เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2017 ภาพตรงหน้า / ตอนที่ 2018 บังเอิญพบกันในป่า
ตอนที่ 2017 ภาพตรงหน้า
“ท่านลุงสอง เราจะยังเข้าไปในป่าภูเขาไฟหรือไม่?” ไฉเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามคำถามที่เขาอยากรู้มากที่สุดตลอดทาง
หลังจากที่เจอกลุ่มหทารรับจ้างแมงป่องจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ตลอดเส้นทางเขาก็เอาแต่คิดถึงคำถามนี้ เมื่อก่อนพวกเขาเคยไปฝึกฝนที่อื่น แต่ครั้งนี้มีศิษย์ที่ยังไม่เคยผ่านการฝึกฝนติดตามมา ในกลุ่มยังมีผู้หญิงในตระกูลตามมาหลายคนด้วย
หากวันนี้ไม่ได้เสี่ยวจิ่วคิดแผนการพลิกสถานการณ์ช่วยชีวิตทุกคนไว้ เกรงว่าตอนนี้พวกเขาคงไม่รอดแม้แต่คนเดียว หนำซ้ำเขารู้สึกว่า เทียบกับคนในนี้ พลังของพวกเขายังอ่อนแอเกินไป
แม้คนที่นำกลุ่มพวกเขาจะเป็นคุณชายรองซึ่งมีวรยุทธ์สูงที่สุดในตระกูลไฉก็ตาม แต่เขาคนเดียวต้องปกป้องพวกเขามากมายขนาดนี้ กลับไม่สามารถเป็นไปได้
ในใจเขา หวังลึกๆ ว่าจะเดินทางกลับจวนด้วยเหตุผลนี้ได้ หรือไม่ก็หาสถานที่ฝึกฝนใหม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นป่าภูเขาไฟแห่งนี้
ได้ยินคำถามของไฉเฟิงคุณชายรองไฉชะงักไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกเรามาถึงนี่แล้วจะกลับไปอีกหรือ? การฝึกเซียนเดิมก็เป็นการฝืนชะตาฟ้าลิขิตอยู่แล้ว เส้นทางการฝึกเซียนของเราย่อมต้องมีอุปสรรคมากมายอยู่แล้ว บ้างก็ถึงขั้นตาย เราจะถอยหลังเพียงเพราะข้างหน้ามีอันตรายได้หรือ? หากถอยไปอย่างนี้ เกรงว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิตคงไม่อาจพัฒนาพลังได้”
“แต่ว่าตอนนี้พวกเราเพิ่งเดินทางมาถึงด้านนอกของรอบใน ข้ากลัวว่าหากเดินเข้าไปอีก พวกเราจะอาจตายอยู่ข้างในนั้นหมดก็ได้”
ได้ยินอย่างนั้น คุณชายรองไฉตำหนิทันที “เหลวไหล! ตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างแมงป่องตายหมดแล้ว คนที่อาจเจอในนี้ก็มีไม่มาก หากกลัวอันตรายก็ระวังตัวให้มากขึ้นก็ได้แล้ว มีอะไรให้กังวลกัน?”
ไฉเฟิงก้มหน้า ไม่พูดอะไรอีก เขารู้อยู่แล้ว หากเขาเสนอความคิดเห็นออกไปพวกเขาอาจไม่ฟัง
ทุกคนพักผ่อนอยู่ในป่า กระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืดก็ยังไม่ออกเดินทาง การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เวลานี้พอแต่ละคนคลายความตึงเครียด ความเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามา
เทียบกับกลุ่มคนที่จุดไฟนั่งล้อมวงกันอยู่ใต้ต้นไม้ เฟิ่งจิ่วเอนหลังนอนอยู่บนต้นไม้ เธอฉวยโอกาสนอนพักตอนกลางคืน ใช้ดวงจิตสำรวจสิ่งของที่อยู่ในถุงฟ้าดินและแหวนห้วงมิติเหล่านั้น แล้วก็พบว่ามีหินศิลาเพลิงรวมอยู่ในนั้นด้วย
เพียงแต่เพราะบนต้นไม้รอบๆ ก็มีคนคอยเฝ้ายามอยู่ ฉะนั้นเธอจึงเข้าไปในห้วงมิติไม่ได้ เพียงกวาดสำรวจด้วยดวงจิตรอบหนึ่ง ก่อนจะจำลักษณะของศิลาเพลิงก้อนนั้นไว้
เช้าตรู่วันต่อมา ทุกคนที่ตื่นแต่เช้าดูสดใสเป็นพิเศษหลังจากได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ พวกเขาบิดขี้เกียจ จัดระเบียบขบวนเดินทางและเริ่มมุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกของป่าต่อ
เส้นทางหลังจากนั้นกลับเงียบสงบตลอดการเดินทาง มีสัตว์ร้ายตัวน้อยปรากฏตัวเป็นครั้งคราวก็ถูกพวกเขาขับไล่ออกไป การฝึกฝนอันเรียบง่ายไร้คลื่นลมทำให้พวกเขาค่อยๆ ลืมอันตรายที่เคยเจอก่อนหน้า กระทั่งเช้าตรู่วันนี้ พวกเขาที่กำลังเดินเข้าไปในป่าลึกได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างหน้า
“ข้าไปดูก่อนก็แล้วกัน!” ฝานอี้ซิวเสนอ หันไปกำชับเหล่าศิษย์น้องที่อยู่ข้างหลัง ก่อนจะล่วงหน้าไปสำรวจเส้นทาง
เพราะตลอดการเดินทางนี้คนของตระกูลไฉเป็นฝ่ายสำรวจเส้นทางตลอด พวกเขาเพียงเดินตามหลัง ยามนี้ในเมื่อได้ยินเสียง เขาย่อมต้องอาสาไปตรวจสอบบ้าง
ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดก็คือ เมื่อเดินตามเสียงไปเรื่อยๆ มาจนถึงด้านหน้า กลับเห็นภาพที่ทำให้เขาตกตะลึง
………………………………….
ตอนที่ 2018 บังเอิญพบกันในป่า
บนพื้นข้างหน้ามีชายฉกรรจ์ยี่สิบกว่าคนนอนร้องโหยหวนอยู่ตรงนั้น คนพวกนั้นเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล กลิ่นคาวเลือดจางๆ กระจายไปทั่วอากาศ ทว่าแม้คนพวกนั้นจะบาดเจ็บ แต่กลับยังมีชีวิตอยู่
สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงก็คือ พวกคนที่ล้มระเนระนาดอยู่บนพื้นถูกจัดการด้วยน้ำมือของชายอายุราวยี่สิบสามสิบเพียงคนเดียว ด้านหนึ่ง ชายชราชุดเทากำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนตัวชายฉกรรจ์สองคนที่ทับซ้อนกันอยู่ข้างล่าง เขาเร่งเร้าอย่างหงุดหงิด “ก็แค่คนยี่สิบกว่าคน ถึงกับต้องใช้เวลานานเพียงนี้ เจ้าจัดการในดาบเดียวก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ เด็ดขาดหมดจดหน่อย”
“ท่านบุพพาจารย์!” ฝานอี้ซิวได้สติรีบตะโกนและเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ
ฮุ่นหยวนจื่อที่ไม่ทันตั้งตัวตกใจกับเสียงตะโกนนี้ เขาลุกขึ้นมองฝานอี้ซิวที่สาวเดินเร็วๆ มาทางนี้ มองพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เจ้าเป็นใคร? ท่านบุพพาจารย์อะไรกัน? อย่ามาเรียกส่งเดช”
“ท่านบุพพาจารย์ ศิษย์ชื่อฝานอี้ซิว เป็นศิษย์สำนักดาราจักร ศิษย์มีวาสนาได้เห็นท่านบุพพาจารย์ในสำนักจากที่ไกลๆ จึงจำท่านได้ขอรับ” ฝานอี้ซิวหน้าตาตื่นเต้นดีใจ ตลอดเส้นทางไม่เคยเจอคนจากสำนักดาราจักรแม้แต่คนเดียว นึกไม่ถึงกลับได้พบบุพพาจารย์ฮุ่นหยวนจื่อที่เหมือนมังกรเห็นหัวไม่เห็นหางที่นี่
“ท่านบุพพาจารย์ นี่คือป้ายประจำตัวของศิษย์ขอรับ” ฝานอี้ซิวรีบหยิบป้ายประจำตัวยื่นให้เขา
ฮุ่นหยวนจื่อมือหนึ่งยกขึ้นลูบหนวด ช้อนตามองเขาแวบหนึ่ง เห็นเขาสวมชุดคลุมของสำนักดาราจักรไว้ข้างใน ข้างนอกสวมทับด้วยเสื้อเกราะกันอาวุธ จึงรับป้ายประจำตัวเขาไปแล้วใช้ดวงจิตสำรวจ จากนั้นก็สบตากับคนตรงหน้า ก่อนถามว่า “ที่แท้ก็เป็นศิษย์จากยอดเขาไพรหยก”
“ขอรับ ศิษย์มาจากยอดเขาไพรหยก” ฝานอี้ซิวรีบรับคำ
“ในเมื่อเป็นศิษย์จากยอดเขาไพรหยก ใยวิ่งมาอยู่ที่นี่ได้?” ฮุ่นหยวนจื่อชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยหยัน “ระดับวรยุทธ์แค่นี้ยังกล้าเข้ามาในป่าภูเขาไฟอีก? ไม่อยากอยู่แล้วหรือ?”
ฝานอี้ซิวก้มหน้า ตอบด้วยความนอบน้อม “ศิษย์และเหล่าศิษย์น้องได้รับคำสั่งจากท่านอาจารย์ให้เข้ามาตามหาศิลาเพลิงในป่าภูเขาไฟแห่งนี้ขอรับ”
ได้ยินอย่างนั้น ฮุ่นหยวนจื่อขมวดคิ้ว “อาจารย์ของพวกเจ้าสั่งให้พวกเจ้าเข้ามาหาศิลาเพลิงในป่าภูเขาไฟ? นอกจากเจ้า ยังมีศิษย์จากสำนักดาราจักรอีกกี่คน? เหตุใดเห็นเจ้าแค่คนเดียว?”
“เรียนท่านบุพพาจารย์ นอกจากศิษย์ ยังมีศิษย์น้องสองคนและศิษย์น้องหญิงอีกสามคน ท่านอาจารย์เองก็รู้ว่าพลังของพวกข้ามีขีดจำกัด ฉะนั้นก่อนออกเดินทางจึงได้มอบอาวุธป้องกันตัวให้คนละชิ้น ก็คือเสื้อเกราะกันไฟที่สวมใส่ไว้นี้ ส่วนเหล่าศิษย์น้องกำลังพักผ่อนอยู่ข้างหลังไม่ไกลจากที่นี่ขอรับ” ฝานอี้ซิวชี้ไปยังจุดที่ทุกคนกำลังพักอยู่
ได้ยินอย่างนั้น ฮุ่นหยวนจื่อใช้ดวงจิตกวาดสำรวจไปทางนั้น ไม่นานก็เห็นว่าห่างออกไปประมาณสามสิบจั้ง คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งพักอยู่ในป่า และมีลูกศิษย์อายุน้อยห้าคนที่สวมชุดเครื่องแบบของสำนักดาราจักรอยู่จริงๆ
เขาละสายตากลับมา ถามว่า “คนพวกนั้นเป็นใครอีก? พวกเจ้าอยู่กับพวกเขาได้อย่างไร?”
ในขณะที่ฮุ่นหยวนจื่อกำลังถามคำถามฝานอี้ซิวอยู่ทางนี้ ฝั่งทุกคนที่กำลังนั่งพักกันอยู่นั้น เฟิ่งจิ่วที่กำลังดื่มน้ำอยู่ใต้ต้นไม้นัยน์ตาไหวระริก หันไปจับจ้องไปข้างหน้า แววตาเหมือนกำลังครุ่นคิด
เมื่อครู่เธอสัมผัสได้ว่ามีดวงจิตแข็งแกร่งดวงหนึ่งกวาดสำรวจมาทางนี้แวบหนึ่ง แต่อีกฝ่ายเพียงกวาดมองอยู่แวบเดียวก็หายไป อีกทั้งไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด
เพียงแต่เธอก็ยังสงสัยไม่หาย ฝานอี้ซิวไปสำรวจเส้นทางข้างหน้า เหตุใดจึงมีดวงจิตอันแข็งแกร่งกวาดสำรวจมาทางนี้ได้?
………………………………….