เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 956 นายท่านลึกลับ
บทที่ 956 นายท่านลึกลับ
บทที่ 956 นายท่านลึกลับ
ซูอันใจแป้ว นี่คือที่มาของปัญหา…
เขาตอบว่า “ถูกต้อง ข้าไปขอยาจริง ๆ”
มีพยานรู้เห็นหลายคน ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธไม่ได้
“แล้วทำไมปราชญ์ถึงต้องโจมตีดวงวิญญาณของคนอย่างเจ้า” เฉิงซยงซักต่อ “นอกจากนี้นักฆ่าหญิงยังปกปิดตัวตนในตอนแรก ไม่มีทางที่นางจะใช้การโจมตีวิญญาณใด ๆ ดวงวิญญาณของเจ้าจะได้รับความเสียหายได้อย่างไร? จากที่ข้าเห็น เจ้ากำลังมองหายารักษาดวงวิญญาณสำหรับนักฆ่าหญิงที่บาดเจ็บ”
ซูอันเกือบจะยกนิ้วให้ผู้ชายคนนี้ เขาเกือบจะอนุมานทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง!
แน่นอนว่าไม่มีทางที่ซูอันจะยอมรับ “แม่ทัพเฉิงไม่ใช่ปราชญ์ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าปราชญ์คิดอย่างไร? ถ้าเจ้าเพิ่งพูดกับภรรยาในชนบทที่บังเอิญอ้างว่าจักรพรรดินีเสวยแป้งทอดจนท้องเสีย เจ้าก็ถือว่ามันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?”
“เจ้า…!” ร่างกายของเฉิงซยงสั่นเทาด้วยความโกรธ ปากของชายคนนี้น่ากลัวจริง ๆ เขารู้สึกล้าหลังสองก้าวเสมอ
—
ท่านยั่วยุเฉิงซยงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +311…311…311…
—
“โอหัง!” สายตาที่ลึกล้ำของจักรพรรดิได้จับจ้องไปที่ซูอัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับการใช้จักรพรรดินีในการเปรียบเทียบ
ดวงตาของจักรพรรดิราวกับไฟที่ลุกโชนขณะที่เขามองซูอัน “ข้าจำไม่ได้ว่าวิญญาณของเจ้าได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไรนับจากวันที่เจอเจ้าครั้งสุดท้ายในห้องหนังสือของข้า”
มุมปากของเฉิงซยงฉีกยิ้มเกือบจะถึงหูของเขาแล้ว เมื่อจักรพรรดิเห็นด้วยเรื่องก็คลี่คลาย ทั้งหมดที่เขาต้องทำตอนนี้คือนั่งดูการแสดงดี ๆ
ซูอันพยายามอธิบายตัวเองให้ดีที่สุด “ในตอนนั้น กระหม่อมไม่รู้ว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่ออกจากห้องหนังสือส่วนพระองค์แล้ว อาการบาดเจ็บทางดวงวิญญาณของกระหม่อมก็ปะทุขึ้น”
จักรพรรดิขมวดคิ้ว ปราชญ์มีความสามารถดังกล่าวอย่างแท้จริง
เฉิงซยงเยาะเย้ย “ท่านสิบเอ็ด คำโกหกพวกนี้ไม่มีความหมายต่อหน้าองค์จักรพรรดิ สิ่งที่พระองค์ต้องการก็คือการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวเพื่อดูว่าดวงวิญญาณของเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
จากนั้นเขาคำนับต่อจักรพรรดิ “ฝ่าบาท!”
จักรพรรดิพยักหน้าแล้วจ้องไปที่ซูอัน แสงสีทองจาง ๆ สองเส้นล้อมรอบซูอัน ชัดเจนจนแทบจะจับต้องได้ เขาไม่ได้รับโอกาสแม้แต่น้อยที่จะปกป้องตัวเอง
มาดูกันว่าเจ้าจะทำอย่างไร?!
เฉิงซยงสั่นเทาด้วยความปีติยินดี ผู้ชายคนนี้รับมือได้ยากมาก เขาได้ลองใช้อุบายทุกอย่างแต่ไม่เป็นผล โชคดีที่เขามีจักรพรรดิที่ทรงอำนาจเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถหลอกลวงองค์จักรพรรดิได้
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ นี่จะต้องเป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่ง เขาเพิ่งใช้ทักษะ ‘คีย์บอร์ดจงมา!’ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับดวงวิญญาณ และเขายังใช้สมุนไพรห้ารากเพื่อรักษาตัวเองด้วย ตอนนี้เขากำลังถูกตรวจสอบ เกือบจะเหมือนกับการเข้าสอบโดยรู้คำตอบล่วงหน้าอยู่แล้ว!
จักรพรรดิมองซูอันอีกครั้งแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ดวงวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บจริง ๆ และมีร่องรอยคลื่นพลังจากสมุนไพรห้าราก”
“อะไรนะพะย่ะค่ะ!?” รอยยิ้มของเฉิงซยงแข็งค้างทันที
เป็นไปได้อย่างไร!?
“บางทีอาจมีข้อผิดพลาด…” เฉิงซยงเริ่มแย้ง
จักรพรรดิก็ตัดบททันที “เจ้ากำลังสงสัยในคำพูดของข้าหรือ?”
เฉิงซยงถูกปกคลุมด้วยเหงื่อชื้นเย็น “กระหม่อมไม่กล้า! แต่ตอนนักฆ่ารุมล้อมวัง ทหารรักษาการณ์ประตูวังได้รายงานว่ามีทูตยุทธ์เสื้อแพรทองสองคนออกจากวัง ผลสืบสวนของกระหม่อมระบุว่าไม่มีทูตยุทธ์เสื้อแพรทองคนอื่นในวังนอกจากท่านสิบเอ็ด นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาใช้เครื่องแบบพานักฆ่าออกจากวัง เราจะค้นพบความจริงถ้าเราตรวจสอบเครื่องแบบของเขา”
“โอ้?” จักรพรรดิมองที่ซูอันอีกครั้ง
ซูอันเริ่มตื่นตระหนก ถึงแม้ว่าเขาจะเคยใช้ ‘คีย์บอร์ดจงมา!’ เพื่อเสกให้เครื่องแบบปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า แต่เวลาผ่านไปแล้วและเครื่องแบบก็หายไปแล้ว
ผลของของ ‘คีย์บอร์ดจงมา!’ เป็นเพียงชั่วคราวและจะหายไปหลังจากระยะเวลาหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเขาคงสามารถโอ้อวดไปทั่วได้ว่าเขาคือตัวตนอันดับหนึ่งในโลกหล้าและดวงวิญญาณของเขาอยู่ยงคงกระพัน! เพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับความเสียหายจากผลสะท้อนต่อดวงวิญญาณหลังจากใช้ทักษะ
ในขณะเดียวกันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม ข้าได้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง สิบเอ็ดมีชุดเครื่องแบบครบชุด และไม่มีร่องรอยว่าจะมีใครสวมชุดเหล่านั้น” จูเซี่ยฉือซินเดินเข้ามา ดวงตาเรียวยาวของเขาจับจ้องไปที่เฉิงซยง
เฉิงซยงเริ่มตื่นตระหนก “ฝ่าบาท ทูตยุทธ์เสื้อแพรอาจปกป้องกันและกัน…”
ใบหน้าของจูเซี่ยฉือซินมืดลง “โปรดระวังคำพูดของท่านด้วยแม่ทัพเฉิง! ข้าเคยปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เมื่อใดกัน? เจ้าอย่าได้กล่าวหาผู้อื่นอย่างเลื่อนลอย!”
“พอแล้ว! จะไม่มีการพูดในเรื่องนี้อีกต่อไป อย่าทะเลาะกันเอง และมุ่งความสนใจไปที่การสืบสวนของพวกเจ้า จูเซี่ยฉือซินคอยก่อน คนอื่นออกไปได้!” จักรพรรดิพูดอย่างเย็นชาแล้วหลับตาลง ดูเหมือนเขาจะพูดทั้งหมดที่เขาต้องการแล้ว
“รับบัญชาพะย่ะค่ะ!” เฉิงซยงไม่กล้าพูดอะไรอีกและรีบถอยออกไป
ซูอันมองจูเซี่ยฉือซินด้วยความรู้สึกขอบคุณและจากไปเช่นกัน เขาไม่กล้าพูดอะไรในขณะที่อยู่ข้างใน แต่เมื่อพวกเขาอยู่ข้างนอก เขาพูดว่า “แม่ทัพเฉิง ทำไมท่านถึงมุ่งเป้ามาที่ข้าไม่หยุดหย่อน? ข้าทำให้ท่านขุ่นเคืองอะไรหรือเปล่า?”
เสียงของเฉิงซยงนั้นเบาผิดปกติ “ข้าไม่รู้ว่าท่านหมายถึงอะไรท่านสิบเอ็ด แม่ทัพคนนี้ไม่เคยกระทำตามความแค้นส่วนตัว ข้าเป็นเพียงขุนนางตงฉินผู้หนึ่ง”
ซูอันต้องชื่นชมความไร้ยางอายของผู้ชายคนนี้ แต่เขาไม่ได้คิดจะคุยกับอีกฝ่ายเพื่อผูกมิตรตั้งแต่ต้น แต่มันเป็นเพื่อรวบรวมคะแนนความโกรธแค้น! “ทว่าข้าล่ะแช่มชื่นใจจริง ๆ ที่แม้ว่าแม่ทัพจะเกลียดข้า แต่กลับไม่สามารถทำอะไรข้าได้เลย ฮ่า ๆๆ!”
หลังจากพูดประโยคนี้ซูอันก็เดินออกไป
เฉิงซยงถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ใบหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยวและควันก็เริ่มลอยขึ้นมาจากหัวของเขา
—
ท่านยั่วยุเฉิงซยงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999…+999…+999…
—
ผู้ช่วยคนสนิทของเฉิงซยงเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ “ท่านแม่ทัพ ทำไมเรายังจะยึดเขาเป็นเป้าหมายต่อไป? เขาเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพรทอง มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับเขา…”
สถานะของทูตยุทธ์เสื้อแพรทองนั้นยากพอที่จะรับมือได้อยู่แล้ว และตอนนี้ ‘สิบเอ็ด’ ได้รับการสนับสนุนจากจูเซี่ยฉือซิน พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าเฉิงซยงคำนวณผิดพลาดในครั้งนี้
เฉิงซยงพ่นลมหายใจ “พวกเจ้าไม่รู้อะไรเลย! จักรพรรดิทรงมุ่งเป้ามาที่ฝ่ายของราชันลมปราณมาระยะหนึ่งแล้ว และการพยายามลอบสังหารเหล่านี้ก็เป็นข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบ เห็นได้ชัดว่าพระองค์วางแผนที่จะกำจัดข้าก่อน ข้าจึงต้องชิงลงมือก่อนด้วยการหาแพะรับบาปซึ่งจะทำให้ข้าผ่านวิกฤตนี้ไปได้!”
ความจริงไม่ได้สำคัญเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาต้องหาคนมารับผิดแทน
ทูตยุทธ์เสื้อแพรทองหมายเลขสิบเอ็ดดูเหมือนผู้ที่เหมาะสมที่สุด เขามีสถานะสูงพอ แต่ฐานอำนาจของเขายังไม่มั่นคง ไม่เพียงเท่านั้น ความสัมพันธ์ของเขากับนักฆ่ายังน่าสงสัย เขาเป็นแพะรับบาปที่สมบูรณ์แบบ!
หลังจากออกจากห้องหนังสือส่วนพระองค์แล้ว ซูอันกำลังจะกลับไปหาพี่สาวเจ้าสำนักของเขาเพื่อหารือเกี่ยวกับเฉิงซยง
อย่างไรก็ตามจู่ ๆ นางกำนัลก็เข้ามาหาเขา “ท่านสิบเอ็ด เจ้านายของข้าขอเชิญท่านพบปะสักครู่”
“ใครเป็นเจ้านายของเจ้า” ซูอันถามด้วยความสงสัย เขารู้จักใครในวังหลังอีกบ้าง?
นางกำนัลไม่ตอบตรง ๆ “ท่านจะรู้เองเมื่อไปถึง ท่านสิบเอ็ด”