เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2039 ไม่ต้องเป็นห่วง / ตอนที่ 2040 ข้าก็คันมือแล้วเหมือนกัน
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2039 ไม่ต้องเป็นห่วง / ตอนที่ 2040 ข้าก็คันมือแล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 2039 ไม่ต้องเป็นห่วง
ครั้นได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ยักคิ้วถามว่า “ท่านคิดจะทำอะไร? อย่าบอกนะว่าท่าจะสู้กับจอมมารโลหิต” ตาเฒ่ายังหลงกลเขาอย่างนี้ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือถึงได้คิดจะสู้กับจอมมารโลหิต
“ดูแลเขาให้ดี” จัวจวินเยวี่ยกำชับ ก่อนหันไปมองจอมมารโลหิตที่อยู่ข้างหน้า เวลานี้ คุณชายรองไฉเองก็ก้าวเข้ามายืนข้างจัวจวินเยวี่ย
เห็นทั้งสองเดินเข้ามา จอมมารโลหิตหัวเราะชอบใจ มองพวกเขาด้วยสายตาดูแคลน “พวกเจ้าสองคนคิดจะทำอะไร? อย่างพวกเจ้าสองคนยังไม่เข้าตาข้าหรอก ยิ่งไม่คู่ควรให้ข้าลงมือ แต่ในเมื่อพวกเจ้าอยากรนหาที่ตาย ข้าก็มีเวลามากพอที่จะเล่นกับพวกเจ้าเหมือนกัน”
ขณะเอ่ย เขาถอยหลังหนึ่งก้าว พยักหน้าส่งสัญญาณให้สองคนที่อยู่ข้างๆ “ไป จัดการสองคนนี้ให้เรียบร้อย ทำให้พวกมันเห็นพลังของเรา!”
“ขอรับ!” ทั้งสองรับคำ เหาะไปข้างหน้าพร้อมกับชักกระบี่ยาวจู่โจมศัตรู
ส่วนหานหรง เขายังคงยืนนิ่งอยู่ข้างจอมมารเลือดไม่ขยับ เพียงแต่ สายตาที่เลื่อนไปมองเด็กหนุ่มชุดเขียวเริ่มแฝงแววครุ่นคิด เพียงแต่ คนในตระกูลไฉล้อมวงเข้าไป ทำให้เงาร่างของฮุ่นหยวนจื่อและเด็กหนุ่มชุดเขียวถูกบังมิด มองไม่เห็นว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใดอยู่
เฟิ่งจิ่วในเวลานี้กำลังตรวจอาการบาดเจ็บให้ฮุ่นหยวนจื่ออยู่ ครั้นเปิดอกเสื้อออก แล้วเห็นบาดแผลที่เกิดจากตะปูแหลมคมซึ่งถูกซัดเข้ามาพร้อมกับหมัดเหล่านั้น นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วหดเล็ก เธอเริ่มทำความสะอาดแผล พลางบ่นอย่างไม่ไว้หน้า
“ตาเฒ่า ท่านบอกว่าตนเองยอดเยี่ยมมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงถูกคนที่พลังอ่อนแอกว่าทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้? ท่านดูท่านตอนนี้สิ เหมือนคนที่เป็นดุจภูเขาไท่ซานแห่งสำนักเซียนเสียที่ไหน?”
เมื่อพิษในร่างกำเริบ ลมหายใจของตาเฒ่าก็เริ่มอ่อนลงตามไปด้วย ทว่าพอได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่ว ก็ยังไม่วายเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ข้าก็แค่ประมาทเกินไป ใครจะรู้ว่าจอมมารโลหิตนั่นจะไร้ยางอายเพียงนี้! สู้ข้าไม่ได้เลยเล่นสกปรกเช่นนี้”
“เป็นข้าข้าก็เล่นสกปรกเหมือนกัน กับผู้ฝึกวิชามารก็มีแต่ท่านนี่แหละที่เล่นตามกติกา” เฟิ่งจิ่วแค่นเสียง จากนั้นหยิบยาเม็ดหนึ่งยัดใส่ปากของเขา
“ยาอะไรน่ะ? ข้าดูก่อนๆ”
ขณะหยิบยาออกมา กลิ่นหอมของมันลอยโชยมาแตะจมูก เขาอยากดูว่าเป็นยาระดับใดแต่กลับถูกยัดใส่ปากก่อน รู้สึกเพียงหลังกลืนยาลงลำคอไป ไอเย็นสบายขุมหนึ่งกระจายไปทั่วร่างกาย
“ท่านเซียนบาดเจ็บหนักขนาดนี้ รอบข้างก็มีแต่ผู้ฝึกวิชามาร เกรงว่าพวกเราคงไม่รอดแล้ว” ศิษย์คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น สีหน้ากังวลอย่างปิดไม่มิด
ไฉเฟิงยืนอยู่ข้างเฟิ่งจิ่ว ถามอย่างมีความหวังว่า “เสี่ยวจิ่ว เจ้ายังมีวิธีอะไรอีกหรือไม่?”
“ข้าจะมีวิธีอะไรได้? ผู้ฝึกวิชามารพวกนี้รับมือได้ง่ายๆ เสียที่ไหน” เธอเบะปากขณะตอบ จิ้มเข็มไปที่ปลายนิ้วทั้งสิบของเขา เพื่อขับพิษออกมา พลางเอ่ยว่า “ตาเฒ่า ท่านติดค้างบุญคุณข้าครั้งหนึ่งแล้วนะ”
“อีกนานเท่าใดจึงจะหาย?” ฮุ่นหยวนจื่อถาม กังวลต่อสถานการณ์ตอนนี้
เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง “ท่านคิดว่าแก้พิษแล้วท่านจะสู้ต่อได้ทันทีหรือ? พอเลยนะ! ไม่ตายก็ถือว่าไม่เลวมากแล้ว ท่านถูกหมัดจอมมารโลหิตซัดใส่หน้าอกไปหลายหมัด อาการบาดเจ็บภายในเช่นนี้แม้จะกินยาในก็ยังไม่หายดีเร็วๆ นี้แน่”
“ข้ากลัวว่าสองคนนั้นจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น ยิ่งมีจอมมารโลหิตอยู่ด้วย แม้พวกเจ้าทั้งหมดรวมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมมารโลหิต” ฮุ่นหยวนจื่อเอ่ย กุมหน้าอกทำท่าจะลุกขึ้น
“นั่งลงเลยๆ รีบขับเคลื่อนลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บ เรื่องที่ไม่ควรห่วงก็ไม่ต้องห่วง” เฟิ่งจิ่วกดเขาให้นั่งลง เป็นเชิงบอกเขาว่าอย่าขยับส่งเดช
………………………………….
ตอนที่ 2040 ข้าก็คันมือแล้วเหมือนกัน
“แต่ว่า…” เวลานี้ฮุ่นหยวนจื่อจะสงบใจแล้วขับเคลื่อนลมปราณรักษาตนเองได้เสียที่ไหน? หากเขาสู้ไม่ได้ อย่างนั้นทุกคนที่นี่ก็ทำได้เพียงรอความตายไม่ใช่หรือ?
“ยังเหลือยาอีกหนึ่งเม็ด เก็บไว้กินเถิด!” เฟิ่งจิ่วยื่นยาขวดหนึ่งให้เขา จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า
ด้านหน้า ผู้ฝึกวิชามารสองคนล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจัวจวินเยวี่ยกับคุณชายรองไฉ ครั้นประมือกันรอบหนึ่ง ผู้ฝึกวิชามารสองคนล้วนมีบาดแผลทั่วตัว หนึ่งในนั้นถูกจัวจวินเยวี่ยฟันแขนขาดไปหนึ่งข้าง กลิ่นคาวเลือดฉุนๆ กระจายไปทั่วอากาศ จอมมารโลหิตที่เห็นภาพนั้นหรี่ตาเล็กน้อย จ้องจัวจวินเยวี่ยด้วยสายตาเย็นชา
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเก่งไม่น้อย!”
ผู้ฝึกวิชามารสองคนนั้นกุมแผลถอยหลัง จ้องสองคนนั้นด้วยสายตาอาฆาต กระบี่ยาวในมือจัวจวินเยี่ยพลิกหมุน ปลายกระบี่ชี้เฉียงลงดิน ยืนนิ่งไม่พูดจา เพียงจ้องจอมมารโลหิตอย่างระแวดระวัง
เฟิ่งจิ่วก้าวเข้ามา มองจอมมารโลหิตแวบหนึ่ง สายตาเลื่อนผ่านหานหรงไปอย่างแนบเนียน อีกฝ่ายกำลังจ้องเธอด้วยสายตาครุ่นคิด เธอลอบแสยะยิ้มในใจ ไม่ว่าเขาจะคาดเดาอีกแค่ไหน ก็ไม่มีทางเดาถูกว่าเธอเป็นใคร
ครั้งนี้ เธอจะไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่!
หานหรงจ้องเด็กหนุ่มชุดเขียวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าคนคนนี้มีปัญหา เพียงแต่บอกไม่ถูก ด้วยเหตุนี้ เขาขยับเข้าไปใกล้จอมมารโลหิต และกระซิบอะไรบางอย่างกับเขา
ครั้นฟังหานหรงกระซิบจบ สายตาของจอมมารโลหิตจ้องเฟิ่งจิ่วอย่างนึกสนุก “อ้อ? เจ้าหนูนั่นมีอะไรพิเศษงั้นหรือ? เหตุใดข้าจึงมองไม่ออก?”
หานหรงจ้องเด็กหนุ่มชุดเขียวตรงหน้า กระซิบบอกเบาๆ ว่า “เด็กนั่นหน้าตาไร้ความหวาดกลัว ท่าทางเหมือนใจเย็นกว่าคนอื่นๆ ดูไม่ค่อยปกติขอรับ เพียงแต่ ดูวรยุทธ์ของเขาก็อยู่เพียงระดับหลอมแก่นพลัง ข้าเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขาผิดปกติตรงไหน”
“งั้นหรือ? ในเมื่อผิดปกติ เช่นนั้นไม่สู้เจ้าลองดูหน่อยเป็นอย่างไร?” จอมมารโลหิตชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง
ได้ยินอย่างนั้น หานหรงตึงเกร็ง แต่เพราะเขามองอยู่ จึงทำได้เพียงรับคำ “ขอรับ” เขาก้าวออกไป มองดูเด็กหนุ่มชุดเขียวคนนั้น ชักกระบี่ยาวออกมาชี้ไปข้างหน้า “เจ้า ออกมา!”
เห็นกระบี่ยาวชี้มาที่เธอ เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว “เรียกข้าหรือ?” ขณะถาม เธอก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เพียงแต่ จัวจวินเยวี่ยกลับเข้ามาบังไว้ก่อน
“กลับไป” จัวจวินเยวี่ยขมวดคิ้วมองเฟิ่งจิ่ว ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น ก้าวเท้ามาด้านข้างก้าวหนึ่ง ยืนบังเฟิ่งจิ่ว
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “กระบี่ยาวของเขาชี้ข้าอยู่ ข้าจะซ่อนตัวอยู่ได้อย่างไรกัน!” ต้องบอกก่อนว่า เธอมองหาโอกาสอยู่ตลอด โอกาสที่จะฆ่าหานหรงเสีย ตอนนี้ โอกาสเดินมาหาถึงที่แล้ว หึๆ เธอจะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?
จัวจวินเยวี่ยขมวดคิ้วมองเฟิ่งจิ่วก้าวออกไปจากข้างหลังเขา จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ “เจ้าจะสู้กับข้า? ข้ารับคำท้า” เธอเอ่ยด้วยดวงตาที่ยิ้มหยี
ฮุ่นหยวนจื่อที่เห็นอย่างนั้นอดกังวลไม่ได้ เขาตะโกนเรียกเสียงดัง “เจ้าเด็กเมื่อวานซืน กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
คนในตระกูลไฉ รวมถึงพวกฝานอี้ซิวล้วนตกตะลึง เสี่ยวจิ่วคิดจะทำอะไร? เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง นี่เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?
ต่างจากความกังวลของพวกฮุ่นหยวนจื่อ หานหรงมองเด็กหนุ่มชุดเขียวค่อยๆ ก้าวเข้ามา ไม่เพียงไม่หวาดกลัวไม่ตื่นตระหนก ยังส่งยิ้มแฝงความนัยมาให้เขาด้วย ทั้งที่เป็นรอยยิ้ม แต่เขาที่เห็นรอยยิ้มนั้นกลับรู้สึกแปลกๆ ข้างใน เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงทำให้เขารู้สึกอันตรายถึงเพียงนี้?
“เฮ้อ ข้าเองก็รู้สึกคันมือแล้วเหมือนกัน!” เฟิ่งจิ่วกระตุกมุมปาก เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
………………………………….