เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2101 มีคนผู้หนึ่งน่าจะทำได้ / ตอนที่ 2102 ตั้งตารอ
ตอนที่ 2101 มีคนผู้หนึ่งน่าจะทำได้
คุณชายรองอินได้ยินเขาว่าอย่างนั้น สีหน้าก็ร้อนรนจนนั่งไม่ติด เขามองมู่หรงอี้เซวียน เอ่ยว่า “คุณชายมู่หรง ข้าขออภัยแทนเหิงเอ๋อร์ ณ ที่นี่ ท่านอย่าถือสาเขาเลย ยามนี้แม้แต่ภูตหมอก็ยังไม่ได้พบ ท่านจะรามือไม่ยุ่งได้อย่างไรกัน!”
มู่หรงอี้เซวียนส่ายหน้า “ไม่ใช่ข้าถือสาเขา และไม่ใช่ว่าข้าอยากรามือ ข้าเคยบอกแล้ว นิสัยของภูตหมอเดิมก็ไม่เหมือนคนทั่วไป หากอยากขอให้นางช่วยรักษาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยามนี้ จื่อเหิงลงมือกับคนของนาง นี่ไม่ใช่เรื่องที่ข้าอยากยุ่งก็จะยุ่งได้อีกต่อไป”
พูดมาถึงตรงนี้ เขายิ้มหดหู่ “อีกอย่าง คุณชายรองอิน พวกท่านประเมินความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนางสูงเกินไปแล้ว”
เดิมทีเขามาด้วยใจที่คิดว่าลองดูสักครั้ง แต่นึกไม่ถึง อินจื่อเหิงกลับลงมือกับคนของหอยาสวรรค์ลับหลังเขา จากที่เขารู้จักเฟิ่งจิ่วมา เดาว่าหากจะขอให้นางรักษานั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว หนำซ้ำ หากเขายังยุ่งเรื่องนี้ต่อไป เกรงว่าแม้แต่เขาก็อาจถูกเฟิ่งจิ่วขึ้นบัญชีดำไปด้วย
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?” เขาถาม
มู่หรงอี้เซวียนตั้งใจจะส่ายหน้าตอบ ทว่า จู่ๆ เขาก็ชะงักไป มองคุณชายรองอินแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “ข้ากลับนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา”
“ใครหรือ?” คุณชายรองอินถาม
“น่าหลันโม่เฉิน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เขากับภูตหมอมีสัมพันธ์กันแน่นแฟ้น หากคุณชายรองอินขอร้องเขาให้ช่วยพูดแทนจื่อเหิงได้ เดาว่าอาจมีโอกาสขอร้องภูตหมอรักษาให้มากขึ้น”
เงียบไปครู่หนึ่ง เขาเอ่ยเสริมอีกว่า “แต่เงื่อนไขคือ ห้ามไปหาเรื่องคนของหอยาสวรรค์อีกเด็ดขาด”
ได้ยินอย่างนั้น คุณชายรองอินชะงักไปเล็กน้อย “น่าหลันโม่เฉิน? ชื่อนี้คุ้นหูนัก” เขาน่าจะเคยได้ยิน เพียงแต่นึกไม่ออกเท่านั้น
มู่หรงอี้เซวียนยิ้มๆ “เขาเป็นลูกศิษย์ของผู้เฒ่าเทียนจี ได้ยินว่าตอนนี้อยู่ที่บ้าน ตระกูลน่าหลันอยู่ในเมืองร้อยนทีแห่งนี้ คุณชายรองอินแทนที่จะไปเยี่ยมเยียนประธานสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุ มิสู้ไปเยี่ยมเยียนตระกูลน่าหลันสักหน”
“ที่แท้ก็ลูกศิษย์ของผู้เฒ่าเทียนจี ไม่น่าเล่าคุ้นหูนัก” เขาพยักหน้า ลังเลเล็กน้อย “แต่ข้าเคยได้ยินมาว่า คุณชายโม่เฉินผู้นี้คล้ายจะไม่ค่อยพบปะผู้คนนัก” ควรบอกว่าคนทั่วไปไม่เข้าตาเขามากกว่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหากเขาจะขอร้องให้อีกฝ่ายเอ่ยปากช่วยเหลือ
มู่หรงอี้เซวียนพนักหน้า “ถูกต้องแล้ว แต่นี่ถือเป็นโอกาสจริงๆ หากเขาเอ่ยปากให้ อย่างไรก็มีโอกาสสำเร็จห้าหกส่วน ขอเพียงภูตหมอยินยอมรักษาให้ ข้าคิดว่าอาการป่วยของจื่อเหิงน่าจะรักษาให้หายขาดได้”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณชายรองอินเกิดคล้อยตาม เขาไม่ลังเลอีก “ข้าจะไปที่ตระกูลน่าหลันสักครั้ง หวังว่าจะได้พบคุณชายน่าหลันผู้นี้ก็แล้วกัน!”
อีกด้านหนึ่ง ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืด เหลิ่งหวากลับมาถึงหอยาสวรรค์
“กลับมาแล้วหรือ? ไหนเจ้าว่าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ? ทำไมนานเช่นนี้? คงไม่ใช่ว่าผู้นำตระกูลหยางกับเสี่ยวเอ้อร์รั้งเจ้าไว้กินข้าวที่นั่นหรอกกระมัง?” ตู้ฝานนั่งพิงเฉียงอยู่บนเก้าอี้ มองเหลิ่งหวาที่สาวเดินเข้ามาอย่างหยอกล้อ
“เจ้าช่างหยั่งรู้นัก”
เหลิ่งหวายิ้มๆ มานั่งลงข้างๆ เขา “เดิมทีข้าตั้งใจจะเอายาไปส่งให้แล้วก็กลับ นึกไม่ถึงพวกเขาสองพ่อลูกจะรั้งข้าไว้ให้กินข้าวด้วยให้ได้ ช่วยไม่ได้ ข้าจึงกินสักหน่อย จากนั้นอยู่คุยกับพวกเขา จึงเพิ่งกลับมาถึงป่านนี้” เหลิ่งหวาอธิบายเสียงนุ่มนวล พลางรินชาดื่ม
ฟั่นหลินเดินออกมาจากข้างใน มองเหลิ่งหวายิ้มๆ “พี่สาวเจ้าส่งคนมาเมื่อครู่ บอกให้เจ้ากลับไปจวนเฟิ่งหน่อย”
………………………………….
ตอนที่ 2102 ตั้งตารอ
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
เหลิ่งหวารับคำ พลางจิบชา นึกถึงตอนที่ออกไปข้างนอกวันนี้แล้วเห็นสภาพยามอาการป่วยของชายชุดหรูกำเริบ อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ เงยหน้ามองฟั่นหลิน ถามว่า “คราวที่แล้วเจ้าบอกว่าผู้ชายชุดหรูผู้นั้นป่วย อยู่ได้อีกไม่นาน ดูออกหรือไม่ว่าป่วยเป็นอะไร?”
ได้ยินอย่างนั้น ฟั่นหลินมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสงสัยว่าคนคนนั้นจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”
“วันนี้ข้าเจอเขาระหว่างทางที่ไปตระกูลหยาง เห็นสภาพตอนอาการป่วยของเขากำเริบพอดี” เหลิ่งหวาเอ่ย นึกถึงภาพอันแปลกประหลาดนั่น ได้แต่รู้สึกเหลือเชื่อ
ได้ยินอย่างนั้น ฟั่นหลินครุ่นคิดเล็กน้อย ตอบว่า “คนคนนั้นข้ามองแค่แวบเดียว ไม่ได้วินิจฉัยละเอียด แต่ดูจากสภาพร่างกายและสีหน้าของเขา อยู่ได้อีกไม่นานแล้วจริงๆ แต่นั่นเป็นโรคอะไร? และยามอาการป่วยกำเริบจะเป็นอย่างไร? เรื่องนี้ข้ากลับไม่รู้”
ตู้ฝานที่กำลังดื่มชาได้ยินก็รู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้อง หันไปถามเหลิ่งหวา “เจ้าไปเจอเขาได้อย่างไร?”
“เขาพาผู้ฝึกตนสามสี่คนมาขวางทางข้า ยังบอกว่าจะเชิญข้าไปดื่มสุรา ข้าไม่ไปก็คิดจะใช้กำลังกับข้า” เหลิ่งหวาอธิบายสั้นๆ สิ้นเสียง ก็ได้ยินเสียงตู้ฝานกระแทกด้วยชาลงบนโต๊ะด้วยความโมโห
“มีอย่างที่ไหนกัน! เขาช่างกล้านัก!”
ได้ยินเขาตวาดลั่น เหลิ่งหวายิ้มๆ “เจ้าเบาเสียงหน่อย โชคดีที่ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นคงทำลูกค้าตกใจ”
“แล้วอย่างไรต่อ? จากนั้นเจ้าได้สั่งสอนเขาหรือไม่?” ตู้ฝานจี้ถาม แม้แต่ฟั่นหลินที่อยู่ข้างๆ ก็ยังมองเหลิ่งหวาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถึงอย่างไรเหลิ่งหวาสุภาพอ่อนโยนกับผู้อื่นมาตลอด น้อยครั้งที่จะทำให้ผู้อื่นขายหน้า
“ข้าหักแขนหนึ่งในผู้ฝึกตนที่ติดตามเขา แล้วตำหนิชายชุดหรูคนนั้นไปสองสามประโยค สุดท้ายจู่ๆ เขาก็อาการกำเริบ หนำซ้ำสภาพตอนที่อาการป่วยของเขากำเริบก็ดูแปลกประหลาดมาก” เขาเล่าด้วยสีหน้าครุ่นคิด ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ก็ยิ่งสงสัย
โรคอะไรกันนะ? เหตุใดยามอาการกำเริบจึงมีสภาพเช่นนั้นได้?
ฟั่นหลินกับตู้ฝานมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนถามขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย “แปลกอย่างไร?” เขาติดตามนายท่านมีเรื่องแปลกประเภทใดบ้างที่ไม่เคยเจอ? ยังมีโรคอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าแปลกอยู่อีกหรือ?
“ตอนที่เขาอาการกำเริบ ผิวหนังของเขาจะกลายเป็นสีดำอมม่วงไปทั้งตัว เล็บยาวขึ้น เหมือนภูตผีปีศาจก็ไม่ปาน รูปร่างหน้าตาของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย ในปากมีเขี้ยวแหลมๆ สองซี่งอกขึ้นมา กล้ามเนื้อบนร่างกายขยายใหญ่ เรี่ยวแรงมากขึ้น”
เหลิ่งหวาอธิบายด้วยน้ำเสียงเนิบช้า พลางมองฟั่นหลิน “เจ้าเคยเห็นอาการป่วยเช่นนี้หรือไม่?”
“ไม่เคย” ฟั่นหลินส่ายหน้า ครุ่นคิดเล็กน้อย “แต่เหมือนข้าจะเคยได้ยินอาการอย่างที่เจ้าว่ามา เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่”
“ที่แท้ยามอาการกำเริบจะกลายเป็นตัวประหลาดงั้นหรือ? ไม่น่าเล่าถึงได้มาขอรับการรักษา โรคเช่นนั้นเดาว่าคนทั่วไปคงไม่อาจรักษาได้กระมัง! เจ้าหนูนั่นดูแล้วก็นิสัยไม่น่าคบหานัก กอปรกับนายท่านก็ไม่อยู่ ข้าว่าเขาอยากจะขอรับการรักษาคงไม่ง่ายเช่นนั้น” ตู้ฝานเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ พลางโบกพัดในมือเบาๆ
ฟั่นหลินยิ้มๆ เอ่ยว่า “ก็ไม่แน่ หากเป็นโรคที่นายท่านไม่เคยพบเห็น บางทีนางอาจจะยอมรักษา” เขาหยุดพูด ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ไม่เกี่ยวกับว่าคนคนนั้นเป็นใคร เป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นและอยากศึกษาโรคที่ไม่เคยเจอของหมอคนหนึ่งเท่านั้น”
ได้ยินแล้วตู้ฝานอดยิ้มไม่ได้ “แต่พวกเจ้าว่าตอนนี้นายท่านจะอยู่ที่ใดกันนะ? นานขนาดนี้แล้ว น่าจะอยู่ระหว่างทางกลับแล้วกระมัง?”
………………………………….