เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2081 หวังว่าเจ้าจะไม่ไป / ตอนที่ 2082 ทายาทของฉู่ป้าเทียน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2081 หวังว่าเจ้าจะไม่ไป / ตอนที่ 2082 ทายาทของฉู่ป้าเทียน
ตอนที่ 2081 หวังว่าเจ้าจะไม่ไป
“คุณชายท่านนี้”
หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์เดือดกลับมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับเอาเนื้อชิ้นใหญ่ที่เพิ่งย่างเสร็จกลับมาด้วย
เขาเดินไปหยุดตรงหน้าจัวจวินเยวี่ย เห็นว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวตื่นแล้วจึงยิ้มให้เขา และเอ่ยกับพวกเขาสองคนว่า “พวกข้าย่างเนื้ออยู่ข้างหน้านั้น จึงเอามาให้พวกท่านกินด้วย”
เฟิ่งจิ่วกะพริบตาถี่ๆ มองทหารรับจ้างคนที่อยู่ตรงหน้า ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ “อ้อ ท่านเองหรือ!”
“คุณชายน้อยยังจำข้าได้หรือ?” หัวหน้าทหารรับจ้างพยัคฆ์เดือดเป็นชายอายุสามสิบสี่สิบปี เห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวหน้าตาหล่อเหลาทำหน้าเหมือนถึงบางอ้อ ก็อดเผยยิ้มออกมาไม่ได้
“หลายวันก่อนเพิ่งเจอกันในป่าไม่ใช่หรือ? ตอนนั้นท่านยังคุยกับตาเฒ่าอยู่เลย” เฟิ่งจิ่วชี้ฮุ่นหยวนจื่อที่ยังนอนหลับไม่ยอมตื่นอยู่ด้านหนึ่ง
ตาเฒ่า?
รอยยิ้มบนใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์เดือดแข็งกระด้าง มองเด็กหนุ่มชุดเขียวอย่างประหลาดใจ คนที่กล้าเรียกฮุ่นหยวนจื่อว่าตาเฒ่ามีไม่มากนัก! เด็กหนุ่มคนนี้ไม่รู้เป็นใครมาจากไหน? แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่
“ตอนบ่ายข้ามาครั้งหนึ่งแล้ว เห็นพวกท่านสองคนหลับอยู่ จึงเฉือนเนื้อที่ย่างเสร็จแล้วมาให้พวกท่านหน่อย พวกท่านรีบกินตอนยังร้อนๆ เถิด! หากไม่พอพวกข้ายังมีอีก” หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างยื่นเนื้อย่างให้
“ไม่ต้อง”
“อย่างนั้นข้าไม่เกรงใจล่ะ”
เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย คนแรกคือจัวจวินเยวี่ย ส่วนคนที่สองก็คือเฟิ่งจิ่วที่ยื่นมือออกไปรับเนื้อย่าง
ยามได้ยินสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างอึ้ง ก่อนจะหัวเราะ
เฟิ่งจิ่วรับเนื้อย่างไปแล้วมองจัวจวินเยวี่ยตาขวาง “นี่เป็นน้ำใจของหัวหน้าเขา จะปฏิเสธได้อย่างไรกัน? ไม่น่าเล่าตาเฒ่าถึงได้ว่าเจ้าเป็นท่อนไม้”
ได้ยินแล้วจัวจวินเยวี่ยมุมปากกระตุก เหล่มองเธออย่างหมดคำพูดแวบหนึ่ง ก่อนจะละสายตาออกไปเงียบๆ เขาไม่มีหน้าจะมองต่อแล้ว คนคนนี้พอเห็นของกินทีไรก็ทิ้งศักดิ์ศรีและความเย่อหยิ่งไปเสียหมดสิ้น
“อย่างนั้นข้ากลับก่อนแล้ว” หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเอ่ย ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไป
“เอ้า!” เฟิ่งจิ่วยื่นเนื้อย่างให้จัวจวินเยวี่ยชิ้นหนึ่ง
“เจ้ากินเถอะ! ข้าไม่หิว” เขาตอบ ก่อนจะนั่งเงียบต่อไป
เฟิ่งจิ่วยักไหล่ นั่งขัดสมาธิกินเนื้อย่างต่อ ไม่ลืมหยิบสุราออกมาดื่มด้วย ก่อนเอ่ยว่า “ศิลาเพลิงก็หาได้แล้ว หญ้าเซียนก็มีแล้ว ฉะนั้นข้าจึงตั้งใจว่าจะกลับแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น จัวจวินเยวี่ยมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะชำเลืองมองตาเฒ่าที่กำลังเมาหลับอยู่ด้านหนึ่ง ถามว่า “เจ้าตั้งใจจะฉวยโอกาสตอนที่ตาเฒ่าเมาหลับหนีไปงั้นหรือ?” เขามั่นใจได้ว่าหากเธอไปทั้งอย่างนี้ ตาเฒ่าตื่นมาจะต้องโมโหหนวดตั้งแน่นอน
“เดิมทีก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่นานอยู่แล้วนี่นา! อีกอย่างข้าก็เคยบอกแล้ว ข้ายังต้องกลับไปดูแลที่นั่นอีก จากมาหลายวันขนาดนี้แล้วไม่รู้ว่าที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง ต้องกลับไปดูหน่อย”
เฟิ่งจิ่วดื่มสุราหนึ่งอึก มองตาเฒ่าแวบหนึ่ง “หากเขาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอข้า อย่างมากก็แค่กระทืบเท้า ไม่กี่วันก็ดีเอง อีกอย่าง ข้าก็ทิ้งที่อยู่ไว้ให้พวกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ? มีเวลาเมื่อใดก็ไปหาข้าได้”
ได้ยินอย่างนั้น จัวจวินเยวี่ยมองเธอเงียบๆ คล้ายอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ได้แต่มองเธอ และก้มหน้าเก็บงำสายตา ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว ถามว่า “เจ้ามีอะไรอยากพูดงั้นหรือ? อย่างน้อยพวกเราก็ใช้เวลาร่วมกันมาตลอดเส้นทางแล้ว ยังมีอะไรที่พูดไม่ได้อีกหรือ?”
ได้ยินอย่างนั้น จัวจวินเยวี่ยเงยหน้ามองเธอ ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ไปตอนนี้”
………………………………….
ตอนที่ 2082 ทายาทของฉู่ป้าเทียน
เฟิ่งจิ่วยักคิ้วมองเขา “ไม่ไปตอนนี้?”
“อืม ข้าอยากชวนเจ้ากลับไปที่ตระกูลจัว พบท่านย่าของข้าสักครั้ง” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อว่า “นางไม่สบาย เหลือเวลาไม่มากแล้ว”
เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก จับจ้องใบหน้าเขา “เหตุใดต้องพบท่านย่าของเจ้า? อย่างไรเจ้าก็ควรบอกเหตุผลข้าหน่อย” ในใจคาดเดาได้รางๆ กลับนึกไม่ถึงว่าจะเป็นความจริง
เขาเงยหน้ามองเธอ เอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านย่าของข้าเคยกำชับไว้ ให้ข้าสืบข่าวของท่านปู่ และกระบี่คมพยับก็คือเบาะแส”
“ท่านปู่ของเจ้าชื่ออะไร?” เธอถาม สายตาจับจ้องใบหน้าของเขา ไม่ปล่อยให้ทุกการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าเล็ดลอดไปได้
“คนนอกรู้เพียงว่าท่านปู่ของข้าเป็นอาวุโสของตระกูลจัว แต่มีเพียงครอบครัวของข้าเท่านั้นที่รู้ว่า ท่านปู่ของข้าแซ่ฉู่ ชื่อฉู่ป้าเทียน” เขาจ้องหน้าเธอนิ่งๆ เอ่ยชื่อที่ซ่อนอยู่ในใจเขามาเนิ่นนาน
ครั้นได้ยินชื่อนี้จากปากของเขา เฟิ่งจิ่วหัวใจสะดุด เอ่ยว่า “ใช่แล้ว อาจารย์ของข้าก็คือฉู่ป้าเทียน ข้ากลับไปพบท่านย่าของเจ้ากับเจ้าก็ได้ แต่ข้าต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลังของครอบครัวเจ้า”
แม้เธอจะไม่ได้เอ่ยเจาะจง แต่เธอรู้ว่าเขาเข้าใจ
จัวจวินเยวี่ยอธิบาย “ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องของท่านปู่กับท่านย่ามากนัก ท่านย่าของข้าไม่ได้เล่าให้พวกข้าฟังอย่างละเอียด นางเล่าให้ฟังเพียงเล็กน้อย เรื่องอื่น เจ้าถามนางหลังจากไปพบนางก็ได้”
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิด หากพวกเขาเป็นลูกหลานของท่านอาจารย์จริง เช่นนั้นเธอก็ต้องไปพบคนผู้นี้อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้า “ก็ได้! อย่างนั้นก็ไปด้วยกันเถิด! รอตาเฒ่าตื่นแล้วบอกเขา เราไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว อย่ามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกเลย”
“อืม” จัวจวินเยวี่ยพยักหน้า เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “เจ้าเล่าเรื่องท่านปู่ให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่? เจ้าพบเขาได้อย่างไร? เขา…”
“เขาตายไปนานแล้ว ข้าเองก็บังเอิญเข้าไปพบกับดวงจิตที่หลงเหลืออยู่ของเขาในจวนลับใต้น้ำแห่งนั้น” เธอมองเขา เอ่ยอีกว่า “เรื่องที่สามที่เขาขอให้ข้าทำ ก็คือตามหาทายาทรุ่นหลังของเขา ดูว่าพวกเขามีชีวิตที่ดีหรือไม่
เพียงแต่นึกไม่ถึง พวกเจ้ามาอยู่ที่แผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำนี้ ส่วนข้ากลับตามหาพวกเจ้าอยู่ที่แผ่นดินใหญ่แถบใต้แม่น้ำ ข้าคิดว่าแม้แต่เขาก็คงนึกไม่ถึงว่าต่อมาท่านย่าของเจ้าจะย้ายมาอยู่ที่นี่กระมัง!”
เฟิ่งจิ่วมองเขา “บนแผ่นดินใหญ่แถบใต้แม่น้ำมีกลุ่มอำนาจมากมายที่รู้จักชื่อฉู่ป้าเทียนของเขา เพียงแต่เขาล่วงลับไปนานแล้ว ผู้คนก็เริ่มพากันลืมเลือนเขาไปตามกาลเวลา พลังของเขานับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ บนแผ่นดินใหญ่แถบใต้แม่น้ำ กอปรกับปีนั้นมีกระบี่คมพยับอยู่ในมือ เรียกได้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้เขาได้ เพียงแต่หนึ่งคนไม่อาจสู้คนหมู่มากได้”
เทียบกับผู้แข็งแกร่งบนแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำแห่งนี้ เขาอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่นับได้ว่าเป็นชายชาตรีที่กล้าทำกล้ารับคนหนึ่ง” เธอยิ้ม เอ่ยต่ออีกว่า “หลังจากกราบเขาเป็นอาจารย์ด้วยความบังเอิญ ต่อมาข้าก็ตามสืบเรื่องราวสมัยเขายังหนุ่มอยู่อีกมากมาย พลังของเขาแม้นับว่าแข็งแกร่งในแผ่นดินใหญ่แถบใต้แม่น้ำ กลับไม่เคยรังแกคนอ่อนแอ ในอดีตหากไม่ใช่เพราะคนพวกนั้นต้องการชิงกระบี่คมพยับของเขาจึงลอบเล่นงานเขาด้วยวิธีสกปรก ตอนนี้เขาก็คงยังมีชีวิตอยู่”
เล่ามาถึงตรงนี้เธอก็ถอนหายใจ “บางทีอาจเพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมสกุลจัวล่มสลาย เขาจึงรู้สึกผิด ฉะนั้นหลังจากบาดเจ็บหนักถึงได้ส่งกระบี่คมพยับเข้าไปในสุสานหมื่นกระบี่”
จัวจวินเยวี่ยฟังเงียบๆ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร สำหรับท่านปู่ที่ไม่เคยเจอ และไม่รู้จักคนนี้ จัวจวินเยวี่ยรู้เรื่องของเขาไม่มากนัก
………………………………….