งไว้บนพื้น รวมถึงขวดยาจำนวนหนึ่ง เธอหันไปมองข้างนอก ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักปัญจพิษออกไปทำอะไร เวลานี้เธอลองเหยียดขาดู พลางรวบรวมกลิ่นอายพลังเร้นลับที่อยู่ข้างในเพื่อพยายามคลายจุดลมปราณ
………………………………….