เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1107 ตราคำสั่งห้าพิษ
บทที่ 1107 ตราคำสั่งห้าพิษ
……….
บทที่ 1107 ตราคำสั่งห้าพิษ
ธงวิญญาณถูกปักลงบนพื้น เมฆหมอกสีขาวคล้ายปีศาจสองก้อนหมุนวนไปรอบตัวซู่ซู่ห่าว ส่งเสียงครืนครั่น อุณหภูมิโดยรอบลดลงทันทีหลายองศา
จากนั้นหมอกสีดำขนาดเท่าคนก็ปรากฏขึ้นข้าง ๆ เขา ราวกับประตูสู่นรกถูกเปิดออก เสียงโหยหวนและคร่ำครวญดังออกมาจากข้างใน
หลังจากนั้นซากศพที่ถูกหมอกสีดำปกคลุมไว้ก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ปีศาจซากศพสามตนที่สวมกำไล ค้อนยักษ์ และหอกประดับพู่สีแดงเริ่มสั่นสะท้าน พวกมันไม่สามารถยืนนิ่งได้อีกต่อไปและเริ่มคลานบนพื้น
สีหน้าของอวิ๋นอวี้ชิงและซูอันเปลี่ยนไป พวกเขาสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของปีศาจซากศพตัวใหม่นี้อยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นี่คือศพปีศาจที่ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้วครึ่งก้าว!
ซู่ซู่ห่าวเย้ยหยัน “เจ้าบังคับข้าเองนะ คราวนี้เจ้าทั้งคู่อย่าหวังว่าจะรอดชีวิตไปได้เลย”
อย่างไรก็ตาม เสียงระฆังดังก้องมาจากข้างหลังในขณะที่เจียซืออี๋ใช้มือข้างที่เหลือกั้นซู่ซู่ห่าวไว้และพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่ต้องทำขนาดนี้” จากนั้นนางยื่นมือออกมา แขนขวาที่ขาดอยู่บนพื้นบินไปหานาง
อวิ๋นอวี้ชิงรู้สึกสับสน นางพูดเสียงเบา “ข้าไม่รู้สึกถึงความผันผวนของพลังชี่เลย”
ซูอันตอบว่า “มันน่าจะเหมือนกับพลังจิต”
“ปัญญาของพี่ใหญ่นั้นยอดเยี่ยมอย่างที่คาดไว้” เจียซืออี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นนางต่อท่อนแขนที่ขาดเข้ากับไหล่อีกครั้ง มีแสงเรืองรองรอบ บาดแผลและเมื่อแสงจางลง แขนของนางก็กลับมาเป็นปกติ!
แต่นี่ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน หากนางสามารถเลียนแบบอาวุธของผู้อื่นผ่านความสามารถจินตภาพสู่ความจริงก็ไม่น่าจะยากเกินไปที่จะเชื่อมต่อแขนขาที่หักอีกครั้ง
ตอนนี้ซูอันไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ถ้าผู้หญิงคนนี้ถูกพาไปยังโลกก่อนเพื่อเชื่อมต่อแขนขาผู้ป่วยด้วยการผ่าตัด นางอาจจะเป็นหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
เจียซืออี๋พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้าอาจรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาโจมตีเจ้าด้วยหน้าไม้มหากาฬ แต่ตอนนี้เจ้าได้ตัดแขนของข้าแล้ว ตอนนี้เราเสมอกันแล้วใช่ไหม?”
ซูอันพูดไม่ออกมันยากที่จะตีคนที่เป็นมิตร เนื่องจากผู้หญิงคนนี้มีทัศนคติที่ดี เขาจึงไม่สามารถแสดงท่าทีที่รุนแรงต่อไปได้
เจียซืออี๋กล่าวต่อว่า “ข้าจริงใจ ข้าจะยื่นข้อเสนอเป็นพันธมิตรให้เจ้าอีกครั้ง”
ซูอันตอบอย่างจริงจังว่า “ข้าทำให้เจ้าบาดเจ็บสาหัสหลายครั้งแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณเหลืออยู่มากนัก”
“ข้าจะยอมรับตามนั้น” เจียซืออี๋พยักหน้า “อย่างไรก็ตาม ด้วยทักษะของข้า มันยากที่เจ้าจะโค่นข้าลงได้ นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าข้ายังมีพี่ซู่อยู่ด้วย ข้าไม่สามารถพูดได้ว่าเราจะชนะอย่างแน่นอน แต่เราสามารถยืนหยัดได้จนกว่ากองกำลังป้องกันเมืองจะมาถึง”
ซูอันประหลาดใจ “หือ น่าสนใจดีนี่ ข้าเป็นขุนนางนะ เมื่อกองกำลังป้องกันเมืองมาถึง พวกเจ้าสองคนเป็นฝ่ายจะต้องหนีไม่ใช่เหรอ? ทำไมพูดเหมือนกำลังรอกองกำลังป้องกันเมืองอยู่เลยล่ะ?”
เจียซืออี๋ยิ้มและมองไปที่อวิ๋นอวี้ชิง “ข้าเชื่อว่าในบรรดาทุกคนที่นี่ เจ้าเป็นคนที่ไม่อยากถูกจับกุมมากที่สุดใช่ไหม? โอ้ใช่ ข้าควรเรียกเจ้าว่าฮูหยินหรือเปล่า?”
สีหน้าของอวิ๋นอวี้ชิงเปลี่ยนไป เจตนาฆ่าของนางพุ่งสูงขึ้นทันทีที่ตัวตนถูกเปิดเผย นางปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้น
เจียซืออี๋พูดต่อด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “ฮูหยินอู๋ต้องสับสนว่าข้ารู้จักตัวตนของเจ้าได้อย่างไร นั่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ข้าเห็นเจ้าในภาพลวงตาของพี่ซู หน่วยข่าวระบุว่าพี่ซูเป็นคนนิสัยเสีย ข้าจึงไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนที่จริงใจขนาดนี้ เขาไม่ลังเลเลยที่จะทรยศโลกทั้งใบเพื่อเจ้าและต่อสู้กับจูเซี่ยฉือซิน ในท้ายที่สุดเขาถึงกับเผชิญหน้ากับจักรพรรดิด้วยซ้ำ… เฮ้อ ถ้ามีคนจริงใจต่อข้าแบบนี้ แม้จะต้องตายก็คุ้มค่าแล้ว”
อวิ๋นอวี้ชิงรู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้และมองซูอันโดยไม่รู้ตัว เจตนาฆ่าในดวงตาของนางหายไป และถูกแทนที่ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนมากมายในคราวเดียว ความตกใจ ความสุข ความอ่อนโยน และความรู้สึกที่สัมผัสได้
“อาซู!” อวิ๋นอวี้ชิงเรียก แม้ว่าเจียซืออี๋จะพูดเพียงไม่กี่เรื่อง แต่นางก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกแห่งภาพลวงตานั้นของซูอัน
ทันใดนั้น เจียซืออี๋ได้หลับตาราวกับรู้สึกอะไรบางอย่าง ครู่ต่อมานางพูดว่า “มีกองกำลังป้องกันเมืองกำลังรีบมาทางนี้ จะมาถึงในเวลาน้อยกว่าครึ่งก้านธูป เจ้าสองคนต้องตัดสินใจแล้ว”
ซูอันยังคงลังเลเล็กน้อย แต่อวิ๋นอวี้ชิงตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ตกลง เราเป็นพันธมิตรกัน” ซูอันรู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“เป็นการเลือกที่ฉลาด” เจียซืออี๋ตบมือซู่ซู่ห่าวและพูดว่า “ให้ยาแก้พิษแก่พวกเขา”
ซู่ซู่ห่าวโยนขวดยา “เจ้าโดนพิษศพของข้า เมื่อกินยานี้และแช่ในน้ำร้อน พิษจะถูกทำให้เป็นกลาง”
“เจ้าถูกวางยาพิษ?” ซูอันถามขณะที่หันไปมองอวิ๋นอวี้ชิงอย่างรวดเร็ว อวิ๋นอวี้ชิงตกตะลึง รู้สึกหน้ามืด ร่างกายของนางเซไปมา โชคดีที่ซูอันยื่นมือออกไปรับได้ทันเวลา
ซู่ซู่ห่าวมองเจียซืออี๋เขาถามเสียงเบาว่า “ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงยอมสงบศึกกับพวกเขา พวกเขาจะต้องตายแน่ถ้าเราสู้กันจริง ๆ”
เจียซืออี๋ยิ้มและพูดว่า “การมีเพื่อนอีกคนย่อมดีกว่าการมีศัตรู” จากนั้นนางก็โยนตราคำสั่งแผ่นหนึ่งให้เขา
ซูอันตรวจสอบมัน เห็นว่าบนตราคำสั่งถูกสลักภาพงูพิษ แมงป่อง ตะขาบ และสัตว์มีพิษมากมาย
เจียซืออี๋ยิ้ม “พี่ใหญ่ผู้น่ารัก มาเยี่ยมเราที่ชายแดนใต้พร้อมกับตราคำสั่งห้าพิษนั้น เจ้าจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดของเรา” จากนั้นนางหันหลังกลับ ย่างเท้าเบา ๆ ค่อย ๆ จากไป
ซูอันรีบตะโกนออกมาว่า “เดี๋ยวก่อนตอนนี้เราเป็นพันธมิตรกันแล้ว บอกข้ามาว่าใครคือเจ้านายของเจ้า? ใครเป็นคนส่งพวกเจ้ามาฆ่าข้า?”
เจียซืออี๋หันกลับมาและพูดด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ว่า “แม้ว่าอยากจะบอกเจ้าจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ข้าได้สาบานไว้ จึงไม่สามารถบอกเจ้าได้ว่าเขาเป็นใคร ไม่อย่างนั้นข้าจะต้องทนทุกข์ทรมานจากทัณฑ์สวรรค์ รู้ไหม?”
ซู่อันถาม “ทัณฑ์สวรรค์ของเจ้าเกี่ยวอะไรกับข้า?”
เจียซืออี๋ตกตะลึง “พี่ใหญ่หน้าโง่ เวลาแบบนี้ต้องพูดดี ๆ สิ!” นางกล่าวต่อเสียงเบา “แต่ข้าแน่ใจว่าเจ้าเป็นคนที่ฉลาดพอจะเดาได้ง่าย ๆ ว่าใครส่งเรามา” จากนั้นนางก็เดินไปที่ศพของนักฆ่าเดนตายอย่างเมินเฉย
ซูอันรู้ว่านางกำลังบอกใบ้เขา ท้ายที่สุดนักฆ่าเดนตายหล่านี้ได้ออกเดินทางมาพร้อมกับหน้าไม้มหากาฬและการประสานต่อสู้แบบทหาร นี่เป็นกระบวนรบของกองทัพอย่างชัดเจน นอกจากนี้กำไลเงินกำไลทอง ค้อนยักษ์ และหอกประดับพู่สีแดงเป็นอาวุธและรูปแบบการต่อสู้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างมาก และพวกเขาอยู่ในระดับเจ็ดอีกด้วย ทั้งสามเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน คงไม่ยากเกินไปที่จะตรวจสอบภูมิหลังของพวกเขา
ซูอันมองดูทั้งสองด้วยความอยากรู้อยากเห็นและพูดว่า “ว่าแต่ ข้าได้ยินบางอย่างจากการสนทนาของเจ้าก่อนหน้านี้ ครั้งนี้การฆ่าข้าไม่ใช่ภารกิจของเจ้าเหรอ? เจ้าจะไม่โดนทัณฑ์สวรรค์ที่มาเป็นพันธมิตรกับข้าแทน?”
เจียซืออี๋ถอนหายใจและตอบว่า “เราทำทุกวิถีทางแล้ว แต่วิธีการทั้งหมดของเราไม่เป็นผล ข้าเสียแขนไปแล้ว แล้วเราจะฆ่าเจ้าได้ยังไง? กองกำลังป้องกันเมืองก็กำลังจะมา เราจึงไม่มีทางเลือกอื่น”
ซูอันพูดไม่ออก เจ้าพวกนี้ช่างขี้โกงจริง ๆ… พวกเขาจงใจเหลือทางหนีให้ตัวเองในขณะที่กล่าวคำปฏิญาณ
“พอแล้ว เราต้องไปแล้ว กองกำลังป้องกันเมืองใกล้เข้ามาแล้ว ข้าจะตั้งตารอการพบกันครั้งต่อไปนะพี่ใหญ่ผู้น่ารัก” เจียซืออี๋จากไป ทิ้งเสียงหวานใสราวระฆังแก้วอันไพเราะไว้เบื้องหลัง
อวิ๋นอวี้ชิงพยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระจากอ้อมกอดของซูอันและพูดอย่างอ่อนแรงว่า “รีบพาข้าออกไปจากที่นี่”
……….