เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 873 ไม่มีทางสายกลาง
บทที่ 873 ไม่มีทางสายกลาง
บทที่ 873 ไม่มีทางสายกลาง
ซูอันรู้ว่าจักรพรรดินั้นสงสัยอยู่แล้ว และไม่กล้าประมาท เขาพิจารณาคำถามอย่างรอบคอบแล้วตอบว่า “กระหม่อมเป็นเพียงแค่คนธรรมดาแต่ทว่าตอนนี้กลับถูกดึงดูดเข้าสู่วังวนการต่อสู้ระหว่างฝ่าบาทและราชันลมปราณ พวกท่านทั้งสองสามารถปลิดชีวิตอันไร้ค่าของกระหม่อมได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากพลิกฝ่ามือ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้กระหม่อมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า”
แน่นอนว่าเขาไม่ได้โกหกในเรื่องนี้ นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่ชายหนุ่มกังวลมากเช่นกัน เขาต้องเผชิญกับการลอบสังหารทุกรูปแบบระหว่างทางมาเมืองหลวง แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าราชันลมปราณเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดหรือไม่ แต่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้างอย่างแน่นอน
การที่ราชันลมปราณกล้าที่จะต่อกรกับจักรพรรดิเช่นนี้ ราชันลมปราณย่อมต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดคนหนึ่ง ถ้าเขาเข้าไปพัวพันกับการปะทะกันของมหาอำนาจสองฝ่าย เขาอาจจะไม่รอดแม้ว่าจะมีเก้าชีวิตก็ตาม
จักรพรรดิผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ “มันสายเกินไปแล้วที่เจ้าจะพยายามหลีกเลี่ยง เจ้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเต็มตัวไปแล้ว”
ซูอันเงียบไป เขาตระหนักรู้เช่นกันว่าเขาได้เข้าร่วมมหกรรมการแก่งแย่งชิงบัลลังก์นี้ไปเรียบร้อยตั้งแต่เขาเปิดเผยข่าวเกี่ยวกับวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เสียใจที่เปิดเผยวิชานี้ต่อสาธารณะ หากปราศจากชื่อเสียงของจักรพรรดิที่คอยกดดันขั้วอำนาจต่าง ๆ ไม่ให้ตามล่าเขาอย่างออกนอกหน้า เขาคงไม่อยู่รอดมาได้นานขนาดนี้พอที่จะกลายเป็นหนึ่งในเบี้ยของจักรพรรดิ เขาคงถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลักพาตัวไปทรมานเพื่อรีดเอาความลับของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ
ซูอันเปิดหนังสืออ่าน เขาสามารถบอกได้ว่าเนื้อหาเคล็ดวิชาที่บันทึกไว้ภายในนั้นล้ำลึกเช่นกัน แต่เนื่องจากจักรพรรดิตั้งใจจะมอบมันให้กับราชันลมปราณ ดังนั้นมันจะต้องไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอน
ถ้าเขาจำไม่ผิด ราชันลมปราณเป็นน้องชายขององค์จักรพรรดิ
เขาคิดว่าราชันลมปราณค่อนข้างมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่แล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับจักรพรรดิยังถือว่าด้อยกว่า
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะค่อนข้างฉลาด แต่ข้าคงต้องขอย้ำเตือนเรื่องเกี่ยวกับตระกูลฉู่และตระกูลฉินให้เจ้าฟังสักหน่อย เผื่อเอาไว้เวลาเจ้ามีความคิดโง่ ๆ จะได้มีบางสิ่งยั้งใจเจ้าเอาไว้บ้าง ตระกูลฉินเป็นหนึ่งในขุมกำลังหลักภายใต้ฝ่ายของราชันลมปราณ หากเจ้าเข้าข้างราชันลมปราณและทรยศต่อข้าล่ะก็…หึ ๆ ห้อง ‘ตอน’ ยินดีต้อนรับขันทีคนใหม่เสมอ รวมถึงฝ่ายงานพิธีรื่นเริงเองก็ขาดแคลนนางระบำรุ่นใหม่ ๆ เช่นกัน ตระกูลฉู่มีสาวงามที่โดดเด่นหลายคน เช่น หว่านหรูและลูกสาวของนาง…เจ้าควรคิดถึงผลลัพธ์ทุกอย่างให้ถี่ถ้วนก่อนทำสิ่งใดก็แล้วกัน…”
ซูอันบังคับตัวเองให้อดทนเข้าไว้
จักรพรรดิผู้นี้มันจะเกินไปแล้ว! เขาขู่เข็ญกันอย่างเปิดเผย!
จักรพรรดิหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีของเขา “อย่าคิดว่าข้าเป็นคนเลวทรามเลย ลองพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ ระหว่างการเดินทางมาที่นี่ ใครกันที่พยายามจะฆ่าเจ้าและพวกมันได้รับความสูญเสียจากเจ้ามากแค่ไหน? มีความเกลียดแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้ระหว่างเจ้ากับพวกมัน ทางเลือกเดียวของเจ้าคือรับใช้ข้าถูกต้องไหม?”
“ส่วนฐานะลูกเขยของตระกูลฉู่ของเจ้านั้นก็ไร้ประโยชน์ต่อตระกูลฉิน เนื่องจากทั้งสองตระกูลไม่ลงรอยกันมาหลายปีแล้ว แม้ว่าเจ้าจะอยากเข้าร่วมกับฝ่ายของราชันลมปราณโดยหวังว่าพวกนั้นจะเต็มใจมองข้ามความบาดหมางที่ผ่านมาทั้งหมด เจ้าจะเป็นเพียงลูกเขยของตระกูลฉู่เท่านั้น ไม่มีสถานะใด ๆ ให้พูดถึง แต่ถ้าเจ้าทำงานให้ข้าได้ดี ไม่ว่าจะเป็นภรรยาของเจ้า น้องภรรยาของเจ้า หรือสาวงามคนใดในเมืองหลวง เจ้าสามารถเลือกเอาได้เลย ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ตัวดีว่าควรจะทำอะไร”
ในฐานะจักรพรรดิเขาไม่ค่อยได้พูดมากขนาดนี้ แต่เรื่องนี้สำคัญมาก เขาต้องพูดทุกอย่างให้ชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้ซูอันมีความหวังไปเข้าร่วมกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ซูอันแอบก่นด่าจักรพรรดิ ข้ามีชูเหยียนอยู่แล้วจะต้องให้เจ้าช่วยหาผู้หญิงตระกูลฉู่อีกทำไม!?
“เอ๊ะ? นี่หมายถึงรวมฮูหยินฉู่ด้วยงั้นเหรอ?” เขาโพล่งออกไปโดยไม่รู้ตัว
จักรพรรดิเอ๋ย! นี่เจ้ามีรสนิยมแปลกประหลาดหรืออย่างไร? นางเกือบจะเคยเป็นสนมคนหนึ่งของเจ้าเชียวนะ!
แน่นอนว่าเรื่องนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเนื่องจากความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของเขากับฉู่ชูเหยียน
จักรพรรดิอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเขาตระหนักถึงความหมายเบื้องหลังคำพูดของซูอัน รอยยิ้มแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “เจ้ามีความคิดเช่นนั้นต่อฉินหว่านหรูงั้นหรือ…?”
ในฐานะจักรพรรดิ เขาไม่กลัวว่าข้าราชบริพารจะมีความปรารถนา สิ่งที่เขากลัวคือการขาดความปรารถนา ความปรารถนาจะทำให้ควบคุมได้ง่ายขึ้น
ใบหน้าของซูอันมืดลง เจ้าเป็นคนพูดเอง! เกี่ยวอะไรกับข้า!?
จักรพรรดิกล่าวต่ออย่างสบาย ๆ ว่า “แน่นอนว่าความปรารถนาของเจ้านั้นไม่ยากที่จะเป็นจริงได้ เมื่อใดที่ฝ่ายราชันลมปราณพ่ายแพ้และตระกูลฉู่ผูกติดอยู่กับฝ่ายของราชันลมปราณ ความพ่ายแพ้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย ฝ่ายงานรื่นเริงจะรับตัวผู้หญิงตระกูลฉู่เข้าไปซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าสามารถเรียกไถ่พวกนางไปไว้ที่คฤหาสน์ของเจ้าและทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการกับพวกนางได้ จะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ส่วนพวกนางจะมีเพียงน้ำตาแห่งความสำนึกในบุญคุณต่อเจ้า”
ฝ่ายงานรื่นเริงเป็นที่อยู่ของเหล่าภรรยาและลูกสาวของขุนนางที่ทรยศ แม้ว่าพวกนางจะถูกมองว่าเป็นโสเภณีของหลวงแต่ก็ได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายยิ่งกว่าโสเภณีส่วนตัว สาวงามในหอคณิกาปกติยังมีโอกาสไถ่ตัว แต่ผู้หญิงในฝ่ายงานรื่นเริงไม่มีความหวังที่จะออกมาได้ ทางเดียวที่พวกนางจะเป็นอิสระได้ก็คือตัวจักรพรรดิเองต้องเห็นชอบด้วย
แต่จักรพรรดิส่งผู้หญิงเหล่านั้นไปยังฝ่ายงานรื่นเริงเพื่อลงโทษเหล่าขุนนางที่ฝ่าฝืนกฎไม่ให้ผู้ใดเอาเป็นเยี่ยงอย่าง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะปล่อยให้พวกนางมีอิสรภาพ
แน่นอนว่าถ้าซูอันทำงานได้ดี เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จักรพรรดิจะประทานสาวงามที่เขาต้องการให้ หากตระกูลฉู่เกิดภัยพิบัติ เขายังคงสามารถขอความกรุณาจากพระองค์ได้ ดังนั้นจักรพรรดิไม่ได้โกหก เมื่อกล่าวว่าหญิงสาวในตระกูลฉู่จะรู้สึกสำนึกในบุญคุณต่อซูอันมาก
ทว่าซูอันไม่ตกหลุมพรางง่าย ๆ!
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคล้อยตามกับคำพูดเหล่านี้ แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นชายหนุ่มที่ผ่านการศึกษาของยุคสมัยใหม่ เขาจะสามารถทำสิ่งผิดที่หลักศีลธรรมอย่างเช่นการแทงหลังตระกูลฉู่เพื่อผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวเองได้อย่างไร?
แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้โง่พอที่จะปฏิเสธออกไปให้จักรพรรดิได้ยิน เนื่องจากนี่เป็นวิธีเดียวที่เขาจะรอดจากการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิกับราชันลมปราณ เขาควรรักษาความเข้าใจผิดไว้จะดีกว่า
ซูอันเลือกที่จะพูดคุยเรื่องอื่นแทน “กระหม่อมสงสัยว่าฝ่าบาทจะทรงวางแผนให้ราชันลมปราณเชื่อกระหม่อมได้อย่างไรพะย่ะค่ะ? ฝ่าบาทจะแสร้งทำเป็นกักขังกระหม่อมและให้คนของราชันลมปราณมาช่วยอย่างนั้นเหรอ?”
เขาควรจะเป็นสายลับดีหรือไม่? น่าเสียดายที่สายลับในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ไม่เคยพบกับจุดจบที่ดี…
จักรพรรดิพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อเขาเห็นว่าซูอันยอมรับบทบาทใหม่เร็วแค่ไหน “ไม่ มันชัดเจนเกินไป ราชันลมปราณระวังตัวเสมอ เขาจะไม่ตกหลุมพรางตื้น ๆ แบบนั้น”