เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1108 อาจารย์ผู้ลึกลับ
บทที่ 1108 อาจารย์ผู้ลึกลับ
……….
บทที่ 1108 อาจารย์ผู้ลึกลับ
ซูอันรู้ว่านางไม่ต้องการให้กองกำลังป้องกันเมืองพบเข้า เขามองดูซากศพนักรบเดนตาย หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจรวบรวมมันทั้งหมดไว้ในดวงแก้วผู้รอบรู้ รวมทั้งหน้าไม้มหากาฬกับของอีกสองสามอย่าง
เขาไม่รู้ว่าจะมีบางอย่างผิดปกติกับกองกำลังป้องกันเมืองที่กำลังมาหรือไม่ มันคงจะลำบากถ้าโดนข้อหาซ่อนศพ ดังนั้นเขาจึงนำหลักฐานสำคัญบางอย่างออกไป แต่เขาต้องทิ้งบางสิ่งไว้เบื้องหลัง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการยากที่จะอธิบายสิ่งต่าง ๆ กับจูเซี่ยฉือซินและจักรพรรดิในภายหลัง ท้ายที่สุด มันคงเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนเดียวที่จะแบกหน้าไม้มหากาฬขนาดใหญ่และงุ่มง่ามเช่นนี้ไปไหนมาไหน
หลังจากเสร็จสิ้น เขาจากไปอย่างรวดเร็วโดยแบกอวิ๋นอวี้ชิงไปด้วย ไม่ถึงนาทีหลังจากที่พวกเขาออกไป ทหารกลุ่มหนึ่งก็มาถึง ทั้งหมดตกใจเมื่อเห็นฉากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นหน้าไม้มหากาฬ ผู้นำโบกมือและพูดว่า “ปิดล้อมพื้นที่นี้! จับกุมใครก็ตามที่น่าสงสัยทั้งหมด!”
…
ซูอันได้พาอวิ๋นอวี้ชิงหนีไปไกลหลายลี้แล้ว เมื่อเห็นพลังงานสีดำเล็กน้อยลอยออกมาจากหว่างคิ้วของนาง เขารีบหยิบยาแก้พิษที่เจียซืออี๋ให้มา พูดอย่างลังเลเล็กน้อย “ข้าสงสัยว่ายานี้เป็นของจริงหรือไม่?”
อวิ๋นอวี้ชิงหยิบขวดจากเขามาสูดดมและพูดว่า “ข้าคิดว่ามันเป็นของจริง”
“เจ้ามีความรู้ทางการแพทย์ด้วยเหรอ?” ซูอันยังคงระมัดระวัง มันคงไม่ใช่เรื่องตลกถ้านางคิดผิด
อวิ๋นอวี้ชิงพยักหน้า “ปรมาจารย์ด้านอักขระทุกคนรู้เรื่องเกี่ยวกับยาเป็นอย่างดี แม้ว่าข้าจะไม่ได้รู้ลึกซึ้งในเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยก็สามารถบอกได้ว่ามันเป็นยาแก้พิษหรือไม่” นางกินยาแล้วหลับตา “แต่เรายังต้องใช้น้ำร้อนเพื่อกำจัดพิษ และข้ายังอ่อนแอมาก เฮ้อ เมื่อกี้ข้าประมาทเกินไปในที่สุดข้าก็ได้รับผลกระทบจากพิษศพโดยไม่รู้ตัว”
ซูอันนึกถึงวิธีการของมนุษย์หยินหยาง เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจ “การโจมตีของเขายากที่จะเตรียมรับมือ จะตำหนิเจ้าคงไม่ได้ ตกลงเจ้าพักอยู่ที่ไหน? ให้ข้าพาเจ้ากลับก่อน” ตอนนี้อวิ๋นอวี้ชิงยังคงอ่อนแอ เขาจึงไม่มั่นใจที่จะทิ้งนางไว้ตามลำพัง
อวิ๋นอวี้ชิงไม่ปฏิเสธและพูดว่า “กลับเมืองหลวงกันเถอะ”
“เมืองหลวง?” ซูอันตกใจ ในความเห็นของเขา นางควรจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในเขตชานเมือง แต่นางกลับอาศัยอยู่ในเมืองหลวง! ตามกฎหมายของต้าโจว อ๋องที่ไม่มีตำแหน่งทางการไม่สามารถเข้าไปในเมืองหลวงหรือพาครอบครัวไปอาศัยอยู่ได้ ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง
อวิ๋นอวี้ชิงปลดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามประดับด้วยรอยยิ้ม “เราค้นพบกวางขาวมงคลในกองบัญชาการหน่วยเหนือ ดังนั้นข้าจึงมาถวายมันแด่ฝ่าบาท ช่วงนี้ข้าจึงพักอยู่ในเมืองหลวง”
ซูอันถอนหาย ผู้หญิงคนนี้ฉลาดจริง ๆ! จักรพรรดิเป็นผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังที่สุดในโลกนี้แล้วและไม่ต้องการอะไรอีก สิ่งที่เขาขาดที่สุดคืออายุขัยที่ยืนนาน ในขณะเดียวกัน กวางขาวเป็นสัญลักษณ์ของความอายุยืน จักรพรรดิอาจมองของมงคลอื่น ๆ อย่างเหยียดหยาม แต่จะต้องพอใจอย่างแน่นอนกับกวางขาวที่ว่านี้
“เราจะเข้าไปในเมืองหลวงแบบนี้ไม่ได้” อวิ๋นอวี้ชิงถอดเสื้อผ้าสีดำออก จากนั้นจึงสวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ วาดอักขระขึ้นมาและชุดสีดำก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
ซูอันอดไม่ได้ที่จะชมเชยว่า “ชุดเรียบ ๆ ยังไม่อาจบดบังความงามอันน่าทึ่งของเจ้าได้! ถ้าไปประตูเมืองด้วยหน้าตาแบบนี้ ใคร ๆ ก็ต้องสนใจเจ้า”
“ข้าแค่ต้องสวมหน้ากาก” อวิ๋นอวี้ชิงยิ้ม นางหยิบหน้ากากบาง ๆ ขึ้นมาปิดหน้า จากหญิงสาวผู้งดงามกลายเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง
ซูอันรู้สึกโล่งใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นทั้งชายาอ๋องและปรมาจารย์ด้านอักขระ นางจะไม่มีของแบบนี้ได้อย่างไร?
อวิ๋นอวี้ชิงถามซูอันว่า “เจ้าจะไม่ใช้หน้ากากเหรอ?”
ซูอันส่ายหัวของเขา “ไม่จำเป็น ข้าเข้าไปในเมืองหลวงแบบนี้ก็ได้”
“แต่ข้ากลัวว่าจะทำให้เจ้ามีปัญหามากขึ้น…” อวิ๋นอวี้ชิงกล่าว รู้สึกผิดอยู่บ้าง นางค่อนข้างอ่อนแอและจำเป็นต้องพึ่งพิงซูอันหากมีคนเห็นพวกเขา จะต้องมีคนอยากรู้อยากเห็นอย่างแน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น
ซูอันครุ่นคิด ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจว่า เขาไม่สามารถทำให้ชื่อเสียงของตัวเองเสื่อมเสียได้ เป็นเรื่องหนึ่งหากเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แต่รูปลักษณ์ปัจจุบันของอวิ๋นอวี้ชิงนั้นธรรมดาเกินไป ถ้ามีคนเห็นเข้าจะไม่พากันคิดว่าเขาไม่มีรสนิยมเหรอ? ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยอมรับหน้ากากที่นางเสนอให้ จากนั้นก็อุ้มร่างอันอ่อนนุ่มของอวิ๋นอวี้ชิงและรีบไปที่ประตูเมือง
ระหว่างทาง อวิ๋นอวี้ชิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา แม้ว่าจะมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตาของนางหมองเศร้าขณะที่ถาม “เจ้าเต็มใจเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเพื่อเห็นแก่ข้าจริง ๆ เหรอ?”
ซูอันยิ้มและตอบว่า “เจ้าช่วยชีวิตข้ามาหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ? ข้าจะทนดูเจ้าทุกข์ทรมานโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง?”
“เจ้าทำทั้งหมดนี้เพียงเพราะข้าเคยช่วยเจ้าเหรอ?” ปากเล็ก ๆ ของ อวิ๋นอวี้ชิงเผยอออกราวกับผิดหวังเล็กน้อย
“ย่อมไม่ ข้าต้องช่วยเจ้าเพราะเจ้าตกอยู่ในอันตราย!” ซูอันตระหนักทันทีว่าเขาพูดอะไรผิดหูนาง วาทศิลป์เป็นทักษะพื้นฐานของชายเจ้าสำราญ
แน่นอนว่า อวิ๋นอวี้ชิงยิ้มแย้มแจ่มใสทันทีเมื่อได้ยินเขาพูด “อาซู เจ้าดีที่สุดเลย”
ทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุขตลอดทาง พวกเขาเข้าไปในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว และ อวิ๋นอวี้ชิงก็นำทางไปยังคฤหาสน์อันโอ่อ่าภายในเมือง ซูอันตกตะลึงเมื่อเห็นคำว่า ‘คฤหาสน์อ๋องอู๋’ ขนาดใหญ่บนป้ายของประตูหลัก
อวิ๋นอวี้ชิงพูดด้วยรอยยิ้ม “อ๋องทุกคนมีที่อยู่ในเมืองหลวง เพียงแต่ว่าเราไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้ามาเท่าไรนัก ตอนนี้ข้าอยู่ในเมืองหลวงแล้ว แน่นอนว่าจะต้องพักอาศัยที่นี่” จากนั้นนางก็พูดพร้อมกับขมวดคิ้วว่า “วันนี้ข้าแอบออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาสอดรู้สอดเห็น ดังนั้นเจ้าต้องแอบกลับเข้าไปกับข้า”
ซูอันรู้สึกวิตกและกล่าวว่า “แต่การรักษาความปลอดภัยในคฤหาสน์อ๋องย่อมเข้มงวดมาก…” ท้ายที่สุด แม้แต่ที่พักของเขาในสถาบันจันทร์กระจ่างก็มีกลไกป้องกัน นี่คือคฤหาสน์อ๋อง! มันจะขาดผนึกและการป้องกันทุกรูปแบบได้อย่างไร?
อวิ๋นอวี้ชิงชูตราในมือของนางและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล เราจะไม่ทำให้ระบบความปลอดภัยใด ๆ ตรวจจับได้ด้วยตรานี้”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ โดยมีอวิ๋นอวี้ชิงเป็นผู้นำทาง พวกเขาไม่ได้กระตุ้นระบบรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์ ในเวลาเดียวกันก็หลบเลี่ยงทหารยามที่เดินตรวจตรา
แน่นอนว่าเป็นเพราะนี่คือคฤหาสน์ของอ๋องที่ว่างเปล่ามาเป็นเวลานาน จึงมีทหารยามไม่มากนัก ไม่อย่างนั้น แม้ว่าพวกเขาจะผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาได้แล้ว ก็ยังจะถูกจับได้ในบริเวณคฤหาสน์ในที่สุด
ในที่สุด อวิ๋นอวี้ชิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเข้าไปมาที่ห้องด้านในของนาง ทั้งห้องดูเหมือนจะสว่างขึ้นเล็กน้อยเมื่อนางถอดหน้ากากออกและกลับคืนสู่สภาพเดิม อวิ๋นอวี้ชิงเดินไปที่สระว่างใกล้ ๆ แล้วบิดก๊อกเบา ๆ น้ำร้อนสะอาดใสไหลออกมาจากปากของรูปปั้นสองสามตัว
ซูอันรู้สึกมึนงง “เครื่องทำน้ำอุ่น?” เขาถาม
“เครื่องทำน้ำอุ่นคืออะไร?” อวิ๋นอวี้ชิงถามอย่างงุนงง “มันคืออักขระที่ใช้ดึงน้ำจากบ่อน้ำพุร้อนในบริเวณใกล้เคียง ขุนนางรอบข้างล้วนมีสระน้ำเหมือนกันหมด”
ซูอันถอนหายใจ คนเหล่านี้เข้าใจวิธีการหาความสุขอย่างแท้จริง เขาได้เห็นวิธีการต่าง ๆ มากมายในการใช้อักขระวิเศษเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนในโลกนี้
“ว่าแต่… เจ้าเป็นปรมาจารย์อักขระจริง ๆ เหรอ!? เจ้าเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?” ซูอันถามอย่างสงสัย ท้ายที่สุดแล้วปรมาจารย์ด้านอักขระนั้นมีเฉพาะในเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ผู้หญิงคนนี้มาจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ นางรู้ความลับของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อย่างไร?
อวิ๋นอวี้ชิงรู้สึกผิดขณะที่ตอบว่า “ขอโทษ ข้าสัญญากับอาจารย์ของข้าว่าจะไม่เปิดเผยว่าเขาเป็นใคร”
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ” ซูอันไม่ได้สนใจอะไร เขากล่าวเสริมว่า “ยังไงก็ตาม เจ้าควรรีบกำจัดพิษซะ ไม่อย่างนั้นคงแย่แน่ถ้าพิษจากศพซึมลึกเข้าไป”
อวิ๋นอวี้ชิงเปล่งเสียงอืมตอบรับ แต่ในขณะที่กำลังจะปลดคอเสื้อออก นางก็หน้าแดง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยและเงียบไปครู่หนึ่ง
ในที่สุดนางก็ถามว่า “อาซู เจ้าช่วยเฝ้าให้ข้าได้ไหม?” จากนั้นนิ้วที่เรียวงามของนางก็ค่อยปลดเครื่องแต่งกายทีละชิ้น สิ่งของเสื้อผ้าเลื่อนลงกับพื้น เผยให้เห็นเรือนร่างอันขาวผ่องราวกับหิมะ
……….