เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 987 สองหน้า
บทที่ 987 สองหน้า
บทที่ 987 สองหน้า
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเหลืออยู่รอบตัว ซูอันจึงรีบกลับเข้าไปในคุกหลวง เขาต้องปลุกผู้คุมพวกนั้นให้ตื่น แล้วแสร้งทำเป็นเพิ่งฟื้นขึ้นมาเช่นกัน
ผู้คุมกะพริบตาถี่ ๆ เมื่อรู้ว่าเหล่านักโทษหายไปแล้ว ทุกคนเริ่มตื่นตระหนก
“ย…แย่แล้ว! น…นี่เป็นความผิดที่มีโทษถึงประหารทั้งตระกูล…!”
ขณะที่พวกเขาอุทานด้วยความหวาดกลัว หัวหน้าของพวกเขาก็รีบส่งเสียงร้อง
ซูอันคว้าตัวเขาไว้ “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
“ข้ากำลังติดต่อผู้อื่น พวกเราต้องตามตัวนักโทษมาให้ได้” เขาตอบอย่างรวดเร็ว
“เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการทำเช่นนั้น?” ซูอันถาม “ถ้าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป ทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้าจะถูกริบ และทั้งตระกูลของเจ้าจะถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก!”
“ต…แต่ถ้าเราไม่รายงานทันที เราก็ต้องโทษเช่นกัน…” หัวหน้าผู้คุมถึงกับน้ำตาเอ่อ
ซูอันกล่าวว่า “พวกเราทุกคนต้องรับผิดชอบต่อการหลบหนีของนักโทษในวันนี้ เมื่อผู้บังคับบัญชาของเราเริ่มกำหนดโทษ ย่อมไม่มีใครรอดได้…”
หัวหน้าผู้คุมคว้าเสื้อผ้าของเขา “ท่านซู ท่านมีประสบการณ์และมีความรู้ ท่านมีข้อเสนอแนะให้เราบ้างหรือไม่?”
“เราควรจะส่งคนออกไปดูสถานการณ์ภายนอกก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ซูอันแนะนำ
หัวหน้าผู้คุมชะงักครู่หนึ่ง แล้วรีบส่งคนไปสอบสวน พวกเขารายงานกลับมาอย่างรวดเร็ว “ทุกอย่างเงียบสงบ ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ซุนหลูเจิ้นและคนอื่น ๆ คงหนีไปแล้ว
หัวหน้าผู้คุมรู้สึกสับสนกับเรื่องนี้ “มันจะเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร? นักโทษมีตั้งหลายคน พวกมันจะหลบหนีไปโดยไม่มีใครสนใจได้อย่างไร?”
“ข้ารู้!” ซูอันแสร้งทำเป็นว่าได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างในทันใด รีบดึงหัวหน้าผู้คุมมาที่มุมห้องแล้วพูดว่า “เจ้าจำกองทหารเกราะทองพวกนั้นที่บุกเข้ามาโดยไม่มีการเตือนได้ไหม?”
การได้สนทนากับราชันลมปราณเมื่อครู่นี้ทำให้ซูอันมั่นใจมากว่าราชันลมปราณน่าจะมีสายอยู่ภายในคุกหลวง เขาต้องการคุยกับหัวหน้าผู้คุมเป็นการส่วนตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลใด ๆ รู้ไปถึงหูของราชันลมปราณได้อีก
“อย่างนั้นเหรอ? ทำไมข้าจำไม่ได้?” หัวหน้าผู้คุมเกาศีรษะด้วยความสับสน เขารู้สึกเหมือนมีหมอกหนาในสมอง จดจำอะไรไม่ได้
ซูอันแสร้งทำเป็นตกใจ “จำอะไรไม่ได้เลยหรือไง? พวกเขาเป็นคนของราชันลมปราณ คนของเจ้าพยายามที่จะหยุดพวกเขาไม่ให้บุกเข้ามา แต่ถูกพวกเขาเตะจนกระเด็น”
“ฮะ? ข้าจำได้ลาง ๆ แล้ว ข้าก็โกรธมากเหมือนกัน แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น…?” หัวหน้าผู้คุมรู้สึกราวกับหัวกำลังจะระเบิด แต่เขายังไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
ซูอันถอนหายใจ ‘ความกังวลจงหายไป’ สามารถทำลายความทรงจำของคน ๆ หนึ่งได้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ลบความทรงจำทั้งหมด แต่เพียงฉีกความทรงจำออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทว่าหากมีการกระตุ้นเตือน สมองก็ยังสามารถนำชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของความทรงจำกลับมารวมกันได้ หลังจากพูดความจริงครึ่ง ๆ กลาง ๆ นี้แล้ว หัวหน้าผู้คุมก็เริ่มจำการมาถึงของทหารเกราะทองของราชันลมปราณได้
ซูอันตอกย้ำ “เจ้าคิดว่าใครสามารถช่วยชีวิตพวกนักโทษได้โดยที่คนอื่นไม่รู้ตัว?”
หัวหน้าผู้คุมดูตื่นตระหนก “ท…ท่านกำลังพูดถึงราชันลมปราณเหรอ?”
เขาจำได้ว่า นักโทษยืนยันว่าพวกเขาทำงานให้กับราชันลมปราณ ราชันลมปราณจะเป็นผู้ช่วยเหลือคนของเขาเองหรือไม่? หรือบางทีเขาอาจจะมาเพื่อปิดปากพวกนักโทษ?
ซูอันก้าวถอยหลังทันที “เจ้าพูดเองนะ ไม่ใช่ข้า”
หัวหน้าผู้คุมกระโดดด้วยความตกใจ “ข้า…ข้าแค่คาดเดา!” เขาพูดอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่ได้ใส่ร้ายราชันลมปราณ!”
ซูอันยกมือขึ้นปิดปากของผู้คุม “ตอนนี้เราทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากราชันลมปราณช่วยชีวิตพวกนักโทษ ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ต่อสาธารณะ เราจะหาวิธีรายงานเรื่องนี้อย่างลับ ๆ ผู้บังคับบัญชาของเราย่อมรู้วิธีจัดการเรื่องนี้”
หัวหน้าผู้คุมลังเล “แต่เราจะยังถูกลงโทษสำหรับความประมาทของเรา…”
“เจ้าเป็นใบ้เหรอ? ลองคิดดูว่าใครคือผู้กระทำผิด! มันคือราชันลมปราณ พระอนุชาของฝ่าบาท! พระองค์จะเอาเรื่องเขาจริงเหรอ? เรื่องนี้คงกลายเป็นคดีที่จบอย่างคลุมเครือไร้ผู้สอบสวน เราจะไม่ถูกตั้งข้อหาใด ๆ ทั้งสิ้น!” ซูอันอธิบาย
ดวงตาของหัวหน้าผู้คุมเป็นประกาย “ท่านซู ท่านเป็นแสงนำทางให้พวกเราอย่างแท้จริง! ถ้าไม่ใช่เพราะท่านซูพวกเราทุกคนคงตายไปหลายรอบแล้ว!”
สีหน้าของซูอันมืดลง นี่เป็นวิธีที่ถูกต้องในการใช้คำว่าแสงนำทางหรือไม่?
แม้จะคิดเช่นนี้ ซูอันเตือนหัวหน้าผู้คุมอีกครั้ง “นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้มากเท่าไร โอกาสที่ความลับจะรั่วไหลยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เมื่อพวกขุนนางในราชสำนักรู้ มันจะเกิดการนองเลือด หากเป็นเช่นนั้น จักรพรรดิคงรักษาความสงบไว้ไม่ได้ และเราทุกคนคง…”
หัวหน้าผู้คุมตบหน้าอกของเขาและพูดว่า “แน่นอน ข้ารู้! ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ส่วนคนของข้า ข้ารู้วิธีทำให้พวกเขาปิดปากเงียบ!”
“งั้นก็ดีแล้ว” ซูอันออกจากคุกหลวงด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น สิ่งเดียวที่ต้องทำต่อจากนี้คือการพาอวิ้นเจียนเยว่ออกจากวัง
เขาถอนหายใจ พูดตามตรง ข้าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับสาวงามนางนี้ต่อไป…
ขณะที่เขาหมกมุ่นอยู่กับความเสียดาย จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง เขาหันศีรษะมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่มีใครอยู่ข้างหลังเขา
มีใครตามข้ามาหรือเปล่า หรือเป็นความหวาดระแวงของข้าเอง?
ซูอันรู้สึกไม่มั่นคง อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกซอกทุกมุม เขาจะลดความระมัดระวังลงไม่ได้
แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะถึงระดับที่ค่อนข้างสูง แต่ก็มีคนอีกมากมายในราชสำนักที่แข็งแกร่งกว่าเขาและมีทักษะมากมายในโลกนี้ที่ช่วยให้สามารถซ่อนเร้นร่องรอยได้ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เขาจะไม่สามารถตรวจจับการคงอยู่อีกฝ่าย
ชายหนุ่มใช้ตราหยกเพื่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยสายตาของพวกมัน เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างในรัศมีสิบจั้ง
นอกจากทหาร ดูเหมือนจะไม่มีใครเลย…
เอ๊ะเดี๋ยวก่อน…! ซูอันก็สังเกตเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงหัวมุม ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่จั้ง เป็นขันทีที่อ้วนและมีผิวสีซีด
“เขา?” ซูอันขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากขันทีเหวินที่รับใช้ข้างกายองค์จักรพรรดิ…
ใคร ๆ มักจะเห็นขันทีเหวินยิ้มเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ใครก็ตาม ขันทีผู้นี้จะมีท่าทางร่าเริงตลอดเวลา ควบคู่ไปกับความอ้วนทำให้เขาดูเป็นมิตร ทว่าตอนนี้ สีหน้าของเขามืดมนและเคร่งขรึมต่างจากตัวตนปกติมาก
หรือว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา?
ซูอันตัวสั่น หรือว่าที่ผ่านมาตัวเองถูกหลอกมาตลอด?