เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1933 ตอบรับด้วยความยินดี / ตอนที่ 1934 เสียงกระแอม
ตอนที่ 1933 ตอบรับด้วยความยินดี / ตอนที่ 1934 เสียงกระแอม
ตอนที่ 1933 ตอบรับด้วยความยินดี
ครั้นเห็นเด็กหนุ่มจากไป ผู้นำตระกูลหยางจึงพาลูกสาวกลับเข้าบ้าน พลางซักถามอย่างละเอียด
ในอีกด้านหนึ่ง ในบ้านตระกูลน่าหลัน
น่าหลันโม่เฉินนั่งดื่มชาอยู่ในลานสวน นึกถึงข่าวที่เพิ่งได้ยินมา เมื่อครู่เฟิ่งจิ่วมาที่บ้านของเขาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่รู้ แล้วก็ไม่ได้สนใจคนที่ติดอยู่ในค่ายกล เลยพลาดโอกาสที่จะได้พบนาง
เขาควงถ้วยชาในมือเล่น พลางมองท้องฟ้าที่มืดแล้ว มองดูดวงจันทร์ที่ชะโงกหน้าออกมาหลังชั้นเมฆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เห็นเพียงเขายิ้มบาง วางชาในมือลงก่อนจะลุกขึ้น สะบัดแขนเสื้อเบาๆ แล้วสาวเดินออกไปข้างนอก
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เฟิ่งจิ่วก็หยิบชุดนอนในห้วงมิติออกมาใส่ อยู่ข้างนอกไม่มีโอกาสได้ใส่ ครั้นมาอยู่ในถิ่นของตนเอง เธอสบายใจอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งอยู่ในลานสวนกำลังดื่มชา ครั้นได้ยินเสียงประตูห้องเปิด กอปรกับเห็นเธอใส่ชุดแปลกๆ พลางเดินเช็ดผมที่เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำออกมา สายตาไหวระริกเล็กน้อย
“มานี่” เขาขานเรียกพร้อมกับยื่นมือออกไป สายตาจับจ้องที่เรือนร่างของเธอ
เฟิ่งจิ่ววางมือลงบนฝ่ามือใหญ่ เดินไปเพียงสองก้าวก็โดนเขาดึงตัวหมุน ก่อนจะนั่งลงบนตักของเขา ผ้าในมือก็ถูกเขาแย่งไปเช็ดหยดน้ำตรงปลายผมด้วย
การกระทำของเขาอ่อนโยนมาก สีหน้าก็จริงจัง กลางฝ่ามือรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณเพื่อช่วยเธอเช็ดน้ำที่เปียกผม ผ่านไปเพียงไม่นาน เส้นผมที่เปียกชุ่มก็กลับมาแห้งสบายภายใต้ฝ่ามือของเขา เส้นผมดำเงาปล่อยสยายลงกลางหลังของเธอทั้งอย่างนั้น
สองมือโอบเอวของเธอ ลูบซ้ายที บีบขวาที เฟิ่งจิ่วยังไม่ทันพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู “เอวบางลงไปแล้ว” บีบดูแล้วเนื้อแทบไม่ติดมือมา ผอมลงไปไม่น้อย
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูจริงจัง เหมือนไม่ได้มีความคิดอะไรอย่างอื่น ทว่านัยน์ตาดำขลับคู่นั้นเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง ลูบๆ แล้วก็ไม่ยอมปล่อยมือ ซ้ำยังเอาคางเกยบนไหล่ของเธอ อีกมือก็เริ่มขยับซุกซน
มุมปากของเธอกระตุก ก่อนจะเสียดสีว่า “ข้าก็เพิ่งเคยเห็นคนที่เอาเปรียบข้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อหยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย น้ำเสียงแหบพร่า “ข้าจะตรวจสอบดูว่าตรงอื่นผอมลงหรือไม่” เขาจับตัวเธอให้หันมา มือหนึ่งโอบเอวของเธอ อีกมือเลื่อนจากเอวขึ้นข้างบน โอบไหล่ของเธอ จากนั้นก็จับหน้าของเธอให้หันมา
ดวงหน้างามมองเขาด้วยสายตาหยอกเย้า ราวกับกำลังหัวเราะเยาะเขา เขาจึงยกมือบีบปลายจมูกเธอ บอกว่า “เจ้าควรจะกินให้เยอะหน่อย ผอมไปทั้งตัวอย่างนี้ ลูบไปตรงไหนก็เจอแต่กระดูกไม่มีเนื้อเลย”
“ผอมหรือ? ท่านก็อย่าเรื่องมากเลย ข้ากลับคิดว่าอย่างนี้กำลังพอดี”
เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย พูดจบ ก็เห็นเขาโน้มตัวลงมาจูบเธออย่างเผด็จการ เห็นอย่างนั้น เธอยกมือโอบคอของเขา ตอบรับการรุกรานของเขาด้วยความยินดี…
ในลานสวนอันกว้างขวาง นอกจากสองคนก็ไม่มีใครอื่นอีก รอบข้างเงียบงัน มีเพียงเสียงของทั้งสองที่ดังขึ้นรางๆ
พวกเขาสองคนแยกจากกันมานาน ความรู้สึกลึกซึ้งถูกจุดประกาย เหมือนเปลวไฟบนทุ่งหญ้าแห้ง เริ่มทีละเล็กทีละน้อย แต่กลับไม่อาจควบคุม
ครั้นเฟิ่งจิ่วเป็นฝ่ายเริ่ม รวมถึงการตอบรับด้วยความยินดีของเธอ เปลวไฟในตัวของเซวียนหยวนโม่เจ๋อก็ถูกโหมให้แรงขึ้น เขาจ้องเธอที่กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์และเชิดคางเขาขึ้นด้วยสายตามืดทึบ เธอในสายตาของเขา งดงาม และเย้ายวนถึงเพียงนั้น ราวกับนางปีศาจรที่ทำให้คนอื่นเห็นแล้วไม่อาจควบคุมตนเองให้นิ่งเฉยอยู่ได้…
………………………………….
ตอนที่ 1934 เสียงกระแอม
เธอในเวลานี้ พวงแกมแดงระเรื่อชวนหลงใหล นัยน์ตางามคู่นั้นหรี่เล็กเปี่ยมด้วยอารมณ์ กลางหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววยั่วเย้า กลีบปากสวยแดงเจ่อและมันวาวเพราะจูบอันเร่าร้อน ดูเอิบอิ่มน่าลุ่มหลงยิ่งนัก
กลีบปากของเธออ้าออกเล็กน้อย อิริยาบถยามพ่นลมหายใจ คล้ายกำลังเชื้อเชิญให้เขาลิ้มรสสาวงาม มองดูจนหัวใจของเขาร้อนระอุ อดไม่ได้ที่จะโน้มกายลงไป และจุมพิตกลีบปากแดงที่อ้าออกเล็กน้อยอีกครั้ง…
เฟิ่งจิ่วที่นั่งอยู่บนตักของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ขณะที่กำลังขยับตัว ก็สัมผัสถูกบางสิ่งที่อุ่นร้อนทว่าคุ้นเคยดี ทำให้เธอที่นั่งอยู่บนตักเขาต้องขยับตัวเพราะอึดอัด ใครจะรู้ เธอเพิ่งขยับ ก็ได้ยินเสียงเขาร้องครวญขึ้นมา
“อึก!”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อตัวแข็งทื่อ ร้องครวญขึ้นมา สองมือประคองเอวของนาง เสียงที่เดิมทุ้มต่ำมีเสน่ห์น่าทีกลับฟังดูแหบแห้งเหมือนกำลังข่มกลั้น “อย่าขยับส่งเดช”
ได้ยินเขาว่าอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วก็ตัวแข็งทื่อ ถลึงตาจ้องเขาอย่างไม่พอใจ “ข้านั่งไม่สบาย”
ทั้งที่เป็นการถลึงตา แต่นาทีนี้ การถลึงตาของเธอในสายตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ กลับดูเป็นการมองค้อนอันแสนอ่อนหวาน การมองค้อนอันน่าหลงใหลนั่น ทำให้ลมหายใจของเขากระชั้นชิดขึ้นอีกหลายส่วน
“เรากลับห้องกัน” เขาโอบเอวของเธอ ขณะอุ้มเธอขึ้นจะเดินกลับเข้าห้อง ก็ได้ยินเสียงกระแอมที่ดังไม่ค่อยถูกเวลานัก
“อะแฮ่มๆ!”
ยามได้ยินเสียงกระแอม สองคนที่นั่งข้างโต๊ะตัวแข็งทื่อ ตกใจไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปมองตามเสียงกระแอมพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เห็นเพียงเงาร่างสีขาวที่นั่งอยู่ตรงมุมกำแพงลานสวนของพวกเขาตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ เงาร่างสีขาวร่างนั้นยืนอยู่ฝั่งหนึ่งของกำแพง ตรงนั้นมีต้นไม้ต้นหนึ่งบังอยู่พอดี ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงันไม่รู้ว่าดูอยู่นานเท่าใดแล้ว
และเงาร่างสีขาวร่างนั้น ก็ไม่ใช่ใครอื่น คือน่าหลันโม่เฉินนั่นเอง
“ขออภัย ข้าคงไม่ได้รบกวนพวกเจ้ากระมัง?”
โม่เฉินนั่งอยู่บนกำแพงไม่ได้ลงไป ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้างดงามดุจเซียนประดับไปด้วยรอยยิ้มสง่างาม นัยน์ตาดำขลับมองไม่เห็นก้นบึ้งกำลังจ้องมองมาทางสองคนที่อยู่ข้างโต๊ะ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหน้าเครียด หน้าดำทะมึนขึ้นมาทันที เขามั่นใจได้เลยว่าน่าหลันโม่เฉินตั้งใจ!
ครั้นเห็นว่าเป็นเขา เฟิ่งจิ่วเองก็หน้าตากระอักกระอ่วน นึกไม่ถึงว่าอุตส่าห์ได้จูบกันอย่างเร่าร้อนทั้งทีกลับถูกคนเห็นเข้าอย่างจัง นี่เขานั่งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไรแล้ว? ดูอยู่นานเท่าไรแล้ว? นึกไม่ถึงว่าเขามาพวกเขาสองคนก็ยังไม่รู้ตัว ช่าง…ประมาทจริงๆ
ครั้นนึกถึงว่าการจูบกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อนเมื่อกี้ถูกเขาเห็น พวงแก้มที่ตอนแรกแดงเรื่อก็กลายเป็นแดงก่ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระดากอาย
หากใกล้ชิดกันธรรมดาแล้วถูกคนอื่นเห็นเข้ายังไม่เท่าไร เพียงแต่ใกล้ชิดเกินงามไปหน่อย แล้วถูกคนอื่นเห็นเข้าก็ไม่ค่อยดีเท่าไรแล้ว
โม่เฉินในชุดสีขาวดุจเซียนนั่งอยู่บนกำแพง มองดูสองคนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ เห็นสีหน้าทั้งหมดของทั้งสอง สายตาของเขากวาดมองผ่านใบหน้าดำทะมึนของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก่อนจะหยุดลงที่เฟิ่งจิ่วที่พวงแก้มแดงระเรื่อทั้งสองข้าง ท่าทางอ่อนหวานระคนกระดากอายในอ้อมแขนของเขา นัยต์ตาไหวระริกเล็กน้อย
นางที่เป็นเช่นนี้ ไม่เคยเห็นในเวลาปกติเลยจริงๆ และนางที่เป็นเช่นนี้ ดูอ่อนหวานและเย้ายวนกว่าปกติมาก แม้แต่เขาที่มีจิตใจที่เปรียบเสมือนน้ำนิ่ง ก็ยังละสายตาออกไปไม่ได้
เซวียนหยวนโม่เจ๋อสัมผัสได้ถึงสายตาของเขาที่จ้องมองเฟิ่งจิ่ว รีบกระแอมเสียงเย็นทันที
………………………………….