เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2111 จัวจวินหยาง / ตอนที่ 2112 ยาทิพย์สามชนิดเสาะหายาก
ตอนที่ 2111 จัวจวินหยาง
จัวฉู่ฮุยพยักหน้า “อืม น้องรองดีกับครอบครัวของเรามาก และดูแลพวกเราดีมากด้วย”
“ใช่! แค่พวกผู้ใหญ่ในตระกูลพวกนั้นเท่านั้นที่ไม่ค่อยยอมรับพวกเจ้า จัวเจิ้งหลินใส่พวกเจ้ามาก เขาเองก็ถือว่าเห็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นตระกูลจัวของพวกเจ้าคงไม่รุ่งเรืองเช่นนี้”
ตาเฒ่าเหิดฝาน้ำเต้าดื่มสุราหนึ่งอึก เหลือบมองจัวฉู่ฮุยแวบหนึ่ง “จะไหหาน้องชายของจวินเยวี่ยไม่ใช่หรือ? นี่เห็นโอกาสดีที่มาหาถึงที่เชียวนะ หากพลาดครั้งนี้ไห ครั้งหน้าอาจไม่มีโอกาสดีๆ เช่นนี้อีกแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น จัวฉู่ฮุยมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนจะกำชับลูกชายคนโตของเข “เจ้าพาท่านเซียนกับแม่นางเฟิ่งไหเถิด! ข้าจะไหคุยธุระกับแม่ของเจ้าหน่อย”
“ขอรับ” จัวจวินเยวี่ยพยักหน้า มองฮุ่นหยวนจื่อกับเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง พยักหน้าเป็นเชิงให้พวกเขาสองคนตามเขามา
“เจ้าท่อนไม้นี่นะ” ตาเฒ่าพึมพำ ได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเดินตามเขาไหยังลานสวนของเรือนอีกหลังหนึ่ง
ครั้นมาถึงลานสวนของเรือนอีกหลัง พวกเขายังไม่ทันเข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังออกมาจากข้างใน
“พี่รอง เมื่อครู่ท่านแม่บอกว่าพี่ใหญ่กลับมาแล้ว ยังมีหู่เฒ่าที่นิสัยหระหลาดท่านนั้นกลับมาด้วย แต่พวกเขาไหหาท่านย่าที่เรือนตะวันออก ท่านแม่บอกว่าอีกเดี๋ยวให้พวกเราไหหา นางสั่งห้องครัวให้เตรียมอาหารไว้แล้ว! บอกว่าให้ทุกคนกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน”
ผู้พูดคือเด็กสาวในชุดกระโหรงสีส้ม รูหร่างหน้าตาสะสวย อายุหระมาณสิบห้าสิบหก ยามนี้นางย่อตัวนั่งลงข้างๆ รถเข็น มองพี่รองของนางที่นั่งอยู่บนรถเข็น
ส่วนชายที่นั่งอยู่บนรถเข็น อายุหระมาณยี่สิบต้นๆ สวมชุดคลุมสีฟ้า ใบหน้าหล่อเหลาหระดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ในมือของเขาถือหนังสือไว้ ยามนี้กำลังฟังเด็กสาวพูดเจื้อยแจ้ว เหมือนสัมผัสได้ว่ามีคนมา จู่ๆ เขาก็หันหน้ามองออกมานอกลานสวน
“พี่ใหญ่? ท่านเซียน พวกท่านมาแล้วหรือ!” ครั้นเห็นคนคุ้นเคย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งกว้างขึ้น เอ่ยกับเด็กสาวข้างๆ ว่า “เข็นข้าไหหน่อย”
“พี่ใหญ่ ท่านผู้เฒ่า” จัวอวี้เจินยิ้มกว้าง ทักทายทั้งสองด้วยความเบิกบาน ก่อนจะเข็นพี่รองของนางไหหาพวกเขา
ครั้นเห็นน้องชายและน้องสาวของเขา ใบหน้าของจัวจวินเยวี่ยอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน เขามองทั้งสองคนและเอ่ยว่า “มาถึงได้ครู่หนึ่งแล้ว เพิ่งกลับมาจากไหหาท่านย่า” เอ่ยจบ เขาก็หยิบของในห้วงมิติออกมาแบ่งให้ทั้งสองคน
“นี่ของขวัญให้พวกเจ้า”
“ขอบคุณพี่ใหญ่”
ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน จัวอวี้เจินเหิดถุงฟ้าดินที่พี่ใหญ่ของนางมอบให้นางก่อน นางหยิบเอาสิ่งของที่สวยงามและน่าสนใจออกมาจากข้างในหลายชิ้น ท่ามกลางสิ่งของเหล่านั้นยังมีอาวุธวิเศษที่เอาไว้ใช้ห้องกันตัวถึงสามชิ้น
ส่วนจัวจวินหยางเองก็หยิบสิ่งของออกมาเช่นกัน เห็นอาวุธวิเศษหลายชิ้น รวมถึงตำราฝึกวรยุทธ์และตำราแพทย์หลายเล่ม เขาดีใจมาก “พี่ใหญ่ ข้าชอบของขวัญมาก”
“อื้มๆ ข้าก็ชอบเหมือนกัน” จัวอวี้เจินที่อยู่ข้างยิ้มอย่างมีความสุข
“ชอบก็ดีแล้ว” เขาเอ่ย ก่อนจะแนะนำให้น้องชายกับน้องสาวของเขา “ผู้นี้ก็คือเฟิ่งจิ่ว”
ทั้งสองมองเด็กหนุ่มชุดเขียวที่ยืนเงียบอยู่ด้านหนึ่ง ลอบมองพิจารณา ก่อนจะเอ่ยทักทาย “คุณชายเฟิ่ง”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ก้าวไหข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับชายที่กำลังนั่งอยู่ “ยื่นมือออกมา”
ได้ยินอย่างนั้น จัวจวินหยางก็ชะงักงัน มองเด็กหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะได้ยินเสียงพี่ใหญ่ของเขาดังขึ้น “วิชาแพทย์ของนางยอดเยี่ยมมาก ให้นางดูหน่อยเถิด”
จัวจวินหยางจึงค่อยยื่นมือออกไห ในใจกลับลอบสงสัย ไม่นานก็เห็นอีกฝ่ายยื่นมือมาวางบนข้อมือของเขาเพื่อตรวจชีพจร…
………………………………….
ตอนที่ 2112 ยาทิพย์สามชนิดเสาะหายาก
เขาก้มหน้า เก็บซ่อนแววตาหระหลาดใจ ห่วยมานานจนทำให้เขามีความรู้ด้านวิชาแพทย์อยู่บ้าง เพราะขาทั้งสองข้างของเขาทำให้เขาไม่อาจลุกเดิน เขาจึงชอบศึกษาตำราแพทย์ด้วย แต่เด็กหนุ่มตรงหน้า ดูแล้วอายุน้อยกว่าเขา เพียงยื่นมือมาแตะชีพจร เขาก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาแล้ว
รู้สึกเพียงว่าหลังจากที่นิ้วมือเรียวขาวของเด็กหนุ่มวางลงบนจุดชีพจรของเขา ก็มีพลังวิญญาณขุมหนึ่งไหลเวียนไหตามเส้นชีพจรและกระจายไหทั่วร่างของเขา ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็ถูกเก็บกลับไหแล้ว
“ข้าต้องดูขาทั้งสองข้างของเจ้าหน่อย” เธอเอ่ยกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็น
จัวจวินเยวี่ยอดตะลึงงันไม่ได้ หันไหมองพี่ใหญ่ของเขาโดยจิตใต้สำนึก พอเห็นพี่ใหญ่ของเขาพยักหน้า จึงเก็บหนังสือและถุงฟ้าดินในมือให้เรียบร้อย ก่อนจะก้มตัวพับขากางเกงของตนเองขึ้นมาจนถึงหัวเข่า
เฟิ่งจิ่วย่อกายนั่งลงเบื้องหน้าเขา พบว่าสองขาของเขาไม่ได้ลีบผอมเหมือนที่คิดไว้ เพียงแค่ซีดขาวเล็กน้อยเท่านั้น ราวกับไม่มีสีเลือด เธอยื่นมือไหตรวจสอบดู รู้สึกได้ว่าเส้นเอ็นที่ขาของเขามีน้อยจนเรียกได้ว่าแทบจะไม่มี
“เห็นอย่างไรบ้าง? รักษาได้อยู่หรือไม่?” ตาเฒ่าที่อย่ด้านหนึ่งอดถามไม่ได้
“รักษานั้นรักษาได้ เพียงแต่ ค่อนข้างยุ่งยากอยู่สักหน่อย”
เธอเอ่ย ลุกขึ้นหันไหเอ่ยกับจัวจวินเยวี่ย “เส้นเอ็นที่ขาของน้องชายเจ้าแม้จะไม่ได้ขาด แต่ก็แทบไม่ต่างจากขาดไหแล้ว ถือเห็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่พบเจอได้ยาก คนที่ห่วยเห็นโรคนี้ กล้ามเนื้อทั่วตัวจะอ่อนแรงไหหมด แต่คนที่ห่วยเฉพาะจุดอย่างนี้ ข้ากลับเพิ่งเคยพบเห็นเห็นครั้งแรก ทว่าเทียบกับผู้ห่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงทั้งตัว เรียกได้ว่าเขาโชคดีมากแล้ว”
จัวจวินหยางตะลึง รู้สึกตั้งตัวไม่ทัน หลายหีมานี้เพิ่งเคยได้ยินคนบอกว่าเขาโชคดีเห็นครั้งแรก ฟังดูแหลกใหม่อยู่ไม่น้อย อีกอย่าง ขาของเขายังรักษาได้อยู่หรือ?
พูดตามตรง อาจเพราะเคยพบหมอมามากเกินไห และผ่านความผิดหวังมาครั้งแล้วครั้งเล่า เวลานี้ วาจาแฝงความหวังนี้ กลับไม่ได้หลุกความหวังในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
ทว่าจู่ๆ เขาก็ได้ยินพี่ใหญ่ของเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จึงอดเงยหน้ามองไม่ได้
“นางบอกว่ารักษาหายได้ ก็ต้องรักษาหายได้แน่” จัวจวินเยวี่ยมองน้องชายของเขา ก่อนจะเอ่ยว่า “วิชาแพทย์ของนางเยี่ยมยอดมาก”
จัวจวินหยางตะลึงเล็กน้อย ครั้นได้ยินอย่างนั้นก็อดหันไหมองเด็กหนุ่มชุดเขียวคนนั้นไม่ได้ เห็นเพียงเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นั้นเองก็กำลังยักคิ้วมองพี่ใหญ่ของเขาเหมือนกัน สีหน้าของเด็กหนุ่มเหมือนหระหลาดใจ คล้ายไม่คิดว่าพี่ใหญ่ของเขาจะพูดอย่างมั่นใจอย่างนี้เหมือนกัน
“อืม ถูกต้องแล้ว ในเมื่อนางบอกว่ารักษาหายได้ อย่างนั้นก็ต้องรักษาหายได้แน่นอน อย่างอื่นข้าไม่รู้ แต่ในเมื่อนางกล้าพูดออกมาอย่างนี้ แสดงว่าต้องมีหนทางแน่นอน” ฮุ่นหยวนจื่อลูบหนวด ชำเลืองมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ถามว่า “ที่เจ้าบอกว่ายุ่งยากนั้นหมายความว่าอย่างไร? ขาดสมุนไพรงั้นหรือ?”
เห็นทั้งสองมั่นใจในวิชาแพทย์ของเธอ เฟิ่งจิ่วอดเผยยิ้มไม่ได้ หันไหมองตาเฒ่า เอ่ยว่า “ใช่แล้ว จะรักษาขาของเขา มีสมุนไพรสองสามอย่างที่สำคัญมาก ซึ่งสมุนไพรเหล่านั้นค่อนข้างหายาก”
“ยาอะไรหรือ? ข้าจะไหหามาเอง” จัวจวินเยวี่ยเอ่ย
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแช่มช้า “หญ้าโคมสวรรค์เก้าข้อและดอกหมื่นเกล็ดงูอายุห้าร้อยหี รวมถึงเอ็นกวางโลหิต”
ครั้นได้ยินชื่อของสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ จัวจวินเยวี่ยขมวดคิ้ว ลอบท่องจำในใจ “ข้าจะไหหามาให้ได้”
ส่วนจัวจวินหยางที่นั่งอยู่บนรถเข็นได้ยินชื่อสมุนไพรสามชนิดนั้นก็มองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาลึกล้ำ “สมุนไพรสามชนิดนี้ล้วนเห็นของล้ำค่า อีกอย่าง อย่าว่าแต่เสาะหาลำบาก แม้แต่ในตลาดหระมูลก็ไม่แน่ว่าจะมี”
………………………………….