เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 669 เริ่มต้นแผนการ
บทที่ 669 เริ่มต้นแผนการ
บทที่ 669 เริ่มต้นแผนการ
เมื่อสังเกตเห็นความตื่นเต้นในตัวพระสวามีที่ปกติมักจะเงียบงันของตัวเอง อวิ๋นอวี้ชิงก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเขา “วิชาวัฏจักรหงส์อมตะเป็นเพียงตำนานเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยได้ฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายพันปี มันอาจจะไม่ได้ดีเลิศเลอขนาดนั้นก็ได้ ดูสิ แม้แต่ซูอันคนนี้ก็ยังถูกจับได้ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ยังบ่มเพาะวิชาในตำนานนั่น! นี่เป็นการพิสูจน์ว่าวิชาลับนี้ไม่ได้ดีเหมือนอย่างข่าวลือ”
อ๋องอู๋หัวเราะ “จากแหล่งข้อมูลของเรา ซูอันเป็นเพียงคนไร้ค่าอาศัยอยู่ตามท้องถนน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในเวลาเพียงไม่กี่เดือน นี่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรมถึงความมหัศจรรย์ของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะหรอกเหรอ? แม้แต่เศษขยะก็สามารถเปลี่ยนเป็นอัจฉริยะได้! ดังนั้นแล้ว ด้วยพรสวรรค์ของข้า ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างยิ่งยวดแน่นอน”
“มีอีกเรื่องที่เจ้าอาจไม่รู้เช่นกัน เมื่อสองสามทศวรรษก่อน พระราชบิดาของข้าแอบส่งผู้บ่มเพาะที่มีอำนาจซึ่งนำโดยขันทีที่ไว้ใจได้ออกไปสำรวจดินแดนที่ไม่รู้จัก เป้าหมายของการสำรวจครั้งนั้นคือการตามหาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ! ในตอนนั้น ทุกคนคิดว่าทั้งกลุ่มถูกกำจัดไปแล้ว และไม่มีใครพบวิชาลับในตำนานนั่น อย่างไรก็ตาม จากข่าวกรองล่าสุด ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นจะค้นหาได้สำเร็จ แต่ขันทีที่ดูแลก็ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ และสังหารสหายของเขาทั้งหมด จากนั้นเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลฉู่ในเมืองจันทร์กระจ่าง และช่วยเหลือซูอันเอาไว้”
คิ้วที่สวยงามของอวิ๋นอวี้ชิงขมวดเข้าหากัน “นี่หมายความว่าวิชาวัฏจักรหงส์อมตะเป็นสิ่งที่จักรพรรดิต้องการอย่างแน่นอนหรือไม่? ท่านกล้าขัดแย้งกับบิดาของท่านจริงเหรอ?”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการยึดมันไว้ด้วยตัวเราเองโดยตรงนั้นเป็นการรนหาที่ตาย” อ๋องอู๋มองพระชายาของตัวเองอย่างมีความหมาย “นี่เป็นเหตุผลที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วย”
“ข้า?” อวิ๋นอวี้ชิงรู้สึกสับสน
อ๋องอู๋พ่นลมหายใจ “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่แฝงตัวอยู่ในโลกมนุษย์มาช้านาน?”
“เผ่าปีศาจ…” การได้ยินคำพูดเหล่านี้ทำให้ใบหน้าที่สวยงามของอวิ๋นอวี้ชิงเปลี่ยนเป็นสีซีด
อ๋องอู๋เดินไปข้างเตียงโดยเอามือไว้ข้างหลัง “แม้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ของข้าจะชนะหลังจากสงครามหลายศตวรรษ แต่ข้าก็ยังยอมรับจุดแข็งของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ”
“ตัวอย่างเช่น ภูตดำนั้นเก่งกาจในการลอบสังหาร ในขณะที่เผ่าพันธุ์ปีศาจของเจ้ามีความงดงาม และความสามารถในการสร้างเสน่ห์ให้ผู้อื่นหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น!
“ด้วยความสามารถของเจ้า ไม่เพียงแต่เจ้าจะสามารถหลอกล่อซูอันที่ไม่มีประสบการณ์ได้เท่านั้น แม้แต่ทูตยุทธ์เสื้อแพรของเสด็จพ่อก็ไปไหนไม่รอดเช่นกัน นี่คือเหตุผลที่เจ้าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานนี้”
อวิ๋นอวี้ชิงเป็นทุกข์อย่างเห็นได้ชัด “ถ้าไม่ใช่เพราะสงคราม ก็ไม่มีเผ่าปีศาจคนไหนเต็มใจใช้รูปลักษณ์ของเราเพื่อสะกดจิตผู้อื่น!”
น้ำเสียงของอ๋องอู๋อ่อนลงเมื่อเห็นความเศร้าโศกของนาง “พระชายาข้าไม่มีทางเลือกเช่นกัน! ข้าเป็นเพียงอ๋องที่ถูกทอดทิ้ง ขุนนางแทบทั้งหมดไม่เคารพข้าแม้แต่น้อย แม้แต่ในเมืองแผ่นฟ้าอุดรก็ไม่ต่างกัน นี่คือเหตุผลที่ข้าไม่สามารถทำการใหญ่ได้เลย แม้ว่าข้าจะมีแผนที่ดีในหัวมากมาย แต่ถ้าข้าสามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป! ทรัพยากรของโลกจะขึ้นอยู่กับข้า! มันจะง่ายกว่ามากที่ข้าจะช่วยเผ่าของเจ้าให้พ้นจากความทุกข์ยากและปลดปล่อยพวกเขาจากการเป็นทาส”
อวิ๋นอวี้ชิงกัดริมฝีปาก นางมีสีหน้าหวั่นไหว “ข้าจะลองดู แต่ข้ารู้ว่ามนุษย์สนใจเรื่องพรหมจรรย์มากแค่ไหน ถ้าข้าพยายามยั่วยวนเขา และแม้ว่าท้ายที่สุดจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าก็ไม่มีทางพิสูจน์ให้ท่านรู้ได้เลยว่าข้ายังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่ ท่านจะหันหลังให้ข้าเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า?”
อ๋องอู๋หัวเราะและกล่าวว่า “ย่อมไม่! ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ข้าก็จะมีความสุขทั้งนั้น”
“มีความสุข!?” อวิ๋นอวี้ชิงตกตะลึงจนเบิกตากว้าง
อ๋องอู๋ได้เปิดเผยรสนิยมอันแปลกประหลาดของตัวเองอย่างหนึ่งของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นเขาจึงแก้ไขตนเองทันที “สิ่งที่ข้าพยายามจะพูดคือข้าเชื่อใจเจ้าร้อยส่วน ยิ่งกว่านั้น ด้วยความรักที่เรามีต่อกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะยืนเคียงข้างเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข ข้าจะรักเจ้า และเชื่อใจเจ้า เจ้ามีความเชื่อใจเพียงเล็กน้อยในความรักที่เรามีต่อกันหรือไม่?”
“ข้ารักท่าน!” ความเศร้าโศกของอวิ๋นอวี้ชิงหายไปทันที แทนที่ด้วยรอยยิ้มแจ่มใส นางเอนตัวพิงเขาอย่างแผ่วเบา
มีความมืดมิดซ่อนอยู่หลังรอยยิ้มของอ๋องอู๋ เขามีความชื่นชอบแปลก ๆ ที่ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถเข้าใจได้
เขามักจะรู้สึกถึงการกระตุ้นและความคาดหวังอันลึกลับทุกครั้งที่นึกถึงมัน
แน่นอนว่าพระชายาของเขาสวยและรักเขามาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกผิดทุกครั้งที่มีความคิดนี้เกิดขึ้น
น่าเสียดายที่อวิ๋นอวี้ชิงไม่รู้เกี่ยวกับด้านนี้ของสามี นางเพียงต้องการทำให้งานของนางเสร็จลุล่วงและช่วยแบ่งปันความกังวลของสามี และยิ่งไปกว่านั้น การทำภารกิจนี้สำเร็จอาจช่วยตระกูลของนางให้พ้นจากความทุกข์ยาก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจหลักให้กับนาง
หลังจากเหม่อลอยครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่พักหนึ่ง นางจึงขอตัวจากอ๋องเหลียงและคนอื่น ๆ “ท่านลุงทั้งหลาย ขอให้สนุกให้เต็มที่ ผู้น้อยไม่ค่อยสบายนัก ดังนั้นคงต้องตัวไปพักผ่อนก่อน”
“พระชายาไปพักเถิด” อ๋องเหลียงและหลิวเหย่าแอบมองผู้หญิงที่งามล่มเมืองคนนี้อยู่ตลอดเวลา ทั้งคู่ดูผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่านางกำลังจะจากไป
แต่พวกเขารู้ว่าไม่มีเหตุผลที่จะให้นางอยู่เป็นเพื่อนในขณะที่พวกเขากำลังหาความสำราญ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รั้งให้นางอยู่ต่อ
หลังออกจากห้องจัดเลี้ยง อวิ๋นอวี้ชิงไม่ได้กลับไปที่ห้องของนาง แต่เรียกสาวใช้กลุ่มหนึ่งให้นำอาหารที่เตรียมไว้ล่วงหน้าไปยังเรือนที่กักขังนักโทษ
“หยุด!” พวกนางไม่ได้พยายามปกปิดตัวเอง ดังนั้นลูกน้องของหวงฮุ่ยฮงจึงสังเกตเห็นพวกนางอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นอวี้ชิงยิ้ม “พวกท่านทุกคนทำงานหนักมาโดยตลอด เราจึงได้เตรียมอาหารชั้นเลิศนี้ไว้ให้สำหรับพวกท่านทุกคนแล้ว”
บรรดาลูกน้องของหวงฮุ่ยฮงเหล่านี้หลงใหลในรอยยิ้มของนางทันที น้ำเสียงของพวกเขาอ่อนลงอย่างมาก “ข้า…ข้าขอแจ้งให้ผู้บัญชาการหวงทราบก่อน…”
หวงฮุ่ยฮงรีบเข้ามาเมื่อได้รับข่าว เขาจึงรีบทักทายนาง “ทำไมพระชายาถึงมาส่งอาหารเองเช่นนี้?”
ดวงตาของอวิ๋นอวี้ชิงเป็นประกาย “ข้ากังวลว่าอาจมีบางสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้ง ยกตัวอย่างเช่นการลอบโจมตีจากภูตดำที่ผ่านมา หากเกิดอะไรขึ้น ความผิดจะตกอยู่ที่เราทันที เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ข้าจึงตัดสินใจมาส่งมอบอาหารเหล่านี้ให้พวกท่านด้วยตัวเอง”
“พระชายาช่างมีน้ำใจนัก” แม้แต่หวงฮุ่ยฮงก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น เขาก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัวไม่กล้ามองหน้านางตรง ๆ
นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมกลุ่มทูตยุทธ์เสื้อแพร เขาพยายามฝึกตนให้มีใจที่แข็งกระด้างราวกับก้อนหิน อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลแปลก ๆ ที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเพราะอะไร เขารู้สึกเหมือนเป็นวัยรุ่นที่กำลังมีความรักครั้งแรก