เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2187 อย่ากระโดดกำแพง / ตอนที่ 2188 ถามให้กระจ่าง
ตอนที่ 2187 อย่ากระโดดกำแพง
เห็นสีหน้าเขา เฟิ่งจิ่วรู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยว่า “ท่านพี่ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! ท่านกลับมาคราวนี้อย่าเพิ่งออกไปไหน อยู่ที่นี่ก่อน รอข้าสะสางเรื่องที่นี่เสร็จ ข้าไปกับท่านเอง แม้พวกท่านสองคนยังไม่คิดจะแต่งงานกัน แต่หมั้นหมายกันไว้ก่อน ทางบ้านของเยี่ยจิงจะได้ไม่หาคู่ครองให้นางอีก”
ได้ยินแล้วกวนสีหลิ่นเผยยิ้ม “ได้ พวกเราไปด้วยกัน” เขาถามอีกว่า “แต่เรื่องนี้ควรบอกพวกพ่อบุญธรรมหรือไม่?”
แม้ตัวเขาเองจะไม่มีครอบครัวแล้ว แต่ครอบครัวของเสี่ยวจิ่วก็เหมือนครอบครัวของเขา หากคิดจะหมั้นหมาย อย่างไรก็ควรบอกพวกเขาหน่อยหรือไม่?
“เรื่องนี้ข้าจะสั่งให้คนส่งจดหมายไปบอกพวกเขาเอง ภายหน้าหากท่านจะสู่ขอเยี่ยจิงเมื่อใด อย่างไรก็ต้องให้พวกเขาออกหน้าอยู่แล้ว” เธอยิ้มกว้าง มองสมบัติมีค่าบนโต๊ะ เอ่ยว่า “ของพวกนี้ข้าเก็บไว้ก่อน รอท่านสู่ขอภรรยาเมื่อใด น้องสาวท่านคนนี้จะเตรียมของดีๆ ไว้ให้เอง”
สองพี่น้องนั่งคุยกันอยู่ในลานสวน และเพราะฟ้ามืดแล้ว หลังจากจุดโคมไฟ ทั้งสองก็นั่งกินดื่มพูดคุยกันต่อ กระทั่งเงาร่างหนึ่งเข้ามาอย่างเงียบๆ
สัตว์คู่พันธสัญญาทั้งสามตัวในสวนเหลือบมองผู้มาแวบหนึ่ง ก่อนจะออกไปเดินเล่นข้างนอก ราวกับมองไม่เห็นคนคนนั้น เพราะอย่างไร ขอเพียงไม่ใช่ศัตรู พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ
“พวกเจ้าสองพี่น้องกลับสนุกสนานกันนัก” โม่เฉินในชุดสีขาวที่นั่งอยู่บนกำแพงเอ่ยขึ้นขณะจ้องมองทั้งสองคนที่อยู่ในลานสวน
“เหตุใดประตูมีไม่เดิน กลับกระโดดข้ามกำแพงเข้ามาอีกแล้ว?” เฟิ่งจิ่วเห็นว่าเป็นเขา ก็อดยิ้มไม่ได้ ทั้งที่เป็นถึงคนที่สง่างามดุจเทพเซียน กลับชอบกระโดดกำแพง นิสัยเช่นนี้น่าแปลกประหลาดจริงๆ
โม่เฉินนั่งอยู่บนกำแพง ถอนหายใจเบาๆ “ไม่ใช่ข้าชอบกระโดดกำแพงมากกว่าเดินเข้ามาทางประตู แต่ข้ามากี่หนก็ถูกไล่กลับไปทุกครั้ง ด้วยความอับจนหนทาง ทำได้เพียงลองกระโดดกำแพงเข้ามาเท่านั้น”
“หืม?”
เฟิ่งจิ่วที่ได้ยินอย่างนั้นก็ประหลาดใจ “เหตุใดถูกไล่กลับไป? ข้าไม่ได้ให้ใครกันท่านไว้นี่!” ครั้นนึกได้ เธอก็ยิ้มอย่างถึงบางอ้อ “ฮะๆ ใช่แล้ว หลายวันก่อนข้ากำลังยุ่งอยู่จริงๆ เดาว่าพวกเขาคงกลัวว่าจะมีคนมารบกวนข้า ถึงได้ไม่ยอมให้ท่านเข้ามากระมัง!”
ขณะอธิบาย เธอมองเขา ยักคิ้ว ยิ้มเอ่ยว่า “ท่านไม่ลงมาดื่มสักหน่อยหรือ?”
ได้ยินคำชวน โม่เฉินสายตาไหวระริก รอยยิ้มพาดผ่านดวงตา ก่อนจะกระโดดลงมาอย่างสง่างาม ขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วเรียกเหลิ่งซวงให้เอาถ้วยสุรามาเพิ่มอีกหนึ่งใบ
เหลิ่งซวงน้ำถ้วยสุรามาให้ก็ถอยออกไป เฟิ่งจิ่วรินสุราให้เขา เห็นอย่างนี้ โม่เฉินส่งยิ้มให้เฟิ่งจิ่ว ก่อนยกสุราขึ้นจิบ
“คุณชายโม่เฉิน อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นเรือนของน้องสาวข้า ท่านเป็นผู้ชาย พฤติกรรมอย่างการกระโดดข้ามกำแพงเช่นนี้คราวหน้าก็อย่าทำอีกเลย” กวนสีหลิ่นเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“แค่กๆ!”
สุราเพิ่งเข้าปาก โม่เฉินก็ได้ยินคำพูดกวนสีหลิ่น ไม่ระวังสำลักทันที เขาวางถ้วยสุราในมือลง มองกวนสีหลิ่นที่สีหน้าจริงจังราวกับแม่วัวที่กำลังปกป้องลูกวัว อดถอนหายใจและส่ายหน้าไม่ได้ “ท่านคิดมากไปแล้ว น้องสาวของท่านไม่ได้เห็นข้าเป็นผู้ชายเสียด้วยซ้ำ”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็มุมปากกระตุก เธอเหล่มองโม่เฉินแวบหนึ่ง
กวนสีหลิ่นกลับขมวดคิ้วจ้องหน้าเขา
ครั้นถูกทั้งสองคนจ้องเช่นนี้ โม่เฉินจึงยิ้ม เอ่ยว่า “เอาล่ะ คราวหน้าหากไม่ถูกกีดกัน ข้าก็จะไม่กระโดดกำแพงเข้ามาอีก”
………………………………….
ตอนที่ 2188 ถามให้กระจ่าง
เขามองเฟิ่งจิ่ว ก่อนเอ่ยว่า “คืนนี้ที่มาเพราะอยากมาดูว่าเจ้ากลับมาหรือยัง เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงก่อน…”
“เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนข้ารู้แล้ว ท่านไม่ต้องพูดแล้ว” เฟิ่งจิ่วตัดบทเขา ยิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อมาแล้ว คืนนี้ก็มาดื่มสุราและพูดคุยกันอย่างผ่อนคลายดีกว่า!”
เห็นอย่างนั้น เขาจึงเผยยิ้ม “ได้”
ทั้งสามนั่งอยู่ในลานสวน พูดคุยสัพเพเหระพลางดื่มสุราไปด้วย กระทั่งกลางดึก กวนสีหลิ่นกับโม่เฉินกลับไปแล้ว…
เช้าตรู่วันต่อมา ทางจวนหลิงส่งคนมารายงานเธอ นายท่านของพวกเขาฟื้นแล้ว อยากพบเธอ ด้วยเหตุนี้ เธอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็มุ่งหน้าไปที่จวนหลิง
“ภูตหมอ นายท่านของข้าฟื้นแล้ว” ชายชราเห็นเธอมา รีบเข้ามาคารวะ บอกกับเธอด้วยใบหน้ายินดี
“อืม” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า สาวเดินเข้าไปข้างใน เห็นชายวัยกลางคนที่กำลังหลับตาทำสมาธิอยู่บนเตียง
“ท่านลุงเฮย รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เฟิ่งจิ่วนั่งเก้าอี้ข้างเตียงอย่างเป็นกันเอง ใบหน้าประดับรอยยิ้ม ถามด้วยท่าทางผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ เพียงคำว่าท่านลุงเฮย กลับทำให้นายแห่งตลาดมืดที่ลืมตาขึ้นมาตะลึงงัน ก่อนจะหลุดหัวเราะ
“เหตุใดเรียกข้าว่าท่านลุงเฮยเล่า? หรือเจ้าคิดว่าข้าคือนายแห่งตลาดมืด จึงเรียกข้าว่าท่านลุงเฮย?” เขามองสตรีในชุดสีแดงสะดุดตา สายตาไหวระริกเล็กน้อย
นี่ก็คือภูตหมอเฟิ่งจิ่วตัวจริงแน่นอน แต่ก่อนเคยเห็นแต่ภาพเหมือน วันนี้ได้พบตัวจริงครั้งแรก จึงได้รู้ว่าโดดเด่นสะดุดตากว่าในภาพเหมือนเป็นร้อยเท่า
เฟิ่งจิ่วยิ้ม เอ่ยว่า “แม้ข้าจะเคยคบค้าสมาคมกับตลาดมืดหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของท่านลุงเฮยเลย! อย่างไรท่านก็เป็นนายแห่งตลาดมืด ข้าคิดท่านลุงเฮยก็เป็นชื่อที่เหมาะกับท่านดี”
“หึๆๆ…”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ เขาหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะดังออกมาจากทรวงอก คล้ายจะกระทบกับอาการบาดเจ็บภายใน สีหน้าของเขาพลันซีดเผือด เหงื่อไหลซึมหน้าผาก ใบหน้ากลับยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเบิกบาน เห็นได้ว่าเขาอารมณ์ดีนัก
“ช่างเถิด ท่านลุงเฮยก็ท่านลุงเฮย! เดาว่าคงมีแต่เจ้าเท่านั้นแหละที่กล้าเรียกข้าเช่นนี้”
“ที่จริงข้ามีคำถามหนึ่งอยากถามท่านมานานแล้ว เพียงแต่แต่ก่อนไม่มีโอกาสได้ถาม ยามนี้ท่านก็ฟื้นแล้ว ไม่สู้ตอบคำถามข้าหน่อยเป็นอย่างไร?” เธอหรี่ตาครึ่งหนึ่ง มองเขาพร้อมกับเผยรอยยิ้ม
ครั้นได้ยิน นายแห่งตลาดมืดมองเธอด้วยดวงตาแฝงรอยยิ้ม ถามว่า “เจ้าอยากถามข้าว่า เหตุใดหลายปีมานี้จึงคอยดูแลเจ้ามากขนาดนี้ ใช่หรือไม่?”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า “อืม แม้ระหว่างเราเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน แต่ที่จริงตลาดมืดช่วยเหลือข้าหลายเรื่องมาก และข้าก็รู้ว่ามีหลายเรื่องที่ตลาดมืดช่วยข้าสะสางปัญหาอย่างเงียบๆ ฉะนั้นข้าจึงสงสัย ว่าเป็นเพราะเหตุผลใดกันแน่?”
เธอมองเขา มือข้างหนึ่งเท้าคาง ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “จากที่ข้ารู้มา ก่อนหน้านี้ ข้าน่าจะไม่เคยพบท่านมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าช่วยเลย ฉะนั้น เหตุใดท่านจึงต้องช่วยข้าด้วย?”
แม้จะเป็นความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน แต่หลายครั้งที่ตลาดมืดของพวกเขาเลือกที่จะนิ่งดูดายก็ได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น ตรงกันข้ามพวกเขาออกหน้าช่วยเธอแก้ไขปัญหา หนำซ้ำยังมอบป้ายคำสั่งตลาดมืดให้เธอทั้งอย่างนั้น แม้คนของตลาดมืดไม่เคยบอก แต่เธอรู้ว่าต้องมีเรื่องที่เธอไม่รู้อยู่แน่ๆ ครั้งนี้มีโอกาสได้พบกัน ย่อมต้องถามให้กระจ่าง
นายแห่งตลาดมืดยิ้มๆ แล้วจึงเอ่ย “ในเมื่อเจ้าถาม อย่างนั้นข้าก็ไม่เกี่ยงที่จะบอกเจ้า”