เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 984 ความบังเอิญอันร้ายแรง
บทที่ 984 ความบังเอิญอันร้ายแรง
บทที่ 984 ความบังเอิญอันร้ายแรง
ซูอันไม่ได้กังวลกับคำอธิบายที่เหมาะสม “ข้าเป็นคนทำให้ทุกคนหมดสติ เร็วเข้า รีบใส่เสื้อผ้าและชุดเกราะเหล่านี้ ข้าจะพาพวกเจ้าทุกคนออกจากวัง”
สมาชิกของสำนักมารปีติยินดี ความหวังใหม่ในการเอาชีวิตรอดได้กระตุ้นความตื่นเต้นของพวกเขา ทุกคนรีบเปลี่ยนชุดใหม่
แม้ว่าสมาชิกของสำนักมารถูกจับได้หลายคน แต่ส่วนใหญ่ตายลงด้วยอาการบาดเจ็บจากการลงมือโจมตีวังหลวง หรือตายลงเพราะการลงโทษอันโหดร้ายของเหล่าผู้คุมและผู้สอบสวน ตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดคนที่เหลือรอดเท่านั้น รวมทั้งซุนหลูเจิ้นด้วย
ทหารองครักษ์ชุดเกราะทองที่เข้ามาในคุกหลวงมีแปดคน ตรงตามจำนวนที่ต้องการพอดิบพอดี
ซูอันรีบช่วยพวกเขาปลดผนึกของทูตยุทธ์เสื้อแพร พวกเขาทั้งหมดอ่อนแอจากการถูกทรมาน ต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นกำลังเดิมได้สมบูรณ์
เมื่อสังเกตเห็นว่าบางคนมีปัญหาแม้กระทั่งการเดิน ซูอันถอนหายใจ แล้วหยิบยาที่เขาเคยได้รับมาจากหมอเทวะจี้ออกมาแจกจ่าย
การกลืนเม็ดยาส่งพลังงานอันอบอุ่นไหลผ่านร่างของนักโทษ พวกเขากลับมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังกลับมาเดินได้เป็นปกติอีกครั้ง
ซุนหลูเจิ้นเป็นคนแรกที่ประสานมือขอบคุณซูอัน “ท่านซู ท่านมีน้ำใจกับเรายิ่งนัก เราจะจารึกบุญคุณนี้ไว้ในใจตลอดไป แม้ว่าเราต้องข้ามภูเขากระบี่หรือทะเลเพลิง ตราบใดที่ท่านซูร้องขอให้ช่วย เราจะไม่แสดงความลังเลใจใด ๆ เลย!”
ซูอันหัวเราะตอบกลับ “ไม่จำเป็นต้องพูดจริงจังขนาดนี้ เรายังไม่พ้นอันตราย มุ่งความสนใจไปที่การออกจากที่นี่กันก่อนจะดีกว่า”
ซูอันไม่ได้ถือเอาคำเหล่านี้มาเป็นสาระสำคัญ พวกเขาอาจจะพูดคำเหล่านี้ด้วยความจริงใจ แต่ขึ้นชื่อว่าคนแล้วอาจเปลี่ยนไปได้เสมอ ไม่น่าเป็นไปได้ที่ทุกคนในโลกนี้เต็มใจที่จะข้ามภูเขากระบี่และทะเลเพลิงเพื่อใครอีกคนหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาทำสิ่งนี้เพียงเพื่ออวิ้นเจียนเยว่และชิวฮัวเล่ย ความกตัญญูสำนึกในบุญคุณของคนเหล่านี้เป็นเพียงผลพลอยได้
นักโทษสำนักมารกลับสู่ความเป็นจริงและพยักหน้ารับทราบ พวกเขายังอยู่ในวัง และมันก็เร็วเกินไปที่จะดีใจ
หลังจากที่คนสำนักมารทั้งหมดสวมชุดเกราะแล้ว กู่เยว่อีก็ยกกระบี่ขึ้นหมายว่าจะคร่าชีวิตเหล่าผู้คุม คนเหล่านี้ทรมานพวกเขาทั้งกลางวันและกลางคืน ตอนนี้สถานการณ์พลิกกลับแล้ว เขาจะปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่โดยไม่สะสางความแค้นได้อย่างไร?
ซูอันหยุดเขาอย่างรวดเร็ว “พี่กู่ คนเหล่านี้ยังมีประโยชน์กับข้า!”
“แต่พี่น้องของเราหลายคนเสียชีวิตด้วยน้ำมือพวกมัน!” กู่เยว่อีตอบด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจ
ซูอันพูดอย่างจริงจังมากขึ้น “สิ่งสำคัญที่สุดคือการช่วยเหลือพวกท่านทุกคนในตอนนี้ ข้าต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อจัดการกับผลที่ตามมา”
ซุนหลูเจิ้นขมวดคิ้ว “เยว่อีอย่าสร้างปัญหาให้นายน้อยซู!” เขากล่าว
เขาเป็นผู้อาวุโสที่มีสถานะอันยิ่งใหญ่ในสำนักมาร กู่เยว่อีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเก็บกระบี่อย่างไม่เต็มใจ
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงกวักมือเรียกพวกเขาให้ติดตามออกจากคุกหลวง
ระหว่างทางไม่เจอใครเลย เพราะผู้คุมทั้งหมดถูกย้ายออกไปก่อนแล้ว
นักโทษทุกคนต่างเต็มตื้น เมื่อในที่สุดพวกเขาก็ออกจากคุกหลวงและได้เห็นแสงแดดอีกครั้ง จากที่เคยเชื่อว่าความตายของตัวเองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างพลิกผันไปในทางดีทั้งสิ้น
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนายน้อยซู!
ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยความกตัญญูขณะที่มองซูอัน
“ข้าจะพาพวกท่านออกไปนอกประตูวัง” ซูอันกล่าวเสียงเบา “พวกท่านทุกคนมีตราคำสั่งของราชันลมปราณและกำลังสวมชุดเกราะทองนี้ มันไม่น่ายากที่จะหลบหนีไป”
“ขอบคุณมาก นายน้อยซู” ทุกคนต่างประสานมืออย่างขึงขัง
ทว่าไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกจากคุก เสียงเรียกทุ้มต่ำก็ดังขึ้น “รอเดี๋ยว!”
ร่างกายของซูอันแข็งค้าง เขารู้สึกราวกับกำลังจมลงไปในทะเลน้ำแข็ง
เขาโชคร้ายขนาดนี้ได้อย่างไร? เขาวิ่งตรงมาหาราชันลมปราณจริง ๆ!
เขาสังเกตเห็นว่าซุนหลูเจิ้นและคนอื่น ๆ ขยับมือไปที่ด้ามจับกระบี่อย่างเงียบ ๆ เขาจึงรีบพูดผ่านกระแสพลังชี่ว่า “อย่าเสียแรงเปล่าเลย คนที่เรากำลังเผชิญอยู่คือราชันลมปราณ! เขามีการบ่มเพาะระดับปราชญ์!”
ซูอันไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม เมื่อเหล่าคนของสำนักมารรู้ว่าคนที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่เป็นใคร พวกเขาต่างล้มเลิกความที่จะต่อสู้ทันที
พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของราชันลมปราณซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะระดับปราชญ์ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พวกเขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้กับอีกฝ่ายได้ นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่พวกเขาทั้งหมดยังคงมีอาการบาดเจ็บสาหัส
“พวกเจ้าจะไปไหนกัน?” ราชันลมปราณถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิที่ครอบคลุมลงมา ณ สถานที่แห่งนี้ เขาจึงสงสัยว่าที่นี่มีอะไรที่สามารถดึงดูดความสนใจของพี่ชายตนเองได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมาดู
มันเป็นความบังเอิญที่ทำให้เขาได้พบกับกลุ่มของซูอัน
สมองของซูอันประมวลผลอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตอบกลับ “ไม่ใช่ว่าราชันลมปราณเรียกข้าเข้าพบงั้นหรือ?”
ขอบคุณสวรรค์ที่เขาไม่ได้ให้นักโทษคนใดสวมชุดทหารของคนที่มีรูจมูกใหญ่สะดุดตาคนนั้น!
ราชันลมปราณคงไม่รู้ว่าทหารธรรมดาคนอื่นหน้าตาเป็นอย่างไรใช่ไหม?
ซูอันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดิมพัน
หากเหตุการณ์ล้มเหลวจริง ๆ เขาสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิได้เสมอ หรือถ้าแผนการของเขาที่จะแทรกซึมเข้าไปในสำนักมารล้มเหลวก็ให้มันเป็นไป เขาไม่ต้องการโยนชีวิตของตัวเองทิ้ง
“โอ้” ราชันลมปราณตอบ “อันที่จริงข้ากำลังมองหาเจ้า พวกเจ้าที่เหลือออกไปได้แล้ว”
คำพูดครึ่งแรกสำหรับซูอัน และครึ่งหลังสำหรับนักโทษในชุดทหารองครักษ์เกราะทอง
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอบคุณสวรรค์ที่อีกฝ่ายจำทหารระดับล่างไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงน่ากลัวอย่างยิ่ง
ดวงตาของซูอันสบกับซุนหลูเจิ้นและคนอื่น ๆ บอกเป็นนัยให้พวกเขาออกไปอย่างชัดเจน ตอนนี้ราชันลมปราณอยู่ใกล้มาก เขาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง เขาไม่สามารถปล่อยให้ราชันลมปราณสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติได้
ซูอันได้บอกพวกเขาทุกอย่างที่จำเป็นต้องรู้สำหรับการหลบหนีออกจากวังแล้ว ทุกอย่างคงไม่มีปัญหา
กลุ่มของซุนหลูเจิ้นไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น พวกเขาประสานมือโค้งกายแล้วหันหลังเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน!” ราชันลมปราณขมวดคิ้วทันที “ทำไมข้าไม่เห็นหลิวเฉิงอวี้?”
ซุนหลูเจิ้นและคนอื่น ๆ ใจเต้นแรง พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือหลิวเฉิงอวี้ ดังนั้นพวกเขาควรจะพูดอะไร?
ซูอันเคยได้รับคะแนนความโกรธแค้นจากหลิวเฉิงอวี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามันคือชื่อของผู้นำกลุ่มทหารที่มีรูจมูกใหญ่ เขารีบแก้ไขทันที “ผู้นำกลุ่มหลิวถูกจักรพรรดิเรียกพบก่อนหน้านี้”
“พี่ชายของข้าเรียกตัว? จักรพรรดิน่ะนะ?” สีหน้าของราชันลมปราณสับสน หลิวเฉิงอวี้อาจเป็นตัวต้นเหตุที่ว่า ทำไมจิตสัมผัสของจักรพรรดิจึงลงมายังสถานที่แห่งนี้…
ไม่สิ! มันดูไม่ถูกต้องเลย คนอย่างหลิวเฉิงอวี้ไม่มีค่าพอให้จักรพรรดิส่งจิตสัมผัสมาสนใจได้
เขามองประเมินกลุ่มของซุนหลูเจิ้น “หืม? ทำไมข้าไม่เห็นนายกองหวังของพวกเจ้าด้วย? พวกเจ้าทุกคนเงยหน้าขึ้นเดี๋ยวนี้!”
เหล่านักโทษรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูกเมื่อได้ยินคำสั่งนี้
ซูอันกำลังตื่นตระหนกอยู่ข้างใน ในตอนนี้เขาไม่รู้จะอธิบายตัวเองอย่างไรดี!