เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1104 ทรยศต่อเผ่าพันธุ์
บทที่ 1104 ทรยศต่อเผ่าพันธุ์
……….
บทที่ 1104 ทรยศต่อเผ่าพันธุ์
ซูอันเงียบลง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้แปลก ทำไมจักรพรรดิถึงรู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของอวิ้นอวี้ชิง? เป็นไปได้ไหมว่ามีร่องรอยหลงเหลือจากตอนที่นางใช้ทักษะเนตรปีศาจจัดการกับทูตยุทธ์เสื้อแพรในคฤหาสน์อ๋องอู๋ แต่ทำไมพวกเขาถึงรู้ว่าอวิ้นอวี้ชิงจะบังเอิญอยู่ที่นี่?
ทันใดนั้น อวิ้นอวี้ชิงก็พูดกับเขาผ่านกระแสพลังชี่ “อาซู ข้าขอบคุณ แต่เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า ปล่อยข้าไปเถอะ”
หลังจากพูดคำเหล่านี้แล้ว นางก็มองไปที่จูเซี่ยฉือซินดวงตาของนางเปล่งประกายสีม่วง “ข้าได้ยินมาว่าท่านจูเซี่ยเป็นหนึ่งในผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังที่สุดในระดับปรมาจารย์ วันนี้ข้าขอลองสัมผัสทักษะของท่านด้วยตัวเองสักหน่อย!”
“เนตรปีศาจ!” จูเซี่ยฉือซินตะโกน “ทุกคน อย่ามองตานาง!”
แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว มีทูตยุทธ์เสื้อแพรหลายคนที่ดวงตาเต็มไปด้วยประกายสีม่วง จากนั้นพวกเขาก็หันอาวุธไปหาสหายของตัวเอง
ทูตยุทธ์เสื้อแพรเหล่านี้จะรู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่าสหายที่ต่อสู้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาจะโจมตีกันเอง? พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที จากนั้นทูตยุทธ์เสื้อแพรซึ่งมีดวงตาเป็นประกายสีม่วงพุ่งไปที่จูเซี่ยฉือซินพร้อมกับโห่ร้อง
จูเซี่ยฉือซินโกรธมาก เขาหลบหลีกการโจมตีทันทีและป้องกันตัวเอง เพราะทูตยุทธ์เสื้อแพรเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลชั้นยอด เขาไม่ต้องการให้ใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องอดกลั้นไม่ตอบโต้อย่างมาก
บุคคลเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการประสานโจมตีตั้งแต่แรก แม้จะมีการบ่มเพาะที่ลึกซึ้งแต่จูเซี่ยฉือซินก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างรวดเร็วเพราะฝืนอดกลั้นไว้ไม่ตอบโต้
หลังจากเวลาผ่านไป เขาก็คำรามด้วยความโกรธ เขารู้ว่าตัวเองจะต้องจ่ายราคาสูงเช่นกันหากยังอดทนเช่นนี้ต่อไป ดังนั้นจูเซี่ยฉือซินจึงไม่รั้งรอ ร่างของเขากลายเป็นภาพติดตาสีแดง ตัดผ่านกลุ่มทูตยุทธ์เสื้อแพรอย่างรวดเร็ว
เขาเร็วเกินไปจนคนอื่นตามไม่ทัน เสียงกรีดร้องอย่างน่าสมเพชดังไปทั่วขณะที่ทูตยุทธ์เสื้อแพรตาสีม่วงกระเด็นออกไปทีละคน
หลังจากนั้นไม่นาน ทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งหมดก็ล้มลง พวกเขาทั้งหมดจับแขนหรือขาของตัวเองและขณะที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จูเซี่ยฉือซินไม่ได้คร่าชีวิตพวกเขา แต่ได้หักแขนและขาเพื่อขัดขวางการเคลื่อนไหวชั่วคราว
แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังรอดชีวิตได้ หลังจากฟื้นตัวไม่กี่เดือนก็กลับมาทำงานได้ อย่างไรก็ตาม พลังของทูตยุทธ์เสื้อแพรจะอ่อนลงอย่างมากเป็นเวลาสองถึงสามเดือน
จูเซี่ยฉือซินจ้องมองอวิ๋นอวี้ชิงและคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “นางแพศยา เจ้ารนหาที่ตาย!”
จากนั้นด้วยการสะบัดข้อมือ โซ่ที่น่าสะพรึงกลัวก็หลุดออกจากแขนเสื้อ ปลายของโซ่เกี่ยววิญญาณเป็นเคียวสีดำสนิท ความกระหายเลือดและความเกลียดชังของวิญญาณอาฆาตภายในเคียวนั้นสามารถสัมผัสได้จากระยะไกล มันได้เก็บเกี่ยวชีวิตของผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังมาแล้วนับไม่ถ้วน
สีหน้าของอวิ๋นอวี้ชิงจริงจัง ดวงตาของนางปะทุด้วยแสงสีม่วง ในที่สุดสีม่วงจุดประกายในดวงตาของจูเซี่ยฉือซินเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามตาของเขากลับมาชัดเจนอีกครั้งในชั่วครู่ต่อมา ผู้บัญชาการทูตยุทธ์เสื้อแพรโวยวายและพูดว่า “ข้าอาจถูกควบคุมจริง ๆ ถ้าการบ่มเพาะของเจ้าสูงขึ้นอีกนิด น่าเสียดายจริง ๆ เจ้ายังห่างชั้นกับข้าเกินไป!”
เคียวสีดำสนิทนั้นปรากฏขึ้นข้างหลังอวิ๋นอวี้ชิงเมื่อจูเซี่ยฉือซินพูดจบ นางหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันนิ้วของนางก็เริ่มวาดอักขระวิเศษเพื่อตอบโต้
น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของนางคือจูเซี่ยฉือซิน คนที่เกือบจะเป็นปราชญ์จะให้โอกาสนี้กับนางได้อย่างไร?
เคียวนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งในมุมที่นึกไม่ถึง พันรอบตัวอวิ๋นอวี้ชิงอย่างไม่ลดละ ถึงขนาดที่อวิ๋นอวี้ชิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล้มเลิกที่จะวาดอักขระหลายครั้งเพื่อหลบ นางถูกขัดจังหวะมากกว่าสิบครั้งและไม่สามารถวาดอักขระที่สมบูรณ์ได้แม้แต่ตัวเดียว
คิ้วของซูอันขมวดลึกขึ้นเรื่อย ๆ เขาสังเกตเห็นว่า อวิ๋นอวี้ชิงมีพื้นที่ในการหลบเลี่ยงน้อยลงและคงจะถูกจัดการภายในเวลาน้อยกว่าธูปเพียงก้านเดียว
เขาถอนหายใจ ในท้ายที่สุดซูอันก็ยังไม่ใช่คนประเภทที่มีหัวใจแข็งกระด้าง เงาร่างของเขาพลิ้วไหวจากนั้นก็ไปปรากฏตัวข้าง ๆ อวิ๋นอวี้ชิงทันที กวัดแกว่งกระบี่ไท่เอ๋อร์ปิดกั้นการโจมตีที่จะคร่าชีวิตนาง จากนั้นก็พูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้าจะช่วยรับมือให้ เจ้ารีบวาดอักขระ”
ปรมาจารย์อักขระอย่างอวิ๋นอวี้ชิงต้องการโล่มนุษย์อย่างเขาเพื่อซื้อเวลา
อวิ๋นอวี้ชิงเผยอปากคล้ายกับจะพูดบางอย่าง ดวงตาที่สวยงามเปล่งประกายด้วยหยาดน้ำตา อย่างไรก็ตามนางไม่ได้พูดอะไรที่ไร้ประโยชน์และวาดอักขระอย่างรวดเร็วแทน นางรู้ว่าการบ่มเพาะของจูเซี่ยฉือซินนั้นเหนือกว่าพวกนางมาก มีเพียงการเดิมพันด้วยชีวิตของพวกนางทั้งสองเท่านั้นที่จะทำให้มีโอกาสรอดไปได้
จูเซี่ยฉือซินตกใจและโกรธเกรี้ยว “ซูอัน! เจ้ารู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้!?”
ซูอันถอนหายใจ “ขอบคุณผู้บัญชาการที่เป็นห่วง แต่นางเคยช่วยชีวิตข้าถึงสองครั้ง ข้าจึงทนดูนางตายไม่ได้”
“เจ้ากำลังทรยศ!” จูเซี่ยฉือซินตวาด “จะไม่มีที่ว่างสำหรับเจ้าในต้าโจวนี้หรือในพวกเราเผ่ามนุษย์ทั้งหมด! มันคุ้มค่าหรือไม่!?”
แม้แต่อวิ๋นอวี้ชิงก็มองซูอันโดยไม่รู้ตัว อยากรู้ว่าเขาจะตอบกลับอย่างไร?
ซูอันถอนหายใจ “มีหลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้ที่ประเมินค่าไม่ได้ว่า ‘คุ้ม’ หรือ ‘ไม่คุ้ม’ ข้ารู้แค่ว่าถ้าข้าไม่ช่วยนางในวันนี้ ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับความรู้สึกผิดและทุกข์ทรมาน”
สีหน้าของจูเซี่ยฉือซินเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ในเมื่อเจ้าเต็มใจที่จะทำลายโอกาสของตัวเองเพราะผู้หญิง เช่นนั้นเจ้าก็… จงตายไปซะ!” คลื่นพลังของเขาพุ่งพล่าน โซ่เกี่ยววิญญาณในมือแยกออกเป็นหลายส่วนส่งเคียวสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาซูอัน
ซูอันมีสติครบถ้วน แต่เขาหลบไปไม่ได้เพราะอวิ๋นอวี้ชิงที่อยู่ด้านหลังจะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ทันที สีหน้าของเขาเคร่งขรึมในขณะที่ใช้ทุกสิ่งที่เคยเรียนรู้ป้องกันกลุ่มเคียวสีดำที่พุ่งเข้ามา หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของเขาเกิดบาดแผลที่มีเลือดไหลซึมนับไม่ถ้วน
ช่องว่างในการบ่มเพาะระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นมากเกินไป มันไร้ประโยชน์ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม โชคดีที่เขามีวิชาปฐมบทแรกเริ่มซึ่งช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของร่างกาย ไม่อย่างนั้นเขาคงกลายเป็นก้อนเลือดไปแล้วด้วยเคียวปลายโซ่ที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น
ซูอันถอนหายใจ เขาจำได้ว่าอวิ้นเจียนเยว่เคยจัดการกับเคียวพวกนี้ในพระราชวังตะวันออกได้ง่ายเพียงใด เมื่อเขาเผชิญหน้ากับมันในตอนนี้ด้วยตัวเองถึงได้รู้ว่ามันน่ากลัวและทรงพลังอย่างยิ่ง
“วิบัติสังหารมาร!” อวิ๋นอวี้ชิงกรีดร้องน้ำตาคลอเบ้า มองดูซูอันปกป้องนางโดยไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ไม่หวั่นเกรงแม้กระทั่งความตาย นางอยากจะมีมืออีกข้างเพื่อที่จะวาดอักขระสร้างค่ายกลให้เสร็จเร็วขึ้น
อักขระวิเศษนับไม่ถ้วนกะพริบกลางอากาศ และลำแสงสีม่วงเจิดจ้าพุ่งตรงออกมาจากพวกมัน ลำแสงทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกันคือ จูเซี่ยฉือซิน
สีหน้าของจูเซี่ยฉือซินเปลี่ยนไป เขาสะบัดแขนดึงโซ่เกี่ยววิญญาณทั้งหมดกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนเหวี่ยงพวกมันขึ้นเหนือหัวอย่างรวดเร็ว สร้างเกราะป้องกันคล้ายร่มเพื่อป้องกันลำแสงสีม่วงที่มุ่งหน้ามา
หน้าผากของอวิ๋นอวี้ชิงเต็มไปด้วยเหงื่อ นางรักษาอักขระวิเศษด้วยความยากลำบากในขณะที่บอกซูอันว่า “ข้าไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ ข้าทำได้แค่ขัดขวางเขา เจ้าต้องหนี ไม่อย่างนั้นเราทั้งคู่จะต้องตายอยู่ที่นี่!”
สีหน้าของซูอันมืดครึ้ม เขาตอบว่า “อาจไม่เป็นอย่างนั้น!” ร่างของเขาสว่างวาบในขณะที่พุ่งเข้าหาจูเซี่ยฉือซิน!
……….