เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2167 ฆ่าไม่เว้น / ตอนที่ 2168 เฟิ่งจิ่วอยู่ที่ใด
ตอนที่ 2167 ฆ่าไม่เว้น
นางยังพูดไม่ทันจบ ก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่พุ่งมาจากข้างหลัง ไอสังหารขุมนั้นรุนแรงและดุดันมาก ส่งผลให้นางที่ยืนอยู่ข้างประตูสั่นสะท้านไปทั้งตัว แม้อยากจะหลบหลีกแต่ร่างกายก็ไม่ขยับ
“วืด!”
“ระวัง!”
ชั่วขณะนั้น เหลิ่งหวาเอื้อมมือคว้าร่างของนาง ก้าวเท้าหนึ่งก้าว ดึงนางเข้าหาตัวและผลักให้อยู่ข้างหลัง ตวัดมองรอยที่เกิดจากพลังกระบี่บนขอบประตู เหลิ่งหวาขมวดคิ้วเล็กน้อย หันมองคนข้างนอก
“พี่ชายเหลิ่งหวา!”
หยางเสี่ยวเอ้อร์ตะลึง หันมองคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวอยู่ข้างนอกนั้นด้วยสีหน้าซีดเผือด ขณะเดียวกันก็ตะโกนเข้าไปข้างใน “พี่ชายตู้ พี่ชายฟั่น พี่ชายหลัว พวกท่านรีบมาเร็ว…”
“พวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดต้องใช้กำลังกับหอยาสวรรค์ของเรา?” เหลิ่งหวาถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม สายตาจับจ้องกลุ่มคนยี่สิบกว่าคนที่ยืนล้อมอยู่ข้างนอก
ยี่สิบกว่าคนนี้ ระดับวรยุทธ์ต่ำสุดอยู่ที่ระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุด แข็งแกร่งสุดมีถึงระดับปราชญ์เซียนเลยทีเดียว หากสู้กัน เกรงว่าด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขาที่คอยคุ้มกันอยู่ที่นี่คงสู้ไม่ได้
ชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าคนหนึ่งเดินเอามือไพล่หลังออกมา ขมวดคิ้วตวัดมองเหลิ่งหวาแวบหนึ่ง จากนั้นก็แหงนหน้ามองป้ายชื่อหอยาสวรรค์ น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงกลิ่นอายดุดันน่าพรั่นพรึงกระจายออกมา
“คนของตลาดมืดอยู่ที่นี่หรือไม่? จงมอบตัวคนออกมา! ไม่เช่นนั้น ข้าจะทำลายหอยาสวรรค์ของพวกเจ้าเสีย!”
น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงแรงกดดันอันแข็งแกร่งกระจายไปทั่ว ทุกวาจากดทับไปยังเหลิ่งหวาราวกับมีน้ำหนักพันชั่ง ทำให้ร่างกายของเขาซวนเซเล็กน้อยภายใต้แรงสะเทือนจากแรงกดดันของอีกฝ่าย เม็ดเหงื่อผุดซึมบนหน้าผาก
“คนของตลาดมืดไม่ได้อยู่กับเรา” เหลิ่งหวาอดกลั้นต่อเลือดลมที่ป่วนพล่านไปทั่วร่าง ก่อนตอบเสียงเข้ม
“เหอะ! นี่คิดจะปกป้องพวกเขาอย่างนั้นหรือ? ใจกล้าไม่เบา!”
ชายวัยกลางคนแค่นเสียงขึ้นจมูก แรงกดดันที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่ออกจากตัวเขา ทว่าในเวลานี้ อาวุโสถานก้าวเข้ามายืนขวางหน้าเหลิ่งหวา ปัดป้องแรงกดดันขุมนั้นออกไป
“เกรงว่าท่านคงเข้าใจผิดแล้ว ที่นี่เป็นเพียงหอขายยา ไม่มีคนที่ท่านตามหาอยู่” อาวุโสถานเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แม้พลังของเขาจะแข็งแกร่งกว่าเหลิ่งหวา แต่ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของปราชญ์เซียนผู้นั้น หลังจากปัดป้องแรงกดดันที่อีกฝ่ายตั้งใจโจมตีมา หน้าผากของเขาก็เริ่มมีเหงื่อผุดซึมเช่นกัน
“อย่างนั้นหรือ? ค้นให้ทั่ว! ผู้ใดขวางทาง ฆ่าไม่เว้น!” ชายวัยกลางคนตวาดสั่งเสียงเข้ม โบกมือส่งสัญญาณให้กลุ่มคนข้างหลังบุกเข้าไป
“เตรียมรับศึก!”
ตู้ฝานตวาดเสียงกร้าว เห็นเพียงเงาร่างยี่สิบกว่าร่างพลันปรากฏกาย ยืนขวางอยู่หน้าประตูหอยาสวรรค์ ครั้นเห็นคนพวกนั้นถือดาบโจมตีเข้ามา พวกเขาเองก็ชักดาบดาหน้าเข้าไปรับศึก ได้ยินเพียงเสียงอาวุธเหล็กกระทบกันดังก้องกลางอากาศ
ผู้ผ่านทางที่เห็นเหตุการณ์ ต่างก็ตกใจหน้าซีด รีบถอยหนีเพราะกลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย ในชั่วพริบตาเดียว ท่ามกลางประกายดาบเงากระบี่ก็มีไอสังหารแผ่ห้อมล้อมไปทั่วบริเวณ เหล่าชาวบ้านต่างตกใจขวัญผวา
“หอยาสวรรค์แห่งนี้เหตุใดมีเรื่องอีกแล้ว คนพวกนี้ลงมือรุนแรงนัก ทุกกระบวนท่าล้วนหมายปลิดชีพ ดูท่าพลังห่างชั้นกันมาก เกรงว่าคนของหอยาสวรรค์จะต้านไม่อยู่”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? พวกเขามีภูตหมออยู่ไม่ใช่หรือ? พลังต่อสู้ของนางน่าทึ่งถึงเพียงนั้น น่าจะไม่มีปัญหาจึงจะถูก”
“จะว่าไปก็แปลก นี่ก็ถึงขั้นสู้กันแล้ว เหตุใดไม่เห็นภูตหมอออกมา? พลังของนางยอดเยี่ยมมาก นางออกมาช่วยก็ยังดี หากมีแต่คนพวกนี้ ข้าเดาว่าพวกเขาคงฝืนทนได้ไม่นาน”
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งถกเถียงกับผู้ฝึกตนอีกคนที่อยู่ข้างๆ พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกเซียน มองแวบเดียวก็รู้ระดับพลังของทั้งสองฝ่ายแล้ว และเพราะเหตุนี้ ยิ่งดูพวกเขาจึงยิ่งตกตะลึง
………………………………….
ตอนที่ 2168 เฟิ่งจิ่วอยู่ที่ใด
เพราะพลังของคนพวกนั้นระดับต่ำสุดอยู่ที่ระดับกำเนิดวิญญาณขั้นสูงสุด หนำซ้ำคนพวกนั้นไม่ได้ปิดบังพลังของตนเอง แต่ละคนปลดปล่อยพลังของตนเองออกมา ก่อให้เกิดกระแสพลังอันแข็งแกร่งกลางอากาศ แม้พวกเขาจะถอยออกมาไกล แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึงขุมนั้น
คนในหอยาสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์เฟิ่งหรือทหารคนอื่นๆ พลังของพวกเขาล้วนอยู่ในระดับเซียนเหินเป็นส่วนมาก พลังเช่นนี้หากต่อกรกับศัตรูที่มีพลังเท่ากันกลับไม่มีทางเสียเปรียบ แต่ครั้นจะสู้กับปราชญ์เซียนก็ดูจะฝืนเกินไปหน่อย
เสียงฉึบดังสนั่น องครักษ์เฟิ่งคนหนึ่งถูกพลังกระบี่ของอีกฝ่ายโจมตีกระเด็น แม้จะถอยหนีโดยไวแล้ว แต่เสื้อสีดำบริเวณหน้าอกก็ยังถูกฟันขาด กลายเป็นรอยแผลเส้นหนึ่งที่ยาวและลึกจนมองเห็นกระดูก
“ซี๊ด อ๊าก!”
เสียงคำรามอย่างอดกลั้นต่อความเจ็บปวดเปล่งออกจากปากขององครักษ์เฟิ่งคนนั้น ร่างกายของเขาล้มลงไปข้างหลังราวกับเสียการทรงตัว ถูกองครักษ์เฟิ่งอีกคนที่อยู่ข้างหลังรับร่างและประคองไปนั่ง
“ข้าเองๆ!” หยางเสี่ยวเอ้อร์ที่เห็นเหตุการณ์แม้จะหวาดกลัว แต่ก็ยังรีบวิ่งเข้าไปประคององครักษ์เฟิ่งที่บาดเจ็บคนนั้น นางประคองเขาเข้าไปข้างใน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะห้ามเลือดให้เจ้าเอง ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”
มือของนางสั่นเทา หยิบเอายาห้ามเลือดโรยลงบนหน้าอกขององครักษ์เฟิ่งผู้นั้น พลางเอ่ยปลอบขวัญเขา “นี่เป็นยาห้ามเลือดของพี่สาวเฟิ่ง โรยแล้วเลือดก็จะหยุดไหลเอง”
นางฉีกเศษผ้าจากชายกระโปรงเพื่อพันแผลให้เขา ก่อนจะประคองเขาเข้าไปข้างในอีก “เจ้าพักอยู่ตรงนี้ก่อน ข้าไปดูข้างหน้าหน่อย”
องครักษ์เฟิ่งผู้นั้นหน้าซีดขาว เพราะบาดเจ็บหนักจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ มองดูนางสาวเท้าจากไปเร็วๆ
“กรรซ์!”
เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวดังก้อง อสูรกลืนเมมฆาจำแลงกายปรากฏสู่สายตา กระโจนเข้าไปกดคร่อมตัวผู้ฝึกตนคนหนึ่ง อ้าปากกว้างกัดศัตรู ได้ยินเสียงกระดูกหักดังลั่น ผู้ฝึกตนที่ถูกกดทับร่างคนนั้นสิ้นใจทันที
“สัตว์เทวะขั้นสุดยอด!”
ชายวัยกลางคนที่เป็นปราชญ์เซียนหรี่ตา เจ้าสำนักปัญจพิษของพวกเขาคาดเดาว่านายแห่งตลาดมืดอาจจะซ่อนตัวอยู่กับภูตหมอเฟิ่งจิ่ว ด้วยเหตุนี้ วันนี้พวกเขาเพียงมาหยั่งเชิงพลังของหอยาสวรรค์ดูสักหน่อย เพราะอย่างไรพวกเขาก็ไม่เคยสู้กับภูตหมอเฟิ่งจิ่วมาก่อน พวกเขารู้จักนางผ่านคำเล่าลือเท่านั้น
ยามนี้ภูตหมอเฟิ่งจิ่วยังไม่ปรากฏตัว แต่กลับมีสัตว์เทวะขั้นสุดยอดโผล่มาตัวหนึ่ง จากที่พวกเขารู้มา ภูตหมอเฟิ่งจิ่วยังมีสัตว์คู่พันธสัญญาอีกหนึ่งตัว นั่นก็คือหงส์ไฟซึ่งเป็นสัตว์เทวะโบราณตัวหนึ่ง พลังต่อสู้ของมันน่าสะพรึงมากทีเดียว
ครั้นนึกมาถึงตรงนี้ เขามองเข้าไปในหอยาสวรรค์ เฟิ่งจิ่วผู้นั้นป่านนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว นางทำอะไรอยู่กันแน่? หรือดูแคลนพวกเขาจึงไม่อยากลงมือด้วยตนเอง?
“นายของพวกเจ้าเล่า? เรียกนางออกมา!”
ชายวัยกลางคนเอามือไพล่หลัง ตวาดเสียงกร้าว แรงกดดันของปราชญ์เซียนพลันพุ่งออกไป เห็นเพียงแรงกดดันขุมนั้นกระจายออกไปราวกับพายุดาบ กระเพื่อมไหวดั่งริ้วน้ำ ม้วนเอาฝุ่นดินบนพื้นตลบคลุ้งไปทั่ว
กลืนเมฆากระโดดขวางตรงหน้าเหลิ่งหวากับคนอื่นๆ มันบิดคอไปมา อ้าปากกว้างเผยเขี้ยวแหลม แววตากระหายเลือดจับจ้องชายวัยกลางคนตรงหน้า คำรามเสียงต่ำ “อย่างเจ้าน่ะหรืออยากเจอนายท่านของข้า?”
ครั้นสิ้นเสียงแฝงแรงกดดันของสัตว์เทวะขั้นสุดยอด มันกระโจนเข้าใส่ชายวัยกลางคน ขณะเดียวกันก็หันไปบอกพวกเหลิ่งหวา “ที่เหลือยกให้พวกเจ้าจัดการ!”
“ฆ่า!”
ตู้ฝานตะโกนกร้าว เงาร่างโฉบไหวออกไปดุจลมกรด พุ่งโจมตีไปยังผู้ฝึกตนพวกนั้น ขอเพียงไม่ต้องประมือกับปราชญ์เซียนคนนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังหากจะให้พวกเขาสู้กับพวกผู้ฝึกตนที่เหลือ
………………………………….