เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1106 ศัตรูร่วมกัน
บทที่ 1106 ศัตรูร่วมกัน
……….
บทที่ 1106 ศัตรูร่วมกัน
“เจ้าสามารถสรุปได้ว่ามันเป็นภาพลวงตาจากเรื่องแค่นั้น?” เจียซืออี๋รู้สึกเหลือเชื่อ
ซูอันพูดอย่างเฉยเมยว่า “มีเรื่องของจักรพรรดิด้วย บังเอิญปรากฏตัวได้จังหวะเกินไปเช่นกัน”
ปกติแล้วจักรพรรดิต้องการให้เขาก่อกวนราชันลมปราณ ย่อมจะไม่ฆ่าเขาในทันทีที่เห็น เว้นแต่จ้าวฮั่นจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างซูอันและหลิวหนิง แต่จะเป็นไปได้อย่างไร? จักรพรรดิไม่ใช่เทพเจ้าที่จะรู้ไปทุกสิ่งทุกอย่าง
แน่นอนว่ามีเหตุผลสำคัญที่ทำให้ซูอันมั่นใจมากยิ่งขึ้น นั่นคือเขาไม่เคยได้รับคะแนนความโกรธแค้นเลยตลอดช่วงเวลานี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะสร้างภาพลวงตาที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ แต่ก็ไม่สามารถเลียนแบบความผันผวนทางจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้
“ตอนนี้ข้าตอบคำถามของเจ้าแล้ว เจ้าไปพักผ่อนอย่างสงบได้แล้ว” ซูอันไม่ต้องการเป็นเหมือนตัวร้ายในซีรีส์ที่พูดมากเกินไป เขาเฝ้ารอโอกาสที่จะโจมตีมาโดยตลอด เมื่ออีกฝ่ายเสียสมาธิจากการฟังคำตอบเขาจึงพุ่งเข้าใส่
ร่างสีดำพุ่งเข้ามาสกัดกั้นซูอัน เขาเห็นว่ามันเป็นหนึ่งในนักฆ่าเดนตายที่เคยเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้และตอนนี้กลายเป็นหุ่นเชิดซากศพที่ถูกควบคุมโดยชายหยินหยาง
แต่เขาสัมผัสได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติและรีบหลบไปด้านข้างหลายจั้ง ซากศพนั้นกลับระเบิดเสียงดังทันที ของเหลวในร่างกายสีดำและเขียวจำนวนมากสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง กลิ่นเหม็นเน่ากระจายคละคลุ้งไปในอากาศ
ซูอันอยากจะอาเจียนออกมา ‘ให้ตายสิ เหม็นยิ่งกว่าหมาเน่าอีก!’
เมื่อหญ้าบนพื้นดินสัมผัสกับของเหลวจากศพระเบิด มันเปลี่ยนเป็นสีดำและเหี่ยวเฉาทันที แม้แต่พื้นดินก็มีเสียงร้อนฉ่าและเริ่มมีควัน เห็นได้ชัดว่าทุกหยดเป็นพิษ
“เจ้าอย่าเล่นแบบนี้ได้ไหม?” เจียซืออี๋กล่าวด้วยความรังเกียจ นางใช้เวลาเล็กน้อยที่ซู่ซู่ห่าวซื้อให้หลบไปทางอื่น ดังนั้นจึงไม่ถูกของเหลวพิษที่กระเซ็นไปทั่ว เจียซืออี๋บีบจมูกแน่น นางทนกลิ่นเหม็นขนาดนี้ไม่ได้เช่นกัน
“หึ ข้าเพิ่งช่วยชีวิตเจ้าไว้” ซู่ซู่ห่าวพูดด้วยน้ำเสียงห้าวหาญ เขากระโจนไปด้านข้างของเจียซืออี๋ นอกจากหุ่นเชิดศพตัวที่ยืนบังนางแล้ว ตัวอื่นได้กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณเช่นกัน
อวิ๋นอวี้ชิงรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของซูอัน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ แก้มแดงเห่อ การต่อสู้ได้ส่งผลเสียต่อนางอย่างชัดเจน
แม้ว่าการบ่มเพาะของอวิ๋นอวี้ชิงจะไม่เลว แต่นางใช้พลังมากเกินไป เมื่อตอนที่ต่อสู้กับชายสวมกำไลและคนอื่น ๆ การบ่มเพาะของซู่ซู่ห่าวนี้ไม่ด้อยไปกว่านาง ทั้งยังใช้ซากศพในการต่อสู้แทนตัวเอง ในฐานะผู้หญิง เจียซืออี๋ย่อมกลัวซากศพหรือเรื่องผีสางโดยธรรมชาติ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของนางจึงลดลงเล็กน้อย
ซูอันเดินไปข้างหน้าเพื่อบังอวิ๋นอวี้ชิง จากนั้นก็ยกกระบี่ขึ้น กล้ามเนื้อทั้งหมดบนร่างกายง้างออกเหมือนสิงโตที่พร้อมจะกระโจนเข้าใส่
เจียซืออี๋หัวเราะและพูดว่า “โอ้ พี่ใหญ่เราไม่ต้องการสู้ต่อแล้ว ทำไมเราไม่จับมือแล้วคุยกันดี ๆ ล่ะ?”
“เมื่อกี้ข้ายังเป็น ‘น้องชายตัวน้อย’ อยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นพี่ใหญ่แล้วเหรอ?” ซูอันหัวเราะเยาะ “แล้วทำไมข้าต้องทำแบบที่เจ้าว่าด้วย?”
“พี่สาวได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งของน้องชายตัวน้อยแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าไม่กล้าเรียกเจ้าว่าตัวน้อยอีกต่อไป!” น้ำเสียงหยอกล้อของเจียซืออี๋ทำให้คิ้วที่สวยงามของอวิ๋นอวี้ชิงขมวดขึ้ง เจียซืออี๋กล่าวต่อว่า “ทำไมเราต้องคุยกัน นั่นเพราะเรามีศัตรูร่วมกัน ทำไมต้องสู้กันจนตัวตายด้วย”
“ศัตรูร่วมกัน?” ซูอันไม่พอใจ “ใครเป็นศัตรูร่วมกับเจ้า”
เจียซืออี๋หัวเราะออกมาดัง ๆ “พี่ใหญ่ โปรดอย่าโกหกของตัวเอง ความเกลียดชังที่เจ้าแสดงต่อจักรพรรดินั้นชัดเจนมาก นอกจากนี้ดูเหมือนเจ้าได้ทำอะไรบางอย่างที่ยั่วยุเขา แม้ว่าน้องสาวจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ข้าแน่ใจว่าสิ่งนั้นเพียงพอที่จักรพรรดิจะทำให้ฆ่าเจ้า”
สีหน้าของซูอันเปลี่ยนไป ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวปัญหาจริง ๆ
เจียซืออี๋ไม่กล้าประมาทเมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของเขา นางชี้ไปที่ศพของชายสวมกำไล “พี่ใหญ่ โปรดอย่าหงุดหงิดและฟังคำพูดของน้องสาว เจ้าน่าจะได้ยินที่ข้าพูดกับคนพวกนี้แล้ว ก่อนหน้านี้จักรพรรดิโจวบุกชายแดนทางใต้และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเรา เราไม่สามารถลืมความเกลียดชังที่ล้ำลึกนี้ได้ แต่ตอนนี้จักรพรรดิมีอำนาจมากเกินไป ไม่ใช่ผู้ที่เราจะเผชิญหน้าได้โดยลำพัง ดังนั้นศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของเรา เราไม่ต้องการที่จะสูญเสียใครหรืออะไรที่สามารถร่วมกันกำจัดจักรพรรดิได้”
ซูอันพูดอย่างเฉยเมยว่า “นั่นเป็นเพียงความคิดเพ้อฝัน ข้าไม่ต้องการเป็นพันธมิตรกับผู้อื่น ตรงกันข้าม ข้าจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อพวกเจ้าตายไปให้หมด”
ซู่ซู่ห่าวที่มีใบหน้าขาวดำพูดอย่างเย็นชา “ไอ้สารเลว ปากดีนักนะ”
เจียซืออี๋ก็หัวเราะอย่างหนักจนร่างกายของนางโยกไปมา “พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าเจ้ากำลังเข้าใจอะไรผิดไปสักอย่าง! เราต้องการร่วมมือกับเจ้าจริง ๆ ไม่ใช่แค่ใช้โอกาสนี้ร้องขอความเมตตา”
นางยกมือขึ้นแล้วดีดนิ้ว ทันใดนั้น วงแสงสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้นข้างหลังนางจากอากาศเบาบาง จากนั้นอาวุธโปร่งใสก็โผล่ออกมาจากมันทีละชิ้น ทั้งหมดเล็งมาที่ซูอันและอวิ๋นอวี้ชิง
เจียซืออี๋อธิบายว่า “ในฐานะผู้คุมวิญญาณ นอกเหนือจากภาพลวงตาที่ข้าเพิ่งใช้ไป ยังมีอีกหนึ่งทักษะซึ่งก็คือ ‘จินตภาพสู่ความจริง’ ข้าสามารถทำให้ทุกสิ่งที่ข้าจินตนาการกลายเป็นจริงได้ มันยากที่จะบอกว่าใครจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะหากเราต่อสู้กันจนตัวตายจริง ๆ”
ดวงตาของซูอันเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นอาวุธเหล่านั้น
เจียซืออี๋ได้ดึงกลอุบายทุกรูปแบบออกมาใช้ในระหว่างการต่อสู้ และแต่ละอย่างก็แพรวพราวกว่าครั้งก่อน ๆ ซูอันเริ่มอยากเป็นผู้คุมวิญญาณกับเขาบ้างแล้ว
มันเหมือนกับตอนที่เขาเคยเล่นบาสเก็ตบอลในโรงเรียนมาก่อน บอลจะเข้าห่วงหรือไม่นั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือมันดูเท่ ซูอันรู้สึกอยากจะร้องไห้เมื่อคิดถึงทักษะอันเท่ระเบิดของอวิ๋นอวี้ชิงและเจียซืออี๋
เจียซืออี๋หยิบกระบี่ขึ้นมาเล่น ดวงตาของอวิ๋นอวี้ชิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ นางเหลือบมองกระบี่ไท่เอ๋อร์ในมือของซูอันโดยไม่รู้ตัว ในทางตรงกันข้ามซูอันไม่แปลกใจอะไรและเฝ้าดูอีกฝ่ายอย่างใจเย็น
เจียซืออี๋หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ตัดสินจากการต่อสู้ครั้งก่อนของเรา ข้าว่ากระบี่ของเจ้าไม่เลว น่าจะเป็นอาวุธวิเศษระดับสูง ข้าเลยลองทำเลียนแบบขึ้นมา มันอาจจะไม่ดีเท่าของเจ้า แต่ก็น่าจะเหมือนกันเจ็ดถึงแปดส่วน นอกจากนี้ข้ายังมีอาวุธวิเศษอื่น ๆ เช่นเดียวกับกระบี่นี้อีกเยอะแยะ ถ้าข้าสร้างอาวุธที่ทรงพลังทุกอันที่ข้าเคยเห็นขึ้นมา ข้าสงสัยว่าเจ้ายังอยากจะต่อสู้ต่อไปหรือไม่?”
สีหน้าของอวิ๋นอวี้ชิงเต็มไปด้วยความตกใจ แม้นางจะรู้ว่าผู้คุมวิญญาณ นั้นลึกลับและแข่งแกร่ง แต่ไม่คิดว่ามันจะเหลือเชื่อเกินจริงถึงขนาดนี้ การทำเลียนแบบอาวุธวิเศษของศัตรู รวมถึงทักษะของพวกมัน… ช่างเป็นความสามารถที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!
เจียซืออี๋พึงพอใจอย่างมากเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของอวิ๋นอวี้ชิงนี่คือสิ่งที่นางต้องการเห็น อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ซูอันนางเห็นว่าเขาไม่สะทกสะท้านอะไรเลย “ดูเหมือนเจ้าไม่สนใจเลย…?” ผู้คุมวิญญาณสาวขมวดคิ้ว
ซูอันหัวเราะเบา ๆ “เจ้าอาจจะหลอกคนอื่นได้ด้วยทักษะนี้ แต่เจ้าจะหลอกข้ายังไง? แม้ว่าเจ้าจะสามารถเลียนแบบอาวุธและทักษะของฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ของปลอมก็ยังเป็นของปลอมเทียบกับต้นฉบับไม่ได้เลย นอกจากนี้การผสมอาวุธทุกประเภทเข้าด้วยกันมีแต่จะทำให้ทักษะไม่เป็นระเบียบและยุ่งเหยิง ตราบใดที่คู่ต่อสู้ของเจ้าเข้าใจเรื่องนี้ การเอาชนะเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย”
เจียซืออี๋ตกใจ ความจริงแล้วนางได้ตระหนักถึงข้อบกพร่องของทักษะอย่างคลุมเครือแล้วเช่นกัน แต่ไม่สามารถระบุจุดบกพร่องเหล่านั้นได้ แต่ชายคนนี้กลับรู้ได้ในเวลาสั้น ๆ พรสวรรค์และความเฉลียวฉลาดของเขาน่ากลัวแค่ไหน? อนาคตของคนประเภทนี้ไม่มีขีดจำกัด! เขาอาจจะเหนือกว่าจักรพรรดิในวันหนึ่งด้วยซ้ำ
นี่คือช่วงเวลาที่ซูอันรอคอย เงาร่างของเขาพลิ้วไหว จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเจียซืออี๋อย่างรวดเร็วมาก จนแม้แต่ซู่ซู่ห่าวก็ตอบสนองไม่ทัน
เจียซืออี๋ยก ‘กระบี่ไท่เอ๋อร์’ ในมือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามผู้ใช้ทักษะระยะไกลอย่างนางจะสามารถเอาชนะในการต่อสู้ระยะประชิดได้อย่างไร? ‘กระบี่ไท่เอ๋อร์’ ของนางหักเป็นสองท่อน เส้นโลหิตพุ่งผ่านท้องฟ้าในขณะที่ร่างของเจียซืออี๋กระเด็นออกไป
ซู่ซู่ห่าวรีบวิ่งไปด้านหน้าของเจียซืออี๋เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยธงวิญญาณ มองเห็นแขนขวาของนางถูกตัดขาด เลือดไหลออกมาจากต้นแขนที่กุดด้วนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาหันไปทางซูอันและตะโกนว่า “ไอ้บัดซบ รนหาที่ตายซะแล้ว!”
—