เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 962 นัดพบตบตา
บทที่ 962 นัดพบตบตา
บทที่ 962 นัดพบตบตา
ฉู่โหยวเจาขมวดคิ้ว หญิงคณิกาเหล่านี้ไม่มีความรู้สึกละอายเลยจริง ๆ อย่างไรก็ตาม ประโยคเหล่านี้เป็นสิ่งที่นางไม่สามารถพูดออกมาได้ “ข้าไม่คุ้นเคยกับการสัมผัสร่างกายกับผู้อื่น”
“ไม่มีปัญหา ข้าจะนั่งห่าง ๆ หน่อย” ส่วงเยว่ไม่ได้สงสัยอะไรเลย เนื่องจากนางได้พบกับผู้ชายทุกประเภทในสถานที่นี้ หลายคนมีพฤติกรรมแปลก ๆ “เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกของนายน้อย ผู้น้อยจะรินสุราให้เกียรติท่าน”
ฉู่โหยวเจากัดริมฝีปาก การกระทำของส่วงเยว่ทำให้นางรู้สึกละอายใจมากขึ้น นางไม่ได้ปฏิเสธเครื่องดื่ม เนื่องจากนางต้องการบางอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง
ส่วงเยว่ยิ้มเมื่อเห็นว่าฉู่โหยวเจาเต็มใจที่จะดื่มและรีบรินเหล้าใส่แก้วของชายผู้งดงามนี้ ในฐานะคณิกาอันดับหนึ่งแห่งหอคณิกาหลวง นางรู้เคล็ดลับทั้งหมดที่สามารถทำให้ลูกค้าของนางดื่ม ฉู่โหยวเจาที่ไม่มีประสบการณ์ย่อมไม่อาจต้านทานนางได้ แม้ว่าตอนแรกตั้งใจจะไม่ดื่มมากเกินไป แต่เมื่อผ่านไปเรื่อย ๆ นางก็เริ่มรู้สึกเมาขึ้นมาแล้ว
ภายในอาคาร ชิวฮัวเล่ยยิ้ม “น้องภรรยาตัวน้อยของเจ้าค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษ แต่ทั้งหมดทำให้เขาดูเป็นผู้หญิงเกินไป”
ซูอันกลอกตา น้องภรรยาของข้าคนนี้มีสมองหรือเปล่าเนี่ย? การมาที่หอคณิกาก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่เจ้ากลับดื่มมากขนาดนี้อีก? เจ้าไม่กลัวว่าเจ้าจะเมาจนตัวตนถูกเปิดเผยหรือไง?
หลังจากช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน เฉิงกังก็ไอและพูดว่า “แม่นางส่วงเยว่ เรามีเรื่องส่วนตัวที่ต้องพูดคุยกันเองสักหน่อย”
เล้งส่วงเยว่ลุกขึ้นและโค้งคำนับ “หากต้องการสิ่งใด นายท่านโปรดแจ้งให้ผู้น้อยทราบ” แล้วนางก็จากไปพร้อมกับผู้หญิงคนอื่น
ดววตาของซูอันพลันสว่างขึ้น “พวกเขากำลังเริ่มแล้ว!”
การรอคอยนี้ช่างเนิ่นนานจริง ๆ เขาต้องทนรออีกฝ่ายสำมะเลเทเมารื่นเริงโดยไม่สามารถทำอะไรได้
ชิวฮัวเล่ยดูกังวล “เราอาจไม่ได้ยินอะไรเลยถ้าพวกเขาจงใจปกปิดสิ่งที่กำลังจะพูด”
พวกเขาจงใจเลือกที่จะหารือเรื่องนี้ในลานกว้างเพราะพวกเขากังวลว่าอาจมีห้องแอบฟังอยู่ข้างใน
โครงสร้างหลักของที่พักอาศัยไม่ได้อยู่ห่างจากลานบ้านมากนัก ดังนั้นหากเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงก็ยังสามารถได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกันอยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อฉินกวงหยวนหยิบหินแปลก ๆ ออกมาวางบนโต๊ะ ซูอันและชิวฮัวเล่ยก็ไม่ได้ยินอะไรอีก
“นั่นเป็นศิลาเก็บเสียงที่ถูกคิดค้นโดยสถาบันหลวง มันสามารถป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดรอดออกจากรัศมีที่จำกัดไว้” ชิวฮัวเล่ยมีประสบการณ์และอธิบายได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น
“สถาบันหลวง?” ซูอันงงงันชั่วขณะ แต่เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่านี่อาจเป็นสถานศึกษาที่สูงที่สุดในราชวงศ์โจว
นักศึกษาที่โดดเด่นที่สุดจากสถานที่ต่าง ๆ เช่น สถาบันจันทร์กระจ่างจะลงทะเบียนเรียนในสถาบันหลวงเพื่อศึกษาต่อ และเมื่อจบการศึกษา พวกเขาจะกลายเป็นขุนนางในทันที
อันที่จริงนักศึกษาคนใดที่สามารถเข้าสู่สถาบันหลวงแห่งนี้ได้ย่อมดีพอที่จะเป็นขุนนางแล้ว อย่างไรก็ตามทุกคนยังคงต้องการบรรลุผลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายในสถาบันหลวงก่อนจากไป เหตุผลคือยิ่งการบ่มเพาะของพวกเขาก้าวหน้ามากเท่าไร จุดเริ่มต้นในอาชีพราชการของพวกเขาก็จะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของหน้าที่การงานในอนาคต
ชิวฮัวเล่ยเป็นกังวล “ข้าไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเลย ทำอย่างไรดี? ข้าควรให้ส่วงเยว่หาวิธีเข้าใกล้พวกเขาหรือไม่?”
“ไม่จำเป็น ข้ามีวิธี” ซูอันหลับตาลงและเริ่มมองไปรอบ ๆ เพื่อหาสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ รอบลานบ้าน นอกจากแมลงแล้ว เขายังพบหนูตัวใหญ่ อย่างไรก็ตามหนูจะถูกฆ่าอย่างรวดเร็วเมื่อพวกมันเข้าไปใกล้
ในที่สุดเขาก็เลือกแมวลายสลิดและสั่งให้มันเดินนวยนาดเข้าใกล้กลุ่มของเฉิงกังอย่างเกียจคร้าน
แมวเป็นสัตว์ที่หน้าตาน่ารัก คนพวกนี้คงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแย่ ๆ กับมันใช่ไหม?
แน่นอนว่าทั้งสี่คนสังเกตเห็นแมวทันทีที่มันเข้ามาใกล้ แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่ามันเป็นแค่แมว พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและปล่อยให้มันอยู่ของมันต่อไป
“วันนี้พาพวกเรามาที่นี่ทำไมนายน้อยเฉิง?” ฉินกวงหยวนถาม ท่าทางการนั่งของเขามั่นคง
ฝั่งตรงข้ามของเขา ฉินหย่งเต๋ออยู่ในลักษณะที่ผ่อนคลายมากกว่า เขาเอนตัวลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านราวกับว่าร่างกายไม่มีกระดูก
สำหรับฉู่โหยวเจา ใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะมึนเมา วิสัยทัศน์ของนางพร่ามัวเล็กน้อย ในเวลาอย่างนี้นางดูมีเสน่ห์มาก
เฉิงกังมองไปที่ฉู่โหยวเจาด้วยอาการเหม่อลอยอย่างลืมตัว นายน้อยของตระกูลฉู่ช่างมีเสน่ห์จริง ๆ ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนตระกูลธรรมดา ข้าคงจะลากเขากลับบ้านเพื่อเล่นด้วยสักหน่อยแน่ ๆ
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ชายรักชาย แต่ก็ไม่รังเกียจที่จะลองถ้าเป็นคนที่ดูอ้อนแอ้นไม่เหมือนชายอย่างฉู่โหยวเจา
เขากระแอมเบา ๆ และขับไล่คิดเหล่านี้ “พวกท่านทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่านักฆ่าจากการโจมตีครั้งก่อนล้วนยอมรับว่าถูกส่งมาจากราชันลมปราณ”
ฉู่โหยวเจาตบโต๊ะ “ดูก็รู้ว่าเราถูกใส่ร้าย!”
แอลกอฮอล์ทำให้นางกล้าหาญขึ้น
ฉินหย่งเต๋อยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเรายังสามารถบอกได้ว่านี่เป็นการใส่ร้าย ทำไมฝ่าบาทจะมองไม่ออก?”
ฉินกวงหยวนขมวดคิ้ว “ข้าเกรงว่าฝ่าบาทจะรู้ แต่แสร้งทำเป็นเห็นด้วย”
รอยยิ้มของฉินหย่งเต๋อหยุดนิ่ง และฉู่โหยวเจาก็ขมวดคิ้วเช่นกัน พวกเขาตระหนักดีว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นอย่างนั้น
เฉิงกังพูด “ตามที่คาดไว้ นายน้อย วิสัยทัศน์ของท่านเฉียบแหลมนัก นี่คือสิ่งที่พ่อของข้าเชื่อเช่นกัน จักรพรรดิอาจใช้การโจมตีนี้เป็นข้ออ้างในการเล่นงานฝ่ายราชันลมปราณ สถานการณ์ปัจจุบันของพ่อข้าค่อนข้างสุ่มเสี่ยง และเขาไม่สามารถเข้าพบผู้บัญชาการทัพด่านหน้าและแม่ทัพใหญ่รักษามาตุภูมิได้โดยตรง นี่คือเหตุผลที่เขาต้องการให้เราเป็นคนกลาง”
ซูอันพยักหน้า ที่จริงแล้วคนเหล่านี้มาที่หอคณิกาหลวงเพียงเพื่อตบตาคนอื่น
ฉินกวงหยวนถามว่า “ท่านพ่อของท่านคิดว่านักฆ่าพวกนั้นมาจากไหน?”
เฉิงกังส่ายหัว “เขายังไม่ได้คำตอบเช่นกัน เรารู้แค่ว่าผู้นำของนักฆ่าคือหญิงสาวผมยาวที่มีการบ่มเพาะระดับปราชญ์”
“หญิงสาวผู้บ่มเพาะระดับปราชญ์?” ฉู่โหยวเจากล่าวด้วยเสียงสูง นางมักจะหงุดหงิดกับความจริงที่ว่านางไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย เพราะมันจะช่วยแก้ปัญหาของตระกูลฉู่ได้มากมาย
แต่เมื่อได้ยินว่านักฆ่าเพศหญิงผู้นั้นเป็นผู้บ่มเพาะระดับปราชญ์ นางก็อดรู้สึกชื่นชมไม่ได้
ฉินหย่งเต๋อยิ้ม “โหยวเจาอย่าหลงกลรูปลักษณ์ภายนอก ผู้ที่มีการบ่มเพาะสูงส่งสามารถรักษาความเยาว์วัยได้ ภายนอกนางอาจดูเหมือนหญิงสาว แต่จริง ๆ แล้วอายุของนางอาจจะเป็นยายเฒ่าก็ได้”
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ ถ้าเจ้าไปพูดอย่างนี้ต่อหน้าอวิ้นเจียนเยว่ล่ะก็ นางจะทุบกระโหลกโง่ ๆ ของเจ้าจนแตกกระจาย!
ว่าแต่…พี่สาวเจ้าสำนักอายุเท่าไรกันแน่?