เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1947 พื้นที่ส่วนตัว / ตอนที่ 1948 ซื้อ
ตอนที่ 1947 พื้นที่ส่วนตัว
ครั้นเห็นสายตาของทุกคนมองมา ชายชุดผ้าไหมหน้าตึงเล็กน้อย “ต้องเป็นคนที่มาชมทิวทัศน์ทะเลสาบแอบมาตกปลาที่นี่แน่ๆ ข้าไปดูหน่อย!”
เห็นเขาสาวเท้ายาวๆ เดินไป ทุกคนก็เดินตามไปด้วย ยามเดินตามกลิ่นหอมของเนื้อปลา เห็นเพียงหนึ่งชายหนึ่งหญิงนั่งอยู่บนกระบอกไผ่ลำใหญ่ ด้านหน้ายังมีกองไฟขนาดเล็กที่ยังไม่ดับ รวมถึงปลาขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือหนึ่งตัว ในมือทั้งสอง กำลังกินปลาโดยใช้ตะเกียบที่ทำจากไผ่อยู่
ทว่า ยามเห็นหญิงงามที่กำลังแย้มยิ้มดุจบุปผาบานในชุดแดง ความโมโหบนใบหน้าของชายชุดผ้าไหมก็จางหายไปในพริบตา กลายเป็นตะลึงในความงามและหลงใหลแทน
งามมาก…เป็นผู้หญิงที่งามยิ่งนัก โลกนี้มีผู้หญิงที่งามจนกระชากวิญญาณอย่างนี้ได้เช่นไรกัน?
ชุดสีแดงนั่นสะดุดตาดุจเปลวไฟ มองเห็นได้ทันทีแม้อยู่ไกล ดวงหน้างามสะคราญใบนั้น ไม่อาจหาคำมาบรรยายได้ในชั่วขณะ รู้เพียงว่า แค่แวบเดียว ความงามนั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเต้น ทำให้เขาไม่อาจละสายตาออกไปได้
ครั้นเห็นดวงหน้างามสะคราญแย้มรอยยิ้มน่าประทับใจ ในแววตาเปี่ยมไปด้วยกิริยาชวนใจสั่นอย่างไม่อาจปิดบัง เสน่ห์ชวนหลงใหลที่แผ่ออกมาโดยเป็นธรรมชาตินั่น ทำให้หัวใจของเขาเต้นโครมครามขึ้นมา
นี่หรือคือความรู้สึกรักแรกพบ?
พวกคนข้างหลังเองก็เห็นสองคนนั้น ชั่วขณะหนึ่ง ไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนหลงใหลไปกับเสน่ห์ของสองคนนั้น ชายหนุ่มหล่อ หญิงสาวงาม บุคลิกของทั้งสองก็โดดเด่นถึงเพียงนั้น นั่งกินปลาอยู่ริมทะเลสาบ ไม่รู้กับกำลังกระซิบกระซาบอะไรกัน ใบหน้าของหญิงสาวเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข มุมปากของชายหนุ่มหยักยกขึ้นเล็กน้อย สายตายามมองหญิงสาวเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและเสน่หา
เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อรู้นานแล้วว่ามีคนมา เพียงแต่ไม่ได้สนใจพวกเขา ทั้งสองกินปลาใหญ่หนึ่งตัว ปลาขนาดเท่าฝ่ามืออีกตัวกลับกินไม่ไหวแล้ว เฟิ่งจิ่วจึงเสนอว่า “ปลาตัวเล็กนี้เก็บไว้ให้อิ่งอีก็แล้วกัน!”
“อืม” เขารับคำ หยิบผ้าผืนเล็กออกมาเช็ดปาก ลุกขึ้นสะบัดเสื้อผ้า
ชายชุดผ้าไหมที่ได้สติกลับมาแล้วหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองเฟิ่งจิ่วอีก “แม่นางท่านนี้ ที่นี่เป็นที่ของบ้านข้า ทำไมพวกเจ้าจึงมาตกปลาที่นี่?”
เฟิ่งจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ถามว่า “ที่นี่เป็นที่ของบ้านเจ้า?” เงียบไปครู่หนึ่ง เธอชำเลืองมองอิ่งอีที่กำลังเดินมาทางนี้แวบหนึ่ง ยิ้มตาหยีแล้วบอกวว่า “ตอนนี้น่าจะไม่ใช่แล้วล่ะ”
“ที่นี่เป็นที่ของบ้านข้า แม่นาง เจ้าไม่รู้ว่าบ้านข้า…” ชายชุดผ้าไหมยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกตัดบทก่อน
“นายท่าน โฉนดที่ดินได้มาแล้วขอรับ” อิ่งอีมาหยุดยืนข้างกายเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก่อนจะยื่นกล่องสี่เหลี่ยมสี่ด้านเท่ากันให้เขา
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับมา ก่อนยื่นให้เฟิ่งจิ่วโดยไม่เปิดดู “ให้เจ้า”
เฟิ่งจิ่วรับไปอย่างเบิกบาน เปิดออกดูแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “อิ่งอี เจ้าทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เลย มาๆ ตรงนี้มีมีปลาเผาอยู่ตัวหนึ่งพอดี พวกข้าตั้งใจเก็บไว้ให้เจ้า”
“ขอบคุณนายท่าน ฮูหยิน” อิ่งอีกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็เดินไปหยิบปลาเผาตัวนั้นขึ้นมา ก่อนจะถอยไปอยู่ข้างหลังทั้งสอง
เฟิ่งจิ่วได้ยินเขาเรียกว่าฮูหยินก็ยิ่งยิ้มกว้าง ส่วนเซวียนหยวนโม่เจ๋อยามได้ยินคำเรียกขานนั้น ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ แม้ทั้งสองจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่การเป็นสามีหรือภรรยากัน เป็นเรื่องที่ช้าเร็วก็ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว
“อิ่งอี ไล่คนพวกนี้ออกไป” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยเสียงเรียบ ไม่ชอบใจที่ชายคนนั้นเอาแต่จ้องเฟิ่งจิ่วอย่างเปิดเผยเช่นนั้น
“ขอรับ!” เขารับคำ เก็บปลาเผา แล้วเดินไปหยุดตรงหน้าคนพวกนั้น “ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลแล้ว โปรดออกไปจากที่นี่ทันที”
………………………………….
ตอนที่ 1948 ซื้อ
ครั้นได้ยินอย่างนั้น พวกนั้นนอกจากตกใจก็ยังรู้สึกงุนงงด้วย แต่ละคนหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะหันไปมองชายชุดผ้าไหมที่ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา
มาถึงที่ของบ้านตนเองแต่กลับบอกว่าที่นี่กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว ชายชุดผ้าไหมได้ยินอย่างนั้นก็หน้าแดง แย้งด้วยความโมโห “พูดอะไรน่ะ! ที่นี่เป็นที่ของบ้านข้าแท้ๆ! ข้า…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นหญิงชุดแดงหยิบโฉนดที่ดินออกมากางต่อหน้าเขา “เจ้าดู ตอนนี้เป็นของพวกข้าแล้ว เพิ่งซื้อเมื่อกี้ เจ้ากลับไปถามพ่อของเจ้าดูได้ ต่อไปก็อย่ามาที่นี่อีก”
เธอตั้งใจจะให้ตู้ฝานมาวางค่ายกลที่นี่ ทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ต่อไปหากพวกเขาว่างจะได้มาชมทิวทัศน์ และพายเรือเล่นที่นี่ได้
ครั้นเห็นโฉนดที่ดินอันคุ้นเคย ชายชุดผ้าไหมพูดอะไรไม่ออกสักคำ เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนวู่วามไร้สมอง ยามนี้เมื่อเห็นโฉนดที่ดิน กอปรกับเป็นบุคลิกที่ไม่ธรรมดาของทั้งสอง ก็ไม่ได้เร้าหรือต่อ เพียงหันไปพูดอะไรกับพวกคนข้างหลัง จากนั้นก็จากไปทันที
เขาจะกลับไปถามท่านพ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมจู่ๆ ถึงได้ขายที่ดินของบ้านพวกเขาให้สองคนนั้น?
เห็นพวกเขาจากไป เฟิ่งจิ่วจึงหันไปมองอิ่งอีและยิ้มถามว่า “เจ้าซื้อที่นี่มาได้อย่างไร?”
“ที่แถบนี้เดิมเป็นที่ดินของตระกูลจางในเมืองนี้ ตระกูลจางเป็นตระกูลมั่งคั่งในเมือง ไม่ขาดเงิน แต่ข้าสืบรู้มาว่าหลายปีก่อนผู้นำตระกูลจางเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อหลายปีก่อน ตามหาหมอมารักษาอาการป่วยทั่วทิศ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงใช้ยาระดับห้าเม็ดหนึ่งแลกกับที่ดินแถบนี้มาขอรับ”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ที่แท้ก็อย่างนี้เอง”
เธอหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ “ท่านพูดถูก ใต้หล้านี้มีเงินก็ไม่แน่ว่าจะซื้อสิ่งที่ต้องการได้ แต่หากมียากลับต่างออกไป แม้จะเป็นคนที่แข็งแกร่งอีกสักเท่าใด ก็ต้องรักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น”
เธอคล้องแขนเขา ยิ้มเอ่ยว่า “พวกเราไปกันเถอะ! แวะไปที่หอยาสวรรค์อีกรอบ ให้ตู้ฝานมาวางค่ายกลที่นี่”
“อืม” เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับคำ ก่อนจะเดินออกจากที่นี่พร้อมกับเธอ
ข้างหลัง อิ่งอีเห็นทั้งสองเดินไปข้างหน้า จึงหยิบปลาเผาที่ยังร้อนกรุ่นออกมาจัดการภายในสองสามคำ เสร็จแล้วยังอดพึมพำไม่ได้ “หากฮุยหลางรู้ จะต้องเสียใจแน่ๆ ที่ไม่ได้ตามมา”
ด้านหน้าหอยาสวรรค์ ตู้ฝานกับเหลิ่งหวาเห็นพวกเขากลับมาอีกครั้ง จึงถาม “นายท่าน มีเรื่องใดอีกหรือขอรับ?” เหตุใดกลับไปแล้วยังกลับมาอีก?
“อืม มีเรื่องจะกำชับให้เจ้าไปทำ” เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ บอกตำแหน่งที่ดินบริเวณทะเลสาบให้เขารู้ “สุดท้าย เจ้ากำลังฝึกฝนและศึกษาเรื่องค่ายกลไม่ใช่หรือ? พอดีเลย อย่างนั้นก็มอบให้เจ้าก็แล้วกัน”
ตู้ฝานดวงตาเป็นประกาย “ไม่มีปัญหา นายท่านวางใจได้! ข้าจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวังแน่นอน”
หลังกำชับเสร็จ พวกเขาก็กลับไปที่จวนเฟิ่ง นั่งได้ไม่นาน ฮุยหลางก็มา
“นายท่าน” ฮุยหลางขานเรียก ก่อนรายงาน “เซียนจื๋อสุ่ยถามหานายท่านตลอดทั้งวัน บอกว่าหากนายท่านกลับมาให้ไปพบเขาด้วย”
ได้ยินอย่างนั้นเฟิ่งจิ่วจึงเอ่ยว่า “เจ๋อ ถ้าอย่างไรข้าไปพบเขาพร้อมท่านเป็นอย่างไร? อาจารย์ของท่านมาก็น่าจะหลายวันแล้ว ข้ายังไม่ได้พบเขาเลย!”
เงียบไปครู่หนึ่ง เธอมองเขาแล้วถามขึ้นอีก “แต่อาจารย์ของท่านมาหาท่านมีเรื่องอะไรกันแน่? ท่านคงไม่ได้ปิดบังข้าอยู่หรอกกระมัง?” ตามหลักแล้วน่าจะมีเรื่องอะไร หลายวันมานี้เขาก็ไม่พูดอะไร ไม่อยากให้เธอรู้งั้นหรือ?
เขากุมมือเธอเมื่อได้ฟัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เขามาหาข้าเพราะมีเรื่องให้ช่วย แต่ข้ากำลังพิจารณาอยู่”
………………………………….