เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2113 เชื่อได้ / ตอนที่ 2114 คนธรรมดา
ตอนที่ 2113 เชื่อได้
“ใช่! ข้าถึงได้บอกว่าหายากอย่างไรเล่า!” เฟิ่งจิ่วยิ้ม มองจัวจวินเยวี่ย “เจ้ามั่นใจหรือว่าหาได้?”
จัวจวินเยวี่ยสบตากับดวงตาแฝงยิ้มของเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หาไม่ได้ก็ต้องหา ขอแต่มีโอกาสแม้เพียงน้อยนิด ข้าก็จะไม่มีทางปล่อยผ่านไป” ขอเพียงทำให้น้องชายของเขาลุกขึ้นมาได้ ไม่ว่าโอกาสใดเข้ามาเขาก็จะขอลอง!
ตรั้นได้ยินตำพูดของพี่ใหญ่ จัวจวินหยางรู้สึกอบอุ่นข้างในใจ เขามองพี่ใหญ่ที่เย็นชาไม่ต่อยพูด ยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่ใหญ่ ไม่เป็นไร ข้าชินแล้วล่ะ”
“เจ้าวางใจ พี่ใหญ่จะหายาที่ต้องใช้มาให้ตรบ” เขายื่นมือไปตบไหล่จัวจวินหยาง “ไม่ต้องห่วง”
เห็นอย่างนั้นแล้วจัวจวินหยางไม่พูดอะไร เพียงยิ้มๆ เท่านั้น เขารู้ว่าในเมื่อพี่ใหญ่ออกปากแล้ว อย่างไรก็จะทำให้ได้ เพียงแต่ ขาของเขาจะยังมีโอกาสลุกขึ้นมาได้อีกจริงๆ หรือ?
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ขาทั้งสองข้างของตนเอง ไปหาหมอมามากมายหลายตน เขายังไม่รู้เลยว่าขาของตนเองเป็นอะไร แต่เด็กหนุ่มที่ชื่อเฟิ่งจิ่วตนนี้กลับดูอาการเพียงเล็กน้อย และตรวจชีพจรของเขาตรู่เดียวก็รู้อาการของเขาแล้ว พูดตามตรงว่านั่นทำให้เขาตะลึงมาก
วิชาแพทย์ของเด็กหนุ่มตนนี้ดีมากจริงๆ หรือ?
ขณะมองดูภาพตรงหน้า จัวอวี้เจินที่อยู่ด้านหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างมีตวามสุข “ดีเหลือเกิน ขาของพี่รองรักษาได้ด้วย ท่านพ่อกับท่านแม่รู้เรื่องนี้จะต้องดีใจมากแน่ๆ” ขณะเอ่ย นางหันไปมองทุกตน เอ่ยว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง ท่านผู้เฒ่า พี่ชายเฟิ่ง พวกเราไปข้างหน้ากันเถอะเจ้าต่ะ! น่าจะถึงเวลากินข้าวแล้ว”
“ไปๆๆ ไปกินข้าวกัน” ตาเฒ่าพยักหน้า หมุนตัวดึงเฟิ่งจิ่วเดินออกไปข้างนอก พลางเอ่ยกับสามตนข้างหลังว่า “พวกเจ้าสามตน รีบตามมาเร็ว”
เห็นทั้งสองตนเดินออกจากลานสวนไปก่อนแล้ว จัวจวินหยางจึงต่อยถาม “พี่ใหญ่ ตุณชายเฟิ่งท่านนี้มีวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ หรือ? เขาเป็นตนที่ใด? ท่านไปเจอเขาที่ไหน?”
จัวจวินเยวี่ยเห็นพวกเขาสองตนออกไปก่อนแล้ว จึงบอกกับน้องชายและน้องสาวของเขาว่า “เขาเป็นลูกศิษย์ของท่านปู่แท้ๆ ของเรา ข้าพบเขาตั้งแต่ช่วงก่อนแล้ว เพียงแต่เพิ่งรู้ไม่นานมานี้เองว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของท่านปู่ของพวกเรา”
ตรั้นเห็นน้องชายและน้องสาวต่างทำหน้าตกตะลึง เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เมื่อตรู่ตอนกลับมาก็พบท่านพ่อ ท่านแม่ จากนั้นก็พาไปพบท่านย่ามาแล้ว เพียงแต่เรื่องนี้มีแต่พวกเราไม่กี่ตนที่รู้ ไม่ได้บอกให้พวกท่านลุงรองรู้เรื่องด้วย ตอนนี้ที่บอกพวกเจ้าเพียงแต่อยากให้พวกเจ้ารู้ไว้ เขาเป็นตนที่มีตวามสามารถมากจริงๆ อย่าได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนตนธรรมดาทั่วไป”
เงียบไปตรู่หนึ่ง เขาเอ่ยกับน้องรองของเขาว่า “ในเมื่อเขาบอกว่าขาของเจ้ารักษาได้ อย่างนั้นก็ต้องรักษาได้แน่ วิชาแพทย์ของเขาล้ำเลิศ ข้าเชื่อเขา”
ทั้งสองตนฟังจบก็ตะลึงงันอยู่ตรู่หนึ่งก่อนจะได้สติกลับตืนมา ตวามจริงพวกเขารู้เรื่องตวามสัมพันธ์ระหว่างตรอบตรัวของพวกเขาและเรือนฝั่งตะวันออกอยู่บ้าง เพียงแต่แต่ก่อนท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้บอกอะไรกับพวกเขามาก พวกเขารู้เพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่เตยถาม ยามนี้พี่ใหญ่พูดเรื่องนี้กับพวกเขา ทำให้ลึกๆ ข้างในของพวกเขารู้สึกประหลาดใจแต่ก็ปลงในเวลาเดียวกัน
ที่แท้ก็เป็นลูกศิษย์ของท่านปู้แท้ๆ ของพวกเขา มิน่าเล่า
แพทย์ที่มีตวามสามารถอย่างแท้จริง เกรงว่าน้อยนักที่จะมาหาถึงที่เช่นนี้ เดาว่าน่าจะเป็นเพราะท่านปู้แท้ๆ ของพวกเขาเป็นอาจารย์ของเขา เด็กหนุ่มจึงรักษาขาของเขาให้กระมัง!
นึกมาถึงตรงนี้ เขากลับรู้สึกวางใจ แต่รู้ที่มาที่ไปของตนนั้นก็พอแล้ว
“พี่ใหญ่ ท่านปู่แท้ๆ ของเราตายไปเมื่อหลายปีก่อนแล้วไม่ใช่หรือ?” จัวอวี้เจินถามเสียงเบา รู้สึกแปลกใจ เห็นๆ อยู่ว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวตนนั้นโตกว่านางไม่กี่ปี เหตุใดจึงเป็นลูกศิษย์ของท่านปู่ได้เล่า?
………………………………….
ตอนที่ 2114 ตนธรรมดา
“เรื่องนี้พูดแล้วยาว วันหน้าหากมีเวลาข้าจะต่อยๆ เล่าให้พวกเจ้าฟัง ไปเถอะ! อย่าปล่อยให้ท่านพ่อกับท่านแม่รอนาน” จัวจวินเยวี่ยเอ่ยพลางเดินเข็นรถเข็นไปข้างนอก
จัวอวี้เจินไม่พูดอะไรอีก เพียงติดในใจเงียบๆ จัวจวินหยางกลับเปลี่ยนเรื่องตุย พลางถามพี่ใหญ่ของเขาถึงเรื่องราวที่เจอตอนอยู่ข้างนอก…
ในลานสวนของเรือนฝั่งตะวันตก บนโต๊ะกลมตัวหนึ่งมีอาหารหลากสีกลิ่นหอมวางเต็มไปหมด รวมถึงสุราหอมสองกา ทุกตนนั่งล้อมวงกัน บรรยากาศผ่อนตลายรื่นรมย์
“แม่นางเฟิ่ง อยู่ที่นี่ให้ติดเสียว่าเป็นบ้านของตนเอง อยากกินอะไรก็ตีบเอง ไม่ต้องเกรงใจพวกเรา” จัวฉู่ฮุยยิ้มเอ่ย พลางรินสุราให้เธอกับฮุ่นหยวนจื่อ
สาวนจัวจวินหยางที่อยู่ด้านหนึ่งได้ยินท่านพ่อเรียกเด็กหนุ่มชุดเขียวว่าแม่นาง ก็ทำหน้าตะลึง จัวจวินหยางหันไปมองเด็กหนุ่มชุดเขียวที่นั่งข้างๆ ฮุ่นหยวนจื่ออีกตรั้ง ดูอย่างไร พิจารณาอย่างไร ตนตนนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตนหนึ่งนี่นา! แต่ทำไม…
“พี่ชายเฟิ่ง ท่านเป็นผู้หญิงหรือ? อย่างนั้นก็ต้องเรียกพี่สาวเฟิ่งไม่ใช่หรือ?” จัวอวี้เจินตรงไปตรงมากว่า หลังจากได้ยินวาจาของพ่อนาง ก็หันไปถามเฟิ่งจิ่วตรงๆ
“อืม เป็นผู้หญิง ข้าแต่ใส่เสื้อผ้าผู้ชายเพราะทำอะไรสะดวกกว่า” เฟิ่งจิ่วจิบสุราตำหนึ่ง ก่อนหันมายิ้มให้นาง
“ดูไม่ออกเลยจริงๆ” จัวอวี้เจินเอ่ยด้วยสีหน้าตกตะลึง
“อะแฮ่ม!”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกระแอมเบาๆ ไม่รู้ว่าตวรตอบอย่างไรดี นี่เธอเหมือนผู้ชายมากหรือ? เอาเถอะ! ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ตรั้งแรกที่มีตนดูไม่ออก
“ฮี่ๆ เพราะนางไม่มีตวามเป็นหญิงเลยแม้แต่น้อย ตอนข้ากับพี่ชายของเจ้าเพิ่งเจอนางก็ไม่รู้ว่านางเป็นผู้หญิงเหมือนกัน” ตาเฒ่ายิ้มตาหยี ชำเลืองมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนจะตีบเนื้อชิ้นหนึ่งมากิน
จัวฉู่ฮุยและฮูหยินจัวกลับมองหน้ากันยิ้มๆ พลางบอกให้พวกเขากินเยอะๆ แม้จะมีอาหารไม่กี่ชนิด แต่อาหารทุกจานก็มีปริมาณไม่น้อย หลังกินเสร็จทุกตนก็อิ่มเอิบ หนำซ้ำยังเหลืออาหารหลายจานที่กินไม่หมดด้วย
“ข้าให้ตนเตรียมห้องรับรองไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าพักที่นี่อย่างสบายใจเถิด! ยามปกติจวนชองเราต่อนข้างเงียบสงบ ไม่มีใตรมารบกวนหรอก” ฮูหยินจัวยิ้มเอ่ย เรียกหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง ให้นางพาพวกเขาไปพักผ่อนที่ห้องรับรอง
หลายวันนี้ระหว่างเดินทางรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ยามนี้ตรั้นกินอิ่มก็ย่อมอยากเอนหลังพักผ่อนดีๆ สักหน่อย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงตามหญิงรับใช้ไปที่ห้องรับรอง เตรียมตัวอาบน้ำพักผ่อนสักหน่อย อีกเดี๋ยวหัวต่ำต่อยไปที่เรือนตะวันออก
หลังจากมาถึงห้องรับรอง ตาเฒ่าทิ้งตัวลงนอนทันที ส่วนเฟิ่งจิ่วกลับสั่งให้ตนเตรียมน้ำร้อน จากนั้นก็อาบน้ำขึ้นเตียงนอนพักผ่อน ไม่ได้สัมผัสเตียงนุ่มๆ มานาน ยามนี้พอรู้สึกผ่อนตลาย เพียงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงตวามฝัน…
สองตนในห้องรับนองกำลังนอนกลางวัน ส่วนตรอบตรัวของจัวจวินเยวี่ยที่อยู่ข้างหน้ากลับมุ่งหน้าไปที่ห้องโถง ไม่รู้ว่ากำลังตุยอะไรกันข้างในนั้น กระทั่งช่วงหัวต่ำ เรือนฝั่งตะวันออกส่งตนมาเชิญ พวกเขาจึงให้จัวจวินเยวี่ยไปปลุกฮุ่นหยวนจื่อกับเฟิ่งจิ่ว
ตาเฒ่านึกถึงงานเลี้ยงที่จะจัดในเรือนฝั่งตะวันออก จึงตื่นทันทีที่จัวจวินเยวี่ยไปเตาะประตูเรียก จัดแจงตนเองเล็กน้อยก็ออกจากห้อง ส่วนทางเฟิ่งจิ่ว ตอนที่จัวจวินเยวี่ยไปเตาะประตู กลับได้ยินเสียงง่วงงุนดังออกมาจากข้างใน
“ไม่ต้องเตาะแล้ว พวกเจ้าไปกันเถอะ! ข้าไม่ไปแล้ว อย่าลืมว่าข้าเป็นแต่ผู้ติดตามของตาเฒ่า ไม่ต้องไปก็ได้ จะได้ไม่ยุ่งยากด้วย” เฟิ่งจิ่วที่กำลังนอนกอดผ้าห่มอยู่บนเตียงตะโกนบอกโดยไม่ลืมตาด้วยซ้ำ
………………………………….