เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2145 ข้าเป็นท่านอาน้อยของเขา / ตอนที่ 2146 พบซ่งหมิง
ตอนที่ 2145 ข้าเป็นท่านอาน้อยของเขา
ชายเสื้อสีเขียวพลิ้วไหวไปตามสายลมหมุน ขนนกเคลือบแก้วหลากสีที่ห้อยอยู่ด้านในเอวของเธอปรากฏในพริบตา เปล่งแสงเรืองรอง หลังจากหมุนตัวสองรอบ เธอหยัดยืนอย่างมั่นคง เก็บซ่อนกลิ่นอาย และเงยหน้ามองไปข้างบน
ท่ามกลางท้องฟ้าสีครามก้อนเมฆสีขาว เมฆหมอกมากมายลอยคลอเคล้ายอดเขา ทอดมองจากที่ไกลๆ เห็นเพียงป่าเขาเขียวเต็มไปด้วยเมฆหมอกปกคลุม ลึกเข้าไปในม่านหมอกคล้ายมีจวนเทพเซียนปรากฏให้เห็นรางๆ งดงามดุจแดนสวรรค์
เธอละสายตาออกมา มองไปข้างหน้า เห็นเพียงด้านหน้าห่างออกไปประมาณสามจั้ง มีหลักเขนแดนปักอยู่ ข้างบนนั้นเขียนไว้ว่าหลักเขตแดนสำนักเซียนตะวันฉาย
เมื่อเห็นอย่างนั้นเธอจึงสาวเดินเข้าไป ห่างออกไปอีกสามจั้ง เมื่อผ่านพ้นหลักเขตแดนนั้น ถึงจะสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีเขตอาคมล้อมรอบอยู่บริเวณหลักเขตแดนดีดเธอออกมา
“อ้อ? มีเขตอาคมด้วย?” เธอกระตุกมุมปาก นัยน์ตาสุกใสคล้ายมีประกายพาดผ่าน รอยยิ้มตรงหัวคิ้วแฝงแววเจ้าเล่ห์อยู่หลายส่วน
“มีเขตอาคมแล้วคิดว่าข้าจะเข้าไปไม่ได้หรือ?”
เธอขับเคลื่อนกลิ่นอายในร่างกาย เห็นเพียงบนตัวเธอมีประกายแสงสีเขียวแผ่ออกมา เวลานี้ เธอเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้ เธอสามารถเดินผ่านไปได้อย่างง่ายดายไร้อุปสรรคกีดขวาง
หลังข้ามผ่านเขตอาคม เธอยักคิ้ว หันกลับไปมองข้างหลังพลางยิ้มๆ ก่อนจะสาวเดินไปยังยอดเขา ระหว่างทาง สองเท้าของเธอไม่แตะพื้น ราวกับขี่สายลม ความเร็วไม่ได้ช้าไปกว่ายามเหาะเหินเลยแม้แต่น้อย
“สำนักตะวันฉาย”
เธอมาถึงหน้าประตูใหญ่บานนั้น แหงนหน้ามองประตูสำนักเซียนสูงตระหง่านที่ปิดสนิทอยู่ตรงหน้า ขณะกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ก็พลันเห็นพลังกระบี่สองสายพุ่งเข้ามา เธอเขย่งปลายเท้าตีลังกาขึ้นกลางอากาศ หลบพลังกระบี่สองสายนั้น ก่อนจะทิ้งตัวลงยืนบนพื้น ไม่นานก็ได้ยินเสียงตวาดสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
“ใครน่ะ! กล้าบุกรุกสำนักเซียนตะวันฉายของเรา!”
ศิษย์สำนักสวมชุดคลุมสีขาวสองคนยืนถือกระบี่ขวางอยู่หน้าประตูสำนัก เพ่งมองเฟิ่งจิ่ว
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ยว่า “ทั้งสองท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าไม่ได้จะบุกรุกสำนักตะวันฉายของพวกท่าน ข้าเดินเข้ามาอย่างโจ่งแจ้งเลยต่างหาก”
“พูดจาเหลวไหล!”
หนึ่งในสองคนนั้นตวาด “สำนักของเราวางเขตอาคมไว้ ผู้ใดไม่มีป้ายประจำตัวของสำนักก็ขึ้นเขามาไม่ได้! แต่เจ้า เห็นชัดว่าไม่ใช่คนของสำนักเรา แล้วเข้ามาได้อย่างไร! ฆ่าเสีย!”
“โธ่…”
เธอกำลังจะอธิบาย ก็เห็นศิษย์คนนั้นพุ่งโจมตีเข้ามาด้วยเพลงกระบี่อันดุดัน เห็นอย่างนั้น เธอกลับไม่ได้โต้ตอบ เพียงหลบเลี่ยง หลังผ่านไปหลายกระบวนท่า สองคนนั้นเห็นเฟิ่งจิ่วไม่คิดจะสู้ จึงหยุดและถามว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่? มาทำอะไรที่สำนักเซียนของเรา?”
เฟิ่งจิ่วกลับไม่ถือสา เพียงยิ้มตอบว่า “ข้าชื่อเฟิ่งจิ่ว มาหา…” เธอกลอกตา ก่อนเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม “มาหาซ่งหมิงหลานข้า”
ทั้งสองได้ยินก็อึ้ง “มาหาอาจารย์อาซ่งหมิง?” ทั้งสองจ้องพิจารณาเฟิ่งจิ่ว สีหน้าแปลกประหลาด “อายุเจ้าเท่านี้ดูเหมือนเด็กกว่าอาจารย์อาซ่งหมิงของเรา เหตุใดเขาจึงกลายเป็นหลานเจ้าได้? เจ้าคงไม่ได้เข้าใจอะไรผิดกระมัง?”
“นั่นสิ อีกอย่างพวกเจ้าก็แซ่ไม่เหมือนกันด้วย” อีกคนแย้ง ไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของอาจารย์อาซ่งหมิง
เฟิ่งจิ่วเอามือหนึ่งไพล่หลัง มือหนึ่งไว้ข้างหน้า ใบหน้าฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “เพราะพวกเราไม่ได้เป็นญาติแท้ๆ กันอย่างไรเล่า แต่เขาเรียกข้าว่าท่านอาน้อยจริงๆ ข้ามาหาเขามีเรื่องด่วน พวกเจ้าอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย เข้าไปรายงานเขาดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือว่าจริงหรือเท็จ?”
ทั้งสองคนได้ยินอย่างนั้นก็มองหน้ากัน แล้วจึงพยักหน้า ก่อนที่หนึ่งในสองคนนั้นจะเอ่ยว่า “ข้าไปหาอาจารย์ซ่งหมิง”
………………………………….
ตอนที่ 2146 พบซ่งหมิง
สิ้นเสียง หนึ่งในสองคนนั้นเข้าไปทางประตูข้างบานหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังยอดเขาที่ซ่งหมิงอยู่โดยตรง
ส่วนอีกคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ จ้องมองเด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มอย่างสบายใจ คนคนนี้เป็นท่านอาน้อยของอาจารย์อาซ่งหมิงจริงหรือ? อาจารย์อาซ่งหมิงมีพรสวรรค์โดดเด่นถูกเจ้าสำนักรับเป็นศิษย์ปิดสำนัก มีตำแหน่งฐานะที่ไม่ธรรมดาในสำนักเซียนตะวันฉาย หากคนคนนี้เป็นท่านอาน้อยของอาจารย์อาซ่งหมิงจริง อย่างนั้นเมื่อครู่พวกเขาก็ล่วงเกินไปแล้วน่ะสิ?
ศิษย์คนนั้นยืนครุ่นคิดเงียบๆ พลางแอบปาดเหงื่อ ลึกๆ ในใจคิดว่าพวกครู่พวกเขาสองคนร่วมมือกันยังทำให้เขาโต้ตอบไม่ได้ พลังของเขาน่าจะแกร่งมากเช่นกัน ยามนี้ยังยืนรอที่นี่ด้วยท่าทางผ่อนคลาย เห็นได้ว่า จะต้องเป็นญาติผู้ใหญ่ของอาจารย์อาซ่งหมิงแน่ๆ
“อาวุโสเฟิ่ง ท่านมาจากไหนหรือ?” โดยไม่รู้ตัว ศิษย์อายุยี่สิบกว่าปีคนนั้นเรียกขานเฟิ่งจิ่วด้วยสรรพนามที่แสดงถึงความเคารพ
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ยิ้ม เอ่ยว่า “แน่นอนว่ามาจากบ้าน” เธอมองศิษย์คนนั้น ถามว่า “ซ่งหมิงอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“อาจารย์อาซ่งเพราะมีพรสวรรค์โดดเด่น จึงถูกเจ้าสำนักรับเป็นศิษย์ปิดสำนัก เป็นบุคคลมีชื่อเสียงมากในสำนักของเรา” ศิษย์คนนั้นตอบ น้ำเสียงแสดงถึงความเลื่อมใส “ไม่นานมานี้ในการแข่งขันภายในสำนัก อาจารย์อาซ่งหมิงคว้าที่หนึ่งไปได้ กลายเป็นอันดับหนึ่งในศิษย์รุ่นเด็กของสำนักเรา”
ได้ยินอย่างนั้นแล้วเฟิ่งจิ่วพยักหน้า ก็จริง พวกซ่งหมิงมีพรสวรรค์ไม่เลว กอปรกับปีนั้นเธอฝึกฝนพวกเขาเป็นเวลานาน ยามนี้พวกเขาอายุยี่สิบปีกว่ามีพลังเช่นนี้ ย่อมมีตำแหน่งฐานะที่ไม่ธรรมดาเมื่ออยู่ในสำนักอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ในสำนัก
ซ่งหมิงกำลังฝึกวิชาอยู่ในจวนถ้ำของเขา ครั้นได้ยินเสียงรายงานของศิษย์คนนั้นจากข้างนอก สีหน้าพลันแปลกประหลาดขึ้นมา “ท่านอาน้อยของข้า? เจ้าไม่ได้ฟังผิดกระมัง?”
ศิษย์ที่อยู่ข้างนอกรีบเอ่ย “อาจารย์อาซ่ง ศิษย์ฟังไม่ผิดแน่นอนขอรับ เขาบอกว่าชื่อเฟิ่งจิ่ว เป็นท่านอาน้อยของท่าน”
ครั้นได้ยิน ซ่งหมิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกมานอกถ้ำ มองศิษย์คนนั้นแล้วถามว่า “คนคนนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร? เจ้าบรรยายมาที” เฟิ่งจิ่วงั้นหรือ? เหตุใดนางจึงมาหาเขา? หรือมีคนปลอมตัวมา? แต่คนที่รู้ว่าเขากับเฟิ่งจิ่วเกี่ยวข้องกัน จะเป็นใครกัน?
ศิษย์คนนั้นครุ่นคิด แล้วจึงตอบ “คนนั้นสวมชุดสีเขียว ดูท่าทางน่าจะยังอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี รูปร่างหน้าตานับว่างามกว่าสตรีถึงสามส่วน”
เขาอดยิ้มไม่ได้ ถามอีกว่า “เขาอยู่ที่ใด?”
“ยังอยู่นอกประตูสำนัก…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นอาจารย์อาซ่งหมิงของเขาราวกับเหาะออกไป เงาร่างของเขาหายวับไปในพริบตา เขาอึ้งงัน ก่อนจะรีบตามไป
นอกสำนัก หลังจากเฟิ่งจิ่วถามอยู่ไม่นาน ศิษย์คนนั้นก็เล่าให้เธอฟังไม่น้อย ในเวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากประตูข้าง สายตามองมาที่เธอ
“เป็นเจ้าจริงหรือ?” ซ่งหมิงประหลาดใจระคนดีใจ เขาสาวเท้ายาวๆ เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ ถามว่า “เจ้ามาหาข้าได้อย่างไร? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ?”
“อาจารย์อาซ่งหมิง” ศิษย์คนนั้นเห็นก็รีบคารวะ
“อืม พวกเจ้าถอยไปก่อนเถิด!” ซ่งหมิงสั่ง พยักหน้าให้พวกเขากลับไปก่อน
“ขอรับ” หลังจากสองคนนั้นคารวะเสร็จก็กลับเข้าไปข้างในก่อน
“มาหาเจ้าก็ต้องมีเรื่องอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะช่วยได้หรือไม่” เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ มองซ่งหมิงที่ดูองอาจผึ่งผายมากขึ้นหลังจากไม่ได้เจอกันนาน
“ช่วยอะไร? เจ้าว่ามา”
“ข้ามาที่สำนักเซียนตะวันฉายก็เพื่อหญ้าเจ็ดดารา” เธอยิ้มตาหยี เอ่ยว่า “ต้นที่มีอายุห้าร้อยปีซึ่งเป็นต้นที่เจ้าเขายอดเขาโอสถหวงแหนที่สุด”
ได้ยินเช่นนั้น ซ่งหมิงมองเธอด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็ยิ้มน้อยๆ
………………………………….