เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 981 ถอนผู้คุม
บทที่ 981 ถอนผู้คุม
บทที่ 981 ถอนผู้คุม
ทหารมีท่าทีกังวล “ซูอันได้รับแต่งตั้งให้เป็นขุนนางและเป็นราชเลขาของรัชทายาท มันจะเป็น…”
เสียงของราชันลมปราณไม่แยแส “ไม่มีอะไรต้องกังวล เจ้าแค่พาเขามาที่นี่เท่านั้นพอ!”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ต้องลงมือเอง ทหารเหล่านั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาประสานมือเคารพและออกไปปฏิบัติตามคำสั่ง
ราชันลมปราณมองไปทางวังตะวันออก ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นอย่างเย้ยหยัน ความตั้งใจขององค์หญิงรัชทายาทที่จะส่งเสริมซูอันไว้ใช้งานไม่ได้หลุดพ้นจากการสังเกตของเขา เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นง่าย ๆ
ในขณะเดียวกัน ซูอันเพิ่งออกจากวังตะวันออก แต่ถูกเผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนหยุดไว้
“มีอะไรเหรอ?” ซูอันกล่าวด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าทั้งสองต้องการจะพูดอะไรกับเขาแต่ก็ลังเล
เผี่ยวตวนเตียวยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขา เขาพูดอย่างเงียบ ๆ ว่า “ท่านซู อีกสองสามวันข้างหน้าท่านต้องระวังให้มาก”
“ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนี้?” ซูอันตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพวกเขาดูจริงจังแค่ไหน
“ท่านรู้ไหมว่าทำไมเราสองคนถึงกลายเป็นหัวหน้าทหารราชองครักษ์ของวังตะวันออกได้?” เจียวซือกุนถาม
ซูอันอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อมองสองคนนี้ “เพราะเจ้าสองคนเป็นมังกรที่ซ่อนลายอยู่ภายในวังตะวันออก?”
พวกเขาชะงักไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจวลีที่ได้ฟัง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงพูดต่อไป “ไม่มีทางที่คนจากตระกูลเล็ก ๆ อย่างพวกเราจะมีคุณสมบัติพอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่มันเป็นเพราะราชองครักษ์ระดับสูงรุ่นก่อนที่มากความสามารถ… ในตอนนั้น… พวกเขาทำตัวโอหังเกินไป… และยั่วยุราชันลมปราณ… ราชันลมปราณไม่ได้พูดอะไรในเวลานั้น แต่วันรุ่งขึ้นพวกเขาไม่ได้เข้ารวมพลประจำวัน ทุกคนออกตามหาพวกเขา และท้ายที่สุดก็ได้พบกับศพหัวขาดสองศพ…”
“และหลังจากนั้นเหล่าทหารยศรองลงมาที่มีส่วนร่วมในการวิพากษ์วิจารณ์ราชันลมปราณทุกคนก็กลายเป็นศพไร้หัวไปตาม ๆ กัน”
“เรื่องนี้ทำให้เกิดความโกลาหลอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดเรื่องทั้งหมดก็เงียบลงไปโดยไม่มีข้อสรุปที่แท้จริง”
ซูอันตกตะลึง ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนในวังตะวันออกล้วนตัวสั่นเหมือนนกกระทาเปียกฝนเมื่ออยู่ต่อหน้าราชันลมปราณ ที่แท้เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ราชันลมปราณดูเหมือนเป็นบุคคลที่มีความปราณีตและทรงภูมิ คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีด้านที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถต่อสู้กับจักรพรรดิได้เป็นเวลานาน
ทันใดนั้น ซูอันก็สังเกตเห็นว่าทหารราชองครักษ์ทั้งสองกำลังมองเขาอย่างเป็นกังวล “ทำไมพวกเจ้ามองข้าแบบนี้?”
“สองคนก่อนนั้นแม้จะหยิ่งผยองโอหัง แต่สิ่งที่พวกเขากระทำก็ยังไม่ถึงขนาดทำให้ราชันลมปราณเสียหน้าอย่างที่ท่านทำไปเมื่อครู่…” พวกเขาตอบ “ขอให้ท่านโชคดี”
ทั้งสองถอนหายใจและเดินจากไปราวกับว่าซูอันเป็นคนที่ตายไปแล้ว
ซูอันมองร่างทั้งสองที่จากไปของพวกเขาอย่างมึนงง
ต้องยอมรับว่าถึงแม้จะน่าขบขัน แต่ชายสองคนนี้เป็นมิตรที่ดี อย่างน้อยก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเตือนเขา
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มไม่ได้หวาดกลัวขนาดนั้น ก็อย่างที่รู้ การยั่วยุราชันลมปราณเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เมื่อถึงหน้าคุกหลวง ซูอันได้พบกับโกวซือที่กำลังทำการลาดตระเวนกับกองทหารพอดิบพอดี ต่างคนต่างยิ้มทักทายกันอย่างเป็นมิตร “โอ้ น้องซู! ลมอะไรหอบเจ้ามาถึงที่นี่ได้?”
ก่อนหน้านี้ซูอันได้แก้ปัญหาที่ยากลำบากให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างพอใจในตัวอีกฝ่ายอยู่มาก
ซูอันยิ้ม ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนคำทักทายตามมารยาทกันหลายครั้ง จากนั้นซูอันจึงบอกโกวซือถึงความตั้งใจของเขา ซึ่งทำให้แม่ทัพกองทหารฝ่ายขวาประหลาดใจ “เราไม่ได้รับการสารภาพด้วยวาจาจากพวกเขาแล้วเหรอ? ทำไมยังต้องสอบสวนซ้ำอีก?”
“องค์หญิงรัชทายาทขอให้ข้าสอบสวนพวกเขาเพิ่มเติม” ซูอันตอบ “มันเป็นแค่งานตามหน้าที่น่ะท่านแม่ทัพ”
โกวซือเข้าใจ “ไม่เป็นไรน้องซู เจ้าถามพวกมันได้มากเท่าที่เจ้าต้องการ ข้าเคยอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับคนเหล่านี้ ตอนนี้คดีของเฉิงซยงได้ข้อสรุปแล้ว ซึ่งทำให้คนเหล่านี้ไร้ประโยชน์ จริง ๆ แล้วการเก็บพวกมันไว้ที่นี่รังแต่จะเป็นปัญหาหลายครั้งที่ข้าอยากจะ…”
เขาเอานิ้วโป้งปาดคอ “แต่จักรพรรดิไม่ทรงมีพระบัญชา ข้าจึงไม่กล้าทำอะไรตามใจ น้องซูถ้าทำได้ เจ้าช่วยข้าดูท่าทีของฝ่าบาทที่มีต่อพวกมันได้ไหม? ข้าจะได้รู้ว่าควรจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไร?”
“ทำไมถึงไม่ทูลถามพระองค์ด้วยตัวเองล่ะพี่โกว? ท่านมีตำแหน่งสูงกว่าข้ามาก” ซูอันตกใจมากเมื่อพบว่าจักรพรรดิยังไม่ได้บอกโกวซือว่าจะปล่อยพวกนักโทษไป ทำให้แผนการต่อไปนี้ของเขายากขึ้นไปอีก
โกวซือเริ่มรำคาญ “ข้าไม่กล้าเสี่ยงขนาดนั้นหรอก! จักรพรรดิทรงตำหนิเราหลายครั้งหลังจากเหตุโจมตีพระราชวัง ตอนนี้เมื่อเห็นชะตากรรมที่เฉิงซยงต้องเผชิญ ข้าก็ยิ่งควรเก็บปากเก็บคำให้มาก แต่เจ้าต่างหากน้องซู! จักรพรรดิทรงบอกข้าว่าเจ้าได้รับอนุญาตให้เข้าไปในคุกหลวงโดยเสรี และให้ความร่วมมือกับคำขอของเจ้า ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริง ๆ น้องซู มาอยู่วังหลวงเพียงไม่เท่าไร เจ้าก็ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทแล้ว!”
ซูอันสาปแช่งอยู่ในใจ โกวซืออาจจะตามความคิดของจักรพรรดิไม่ทัน ดูเหมือนข้าจะต้องหาทางช่วยนักโทษด้วยตัวเอง
หลังจากครุ่นคิด เขาก็พูดว่า “สำหรับตอนนี้ ได้โปรดถอนผู้คุมที่เป็นผู้บ่มเพาะทั้งหมดออกจากคุกก่อนก็แล้วกัน”
โกวซือตกใจกับคำขอของเขา “แล้วถ้านักโทษหนีไปล่ะ”
“เราอยู่ในวังชั้นใน” ซูอันกล่าว “พวกมันจะหนีไปได้อย่างไร? นอกจากนี้ทุกคนยังถูกโซ่เกี่ยววิญญาณของทูตยุทธ์เสื้อแพรล่ามไว้อีกด้วย”
โกวซือค่อนข้างลำบากใจ “แต่ทำไมจู่ ๆ เราต้องถอนผู้คุมออกล่ะ?”
ซูอันดึงเขาไปด้านข้างและพูดเสียงเบาว่า “ข้าต้องการให้พวกนักโทษเข้าใจผิดและคิดว่ามีโอกาสหลบหนี หากพวกมันได้รับความหวังในการเอาชีวิตรอดแล้ว อาจจะละเลยความระวังตัว สิ่งนี้จะช่วยให้ข้าได้รับข้อมูลเพิ่มเติม”
ดวงตาของโกวซือเป็นประกาย “ฉลาดมาก! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ครั้งล่าสุดเจ้าได้รับข้อมูลมากมายขนาดนั้น”
ด้วยเหตุนี้ โกวซือจึงรีบสั่งถอนบรรดาผู้คุมออก เหลือเพียงผู้คุมที่มีตำแหน่งต่ำสุดไว้คอยดูแลการปฏิบัติงานพื้นฐานของคุกหลวงเท่านั้น
หลังจากเสร็จสิ้นการถอนผู้คุมทั้งหมดออกแล้ว เขาก็รีบมาหาซูอันและพูดว่า “น้องซู จะทำอะไรก็ตามสบายเลยนะ เราได้กระชับการรักษาความปลอดภัยรอบ ๆ พระราชวังหลังจากเหตุโจมตีครั้งล่าสุด ข้าจำเป็นต้องลาดตระเวนต่อไป คงอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้แล้ว”