เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1935 ยังไม่ถึงเวลา / ตอนที่ 1963 เซียนจื๋อสุ่ย
ตอนที่ 1935 ยังไม่ถึงเวลา / ตอนที่ 1963 เซียนจื๋อสุ่ย
ตอนที่ 1935 ยังไม่ถึงเวลา
มือใหญ่โอบเฟิ่งจิ่วเข้าไปในอ้อมแขนอย่างเผด็จการ ยกแขนเสื้อขึ้น เพื่อปิดดวงหน้าอ่อนหวานเย้ายวนที่ต่างจากปกติ ขณะเดียวกันก็ถามเสียงเย็นว่า “เจ้ามาทำอะไร!”
“ได้ยินว่าอาจิ่วกลับมาแล้ว ก็เลยมาเยี่ยมเพื่อรำลึกความหลังหน่อย” โม่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าประดับรอยยิ้มมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งอยู่ข้างโตณะ ท่าทางเหมือนไม่คิดจะกลับไปเลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งจิ่วปัดแขนเสื้อของเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่บังหน้าของเธอออก มองโม่เฉินที่อยู่บนกำแพง “วันนี้ตอนข้าไปบ้านท่านไม่เจอท่าน เดิมทีตั้งใจว่าอีกสองสามวันค่อยนัดท่านไปดื่มสุรากัน”
“ข้าว่าคืนนี้ก็บรรยากาศไม่เลว” โม่เฉินเอ่ย สายตาแฝงแววเย้าแหย่หันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
ทว่าครั้นได้ยินอย่างนั้น กอปรกับนึกถึงเรื่องที่พวกเขาเพิ่งทำ เฟิ่งจิ่วอดกระแอมเบาๆ ไม่ได้ ก่อนปฏิเสธว่า “วันนี้อย่าเลยดีกว่า อีกสองสามวันข้าค่อยเชิญท่านดื่มสุรา”
“ดื่มสุรา?” โม่เฉินมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ถอนหายใจพลางส่ายหน้า “เจ้าพูดถึงเรื่องดื่มสุรา ข้าก็นึกถึงเรื่องที่ถูกคนเล่นงานลับหลังเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้นมา”
พอเขาเอ่ยประโยคนี้ ก็ดึงดูดความสนใจของเฟิ่งจิ่ว “เล่นงานลับหลัง?” ด้วยพลังของเขา ยังมีใครสามารถเล่นงานเขาได้ง่ายๆ อีกหรือ? แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับดื่มสุราด้วย? หรือว่าถูกคนวางยา?
“เรื่องนี้พูดแล้วยาว ตอนนี้ยังมีเวลาอีกมาก ข้าค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟัง”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก นี่เขาคิดจะเล่านิทานที่นี่งั้นหรือ?
เซวียนหยวนโม่เจ๋อตวัดมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนขู่ว่า “เจ้าจะไปเอง? หรือให้ข้าสั่งคนไปส่งเจ้า?”
โม่เฉินเผยยิ้ม ไม่สนใจเซวียนหยวนโม่เจ๋อ แต่หันไปชวนเฟิ่งจิ่วแทน “อาจิ่ว คืนนี้บรรยากาศยามค่ำคืนดีมากทีเดียว เจ้าจะขึ้นมานั่งดูบนกำแพงด้วยกันหรือไม่?”
เห็นอย่างนั้น กลิ่นอายเย็นยะเยือกรอบกายเซวียนหยวนโม่เจ๋อพลันแผ่กระจาย ขณะกำลังจะเอ่ยปาก ก็ถูกปลอบให้ใจเย็นลงด้วยมือสองข้างของเฟิ่งจิ่วที่ตบไหล่ของเขาเบาๆ เสียก่อน เขาแค่นเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะเก็บงำกลิ่นอาย
“โม่เฉิน นี่ท่านต้องการจะรบกวนเรื่องดีๆ ของเราหรือ?” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีถามเขา เธอยังคงนั่งพิงอยู่ในอ้อมแขนของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ไม่ได้ลุกขึ้น
โม่เฉินยิ้มๆ “จะเป็นไปได้อย่างไร” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง สายตามีประกายแปลกๆ พาดผ่านยามมองทั้งสองคน ก่อนจะเอ่ยอย่างมีนัยน์แฝง “ที่จริง ถึงข้าจะไม่มา พวกเจ้าก็ทำเรื่องดีๆ ที่ว่าไม่สำเร็จหรอก”
ได้ยินอย่างนั้น ทั้งสองยักคิ้ว เซวียนหยวนโม่เจ๋อชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยปาก กลับเป็นเฟิ่งจิ่วที่ถามขึ้น “หมายความว่าอย่างไร?”
“ยังไม่ถึงเวลา” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองเธอที่กำลังสงสัย ยิ้มอธิบายว่า “เจ้าเป็นเฟิ่งซิงไม่ผิด ส่วนเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็เป็นจักรพรรดิไม่ผิดเหมือนกัน แต่หากอยากรวมเป็นหนึ่งเดียวกลับไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น”
“เพราะอะไร? เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นอะไรกระมัง? ต่างกันด้วยหรือ?” เธอไม่เข้าใจ ลึกๆ ข้างในก็ครุ่นคิดไปด้วย
แม้แต่เซวียนหยวนโม่เจ๋อก็ขมวดคิ้วด้วย ในสมองกลับคิดว่าทุกครั้งที่เขากับเธอกำลังจะทำเรื่องดีๆ กัน มักจะถูกขัดจังหวะเสมอ ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่เรื่องแต่งงานก็ประวิงมาเรื่อยๆ เหมือนมีอุปสรรคบางอย่างคอยกีดขวางอยู่
“ลิขิตสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย”
เขายิ้มๆ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงมองทั้งสองแวบหนึ่ง ก่อนทอดถอนใจ “ในเมื่อข้าไม่เป็นที่ต้อนรับ เช่นนั้นข้ากลับก่อนล่ะ เมื่อถึงเวลาแล้วเจ้าเลี้ยงสุราข้าด้วยเล่า”
สิ้นเสียง เขาก็ลุกขึ้นยืนบนกำแพง สะบัดชายเสื้อคลุม ขณะหันหลังก้าวเท้าออกไป กระบี่บินเล่มหนึ่งก็ปรากฏใต้เท้าของเขา พาเขามุ่งหน้ากลับไปยังตระกูลน่าหลัน…
………………………………….
ตอนที่ 1963 เซียนจื๋อสุ่ย
หลังจากที่โม่เฉินกลับไป เซวียนหยวนโม่เจ๋อกับเฟิ่งจิ่วมองหน้ากัน เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อจะถามขึ้น “เจ้าเชื่อหรือไม่?”
“ไม่เชื่อ” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยี เอื้อมมือโอบรอบคอของเขา โน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูของเขาเบาๆ “พวกเราเข้าไปต่อกันในห้องกัน”
ได้ยินคำเชื้อเชิญอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ นัยน์ตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อพลันเปลี่ยนเป็นลึกซึ้ง เขามองเธอ กระตุกยิ้มมุมปาก “ได้” สิ้นเสียง เขาก็อุ้มเธอ สาวเท้าเดินเข้าห้อง ยกเท้าเตะไปข้างหลังเพื่อปิดประตู
ทว่า ในขณะที่อารมณ์ของทั้งสองกำลังคุกรุ่นได้ที่ เสียงรายงานของอิ่งอีก็ดังเข้ามาจากข้างนอก “นายท่าน ที่จวนมีผู้อาวุโสมาท่านหนึ่ง บอกว่าเขาคือเซียนจื๋อสุ่ย”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ในห้องได้ยิน ประกายประหลาดใจพาดผ่านดวงตา ด้านหนึ่งเพราะสถานการณ์ของพวกเขาสองคนในตอนนี้ กลับถูกขัดจังหวะจริงๆ ในอีกด้านหนึ่ง ผู้มากลับเป็นเซียนจื๋อสุ่ย อาจารย์ลับๆ อีกท่านหนึ่งของเขา
เห็นสีหน้าที่แปลกไปของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เฟิ่งจิ่วดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดเรือนร่างอันเปลือยเปล่า ถามว่า “เซียนจื๋อสุ่ย? ใครหรือ?”
“เขาคืออาจารย์ที่เคยสอนข้าอยู่ช่วงหนึ่ง” ขณะกล่าว เขาได้ลุกขึ้นไปสวมเสื้อผ้า มือที่กำลังคาดสายรัดเอวชะงักเล็กน้อย หันไปมองเฟิ่งจิ่วที่อยู่บนเตียง ก่อนบอกเธอว่า “เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด! ข้าจะไปดูหน่อย”
“อืม” เฟิ่งจิ่วรับคำ เห็นเขาสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกไป ก็พลิกตัว มือหนึ่งชันคาง ครุ่นคิดในใจ หรือว่าระหว่างเธอกับเขาจะต้องผ่านเรื่องราวอะไรก่อน? งั้นอุปสรรคคืออะไรเล่า? หรือโม่เฉินจะพูดถูก?
โม่เฉินเป็นศิษย์ของผู้เฒ่าเทียนจี หรือว่าเขาก็เป็นผู้ทำนายชะตาเช่นกัน? แล้วยังเป็นผู้ทำนายชะตาที่เก่งด้วย?
ขณะเดียวกัน ณ จวนหลิง
ชายชราสวมชุดเทาผู้หนึ่งนั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถง เขามีเส้นผมสีขาวเงิน บนใบหน้ากลับไร้ซึ่งรอยเหี่ยวย่น หนำซ้ำใบหน้ายังแดงเรื่อ ดูดียิ่งนัก เขานั่งอยู่ตรงนั้นโดยเก็บงำกลิ่นอายรอบกาย ทำให้คนอื่นไม่อาจหยั่งรู้ระดับวรยุทธ์ของเขาได้ ราวกับว่าเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนฟ้าและแผ่นดิน แลดูสขุมและสงบนิ่งมาก
ฮุยหลางที่ยืนอยู่ข้างนอกแอบมองพิจารณาเป็นพักๆ คาดเดาว่าเซียนจื๋อสุ่ยผู้นี้เป็นเซียนด้านใดกันแน่? เหตุใดเขาจึงมั่นใจนักว่านายท่านของพวกเขาจะยอมพบเขา?
ในห้องโถง หลังจากดื่มชา เซียนจื๋อสุ่ยก็วางถ้วยชาลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ หน้าตาดูเหมือนกำลังใคร่ครวญ กระทั่งได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างนอก จึงหันไปมอง
“นายท่าน” ฮุยหลางเห็นนายท่านกลับมาแล้ว ก็รีบเข้าไปรับหน้า “ตาเฒ่าคนนั้นนั่งอยู่ข้างในมาพักหนึ่งแล้ว บอกว่าเขาคือเซียนจื๋อสุ่ย”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเข้มว่า “ห้ามเสียมารยาท นั่นคืออาจารย์ของข้า”
“หา?”
ฮุยหลางตกใจจนขาอ่อน ไม่กล้าพูดอะไรอีก นึกไม่ถึงว่าเขาจะเรียกอาจารย์ของนายท่านว่าตาเฒ่า…ขออย่าให้เขาได้ยินเลย แต่ว่าคนผู้นี้คืออาจารย์ของนายท่านจริงหรือ? เหตุใดแต่ก่อนเขาไม่เคยเห็นเลย?
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินเข้าไปข้างใน พอสบตากับชายชราที่อยู่ข้างใน ก็ประสานมือคารวะ “ท่านอาจารย์” กับอาจารย์ที่เคยสั่งสอนเขาอย่างลับๆ เมื่อปีนั้น แม้จะได้ใช้เวลาร่วมกันไม่นาน แต่เขาก็ยังเคารพและนับถืออาจารย์ท่านนี้มาก
เซียนจื๋อสุ่ยมองพิจารณาเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ไม่ได้เจอกันหลายปี พลังของเจ้ายอดเยี่ยมขึ้นไม่น้อย”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินเข้ามานั่งลงตรงที่นั่งฝั่งขวา ไม่ได้ต่อบทสนทนาของเขา กลับย้อนถาม “ท่านอาจารย์ไม่ปรากฏตัวมานานหลายปี ไม่ทราบว่ามาวันนี้มีเรื่องใด?”
………………………………….