เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2089 พูดคำไหนคำนั้น / ตอนที่ 2090 ออกจากป่าภูเขาไฟ
ตอนที่ 2089 พูดคำไหนคำนั้น
แต่หากไม่ยอมส่งมอบของ พวกเขาจะรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่!
“หากพวกข้าเอาของมีค่าให้พวกท่าน พวกท่านก็จะปล่อยพวกข้า?” หนึ่งในนั้นขมวดคิ้วถาม สายตาจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่ว
“แน่นอน ข้าไม่ใช่จอมมารกระหายเลือดเสียหน่อย แม้พวกเจ้าเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่อย่างน้อยก็ยังไม่ถึงขั้นสมควรตาย ทิ้งของไว้ แล้วพวกเจ้าก็ไปเสียเถอะ!” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีจ้องพวกเขา
ได้ยินอย่างนั้น พวกเขามองหน้ากัน หนึ่งในนั้นยังถามอย่างไม่วางใจ “หากพวกข้าทิ้งของไว้ แล้วเจ้ายังทำร้ายพวกข้าอีกเล่า?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินอย่างนั้น ก็แย้งเสียงสูง ทำหน้างงงัน “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน! ข้าจะทำเรื่องไร้คุณธรรมอย่างนั้นได้อย่างไรกัน? พวกเจ้าต้องเชื่อในคุณธรรมของข้า”
ได้ยินอย่างนั้น ฮุ่นหยวนจื่อกับจัวจวินเยวี่ยมุมปากกระตุก คุณธรรม? เอาเถอะ! พวกเขารู้สึกว่ามองไม่เห็นคุณธรรมอะไรบนตัวนางเลย หนำซ้ำคำพูดของนางก็มีความน่าเชื่อถือต่ำ นี่ล้วนเป็นประสบการณ์ที่พวกเขาเคยผ่านมาทั้งนั้น
คนพวกนั้นกลับไม่ได้คิดอะไรมาก อีกทั้งตอนนี้ก็ไร้ทางเลือกอื่นแล้วด้วย หากมีเพียงพวกนั้นสามคนก็เป็นเรื่องหนึ่ง แม้สู้สุดชีวิต บางทีในหมู่พวกเขาอาจยังมีคนหนีรอดไปได้ แต่นอกจากสามคนนั้นที่มีพลังลึกล้ำยากจะคาดเดาแล้ว ยังมีสัตว์คู่พันธสัญญาณที่มีพลังแข็งแกร่งอีกสองตัวอยู่ด้วย
หากสู้ พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะรอดไปได้อย่างปลอดภัย แต่หากยอมส่งมอบของแล้วรักษาชีวิตไว้ได้ แม้จะเจ็บใจ และเสียดาย แต่ก็ยังดีกว่าไม่เหลือชีวิตให้รักษา
นาทีนี้ ครั้นเห็นพวกคนที่ถอยทัพอย่างรวดเร็วยามเห็นสามคนนี้ปรากฏกาย ลอบสบถในใจ คนพวกนั้นต้องรู้แต่แรกแล้วแน่ว่าสามคนนี้ไม่ธรรมดาจึงได้ถอยทัพทันที บัดซบ อย่างน้อยก็เคยตกลงว่าจะร่วมมือกัน ในเมื่อจะถอยก็ควรส่งสัญญาณเตือนพวกเขาหน่อยสิ! ทำเอาตอนนี้แม้พวกเขาอยากถอยก็ไร้หนทางถอยแล้ว ทำได้เพียงยอมส่งมอบของมีค่าให้สามคนนี้แต่โดยดี
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ไม่นานพวกเขาก็เอาของมีค่าบนตัวออกมาวาง ก่อนจะถอยหลังไปทีละก้าว ทว่าในเวลานี้เอง เสียงของเด็กหนุ่มตรงหน้ากลับดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ซื่อสัตย์หน่อยเล่า ไม่อย่างนั้น ข้าจะให้สัตว์เทวะขั้นสูงของข้าถลกเสื้อผ้าของพวกเจ้าออก พอถึงตอนนั้นจะไม่น่าดูเอาได้”
ได้ยินแล้ว คนที่แอบเหลือของมีค่าไว้บนตัวพลันตัวแข็งทื่อ แม้เด็กหนุ่มจะไม่ได้ชี้ชัดว่าหมายถึงใคร แต่พวกเขากลับร้อนตัวขึ้นมาแปลกๆ ราวกับประโยคนั้นกำลังพูดกับพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
สุดท้าย ทำได้เพียงกล้ำกลืนคำสบถและเอาของที่เหลือออกมาวางบนพื้น สองมือยกเหนือหัว ถอยหลังไปทีละก้าวๆ “คราวนี้ไม่เหลือแล้วจริงๆ”
ฮุ่นหยวนจื่อกับจัวจวินเยวี่ยต่างเอือมระอากับคำพูดแต่ละประโยคของเฟิ่งจิ่ว พวกเขามองสิ่งของที่วางอยู่บนพื้น ก่อนหันไปมองเฟิ่งจิ่ว หมายจะเอ่ยปาก กลับเห็นนางหันกลับมาหาจัวจวินเยวี่ย
“รบกวนเจ้าไปเก็บของพวกนั้นที”
“อืม” จัวจวินเยวี่ยรับคำ เดินไปเก็บของบนพื้นขึ้นมา เห็นคนพวกนั้นครั้นถอยออกไปในระยะปลอดภัยก็รีบวิ่งหนี จึงหันกลับมาหาเฟิ่งจิ่ว
“มองข้าทำไม? ข้าเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ในเมื่อบอกว่าจะปล่อยพวกเขา ย่อมต้องปล่อยพวกเขาอยู่แล้ว ข้าเป็นคนเชื่อถือได้อยู่แล้ว” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี หันไปมองเจ้ากลืนเมฆาและเหล่าไป๋แวบหนึ่ง “พวกเจ้าสองตัว เข้าไปในห้วงมิติได้แล้ว”
ครั้นได้ยิน จัวจวินเยวี่ยกลับไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูด ทำได้เพียงเก็บของเหล่านั้นขึ้นมายื่นให้เธอ
เหล่าไป๋กับกลืนเมฆามองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนจะหายตัวเข้าไปในห้วงมิติ
………………………………….
ตอนที่ 2090 ออกจากป่าภูเขาไฟ
“นี่ของ” จัวจวินเยวี่ยเอ่ย เป็นเชิงบอกให้เธอรับของไป
เฟิ่งจิ่วมองสิ่งของในมือเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะรับของมาเก็บไว้ พลางทอดถอนใจ “เข้ามาในป่าภูเขาไฟครั้งนี้กลับได้กำไรไม่น้อย ข้าว่าแล้วว่าควรออกมาเดินเล่นข้างนอกบ่อยๆ ดูสิ นี่ได้กำไรก้อนโตเชียวนะ”
ตาเฒ่าลูบหนวดชำเลืองมองเธอ “กำไรก้อนโตอะไร? เห็นอยู่ว่าเจ้าทำตัวเป็นจอมโจรฉกของของเขามา” ดูไม่ออกจริงๆ ว่าแม่หนูคนนี้พอได้ทำตัวเป็นโจรขึ้นมากลับช่ำชองไม่เบา ไม่รู้ว่าแต่ก่อนแม่หนูนี่ทำมาหากินอะไร?
เธอเก็บของทั้งหมดไว้ในห้วงมิติ คิดในใจว่าค่อยจัดระเบียบทีหลัง ของที่มีประโยชน์เก็บไว้ ของไม่มีประโยชน์เอาไปขาย สุดท้าย เธอหันไปมองสองคนนั้น “ไปเถอะ! คราวนี้เราออกจากป่า เราขี่กระบี่บินออกไปกันเถอะ! น่าจะประหยัดเวลาได้ไม่น้อย”
“ไปตระกูลจัวจริงหรือ?” ตาเฒ่าถามเธอ
“อืม ไปตระกูลจัว” เธอพยักหน้า หยิบขนนกหลากสีที่เหน็บเอวไว้ขึ้นมาโยนไปกลางอากาศ ขนนกหลากสีแสนสวยนั้นขยายใหญ่ ลอยละล่องอยู่กลางอากาศ
“เอ๊ะ? สมบัติชิ้นนี้ไม่เลวเลยนี่”
ตาเฒ่าร้องด้วยความตะลึง มองขนนกหลากสีแสนสวยพลางลูบหนวด ถามว่า “นี่เป็นขนนกเคลือบหลากสีกระมัง? นึกไม่ถึงว่าแม่หนูอย่างเจ้าจะมีสมบัติล้ำค่าติดตัวไม่น้อย นี่คงไม่ได้แย่งมาด้วยหรอกกระมัง?”
เฟิ่งจิ่วเขย่งปลายเท้า กระโดดขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนขนนกเคลือบหลากสี เอ่ยว่า “จะไปหรือไม่ไป? ไม่ไปข้าไปแล้วนะ?” สิ้นเสียง เธอลอยตัวขึ้นสูง ทะลุผ่านแรงกดดันกลางอากาศชั้นนั้น และลอยสูงขึ้นอีก ก่อนจะบินออกนอกป่า
“รอพวกข้าด้วย!” ตาเฒ่าตะโกน ขว้างพาหนะบินขี่ตามไป ส่วนจัวจวินเยวี่ยเรียกกระบี่บินออกมาขี่ตามทั้งสองไป เพียงแต่ยามที่ทะลุผ่านแรงกดดันกลางอากาศชั้นนั้น ร่างกายของเขาพลันดิ่งต่ำลงเล็กน้อย
พื้นที่บริเวณป่าภูเขาไฟ อุณหภูมิร้อนอบอ้าวในอากาศกลายเป็นแรงกดดันขุมหนึ่ง โดยเฉพาะแรงกดดันกลางอากาศขุมนั้นที่เห็นได้อย่างชัดเจน ผู้ฝึกตนทั่วไปไม่อาจขี่กระบี่บินภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้ คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาฝึกฝนในป่าภูเขาไฟจะเดินเท้า และอีกเหตุผลก็คือ หากขี่กระบี่บินเข้ามาก็ไม่นับว่าเป็นการฝึกฝน
ข้างในนี้ มีเพียงคนที่แข็งแกร่งจริงๆ เท่านั้นที่จะสามารถต้านทานแรงกดดันในอากาศได้ ทว่า ก็เหมือนกับพวกเฟิ่งจิ่ว พวกเขาเหยียบอาวุธบินลอยตัวขึ้นจากพื้น กระทั่งทะลุผ่านแรงกดดันกลางอากาศขุมนั้นก่อนจึงจะเดินทางโดยใช้พาหนะบินได้จริงๆ
จัวจวินเยวี่ยที่อยู่ข้างหลังเหยียบกระบี่บินแหวกสายลม สายตาจ้องมองไปข้างหน้า ชายเสื้อของเด็กหนุ่มชุดเขียวที่นั่งอยู่บนขนนกลอยละลิ่ว เส้นผมสีหมึกปลิวสยาย ชันแขนสองข้างไว้บนขนนกด้านหลัง ท่าทางผ่อนคลายสบายอารมณ์
เขาอดคิดไม่ได้ นางช่างเป็นคนที่แปลก หลายวันที่อยู่ด้วยกันมา ยิ่งรู้จัก ก็ยิ่งรู้สึกว่านางลึกล้ำยากคาดเดา ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติต่อผู้อื่น หรือระดับวรยุทธ์ ล้วนเหนือความคาดหมายครั้งแล้วครั้งเล่า
พบกันครั้งแรกนางแก้พิษให้เขา หลอกเอาแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงไปจากตาเฒ่า แล้วยังปั่นหัวตาเฒ่าอีก ทำเอาเขาเต้นเร่าด้วยความโกรธ พบกันอีกครั้ง กลับได้ยินเรื่องที่นางช่วยคนพวกนั้นโดยใช้แผนการอย่างไรบ้าง
ยามเผชิญหน้ากับผู้ฝึกวิชามารนางไม่เคยออกมือ วิธีการเด็ดขาดหมดจดและพลังนั้นชวนให้ตื่นตะลึง ต่อมา กลับได้รู้ความจริงว่าเด็กหนุ่มในสายตาของพวกเขาที่แท้เป็นผู้หญิง
นึกมาถึงตรงนี้ มุมปากของเขาหยักยิ้มเบาๆ รู้สึกว่าช่างน่าขันนัก เหมือนที่ตาเฒ่าว่า บนตัวนางไร้ซึ่งความกระมิดกระเมี้ยนเหนียมอายของหญิงสาว ดูอย่างไรก็เหมือนเด็กหนุ่มที่เย่อหยิ่งรักอิสระคนหนึ่ง
………………………………….