เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1101 ชายหยินหยางกับนางแมว
บทที่ 1101 ชายหยินหยางกับนางแมว
……….
บทที่ 1101 ชายหยินหยางกับนางแมว
ครั้นเห็นภาพนี้ ซูอันก็ถอนหายใจ “คนผู้นี้มาถึงระดับที่เป็นหนึ่งเดียวกับหอกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเจอกับปรมาจารย์อักขระอย่างเจ้า แทนที่จะเป็นคู่ต่อสู้ระยะประชิด มันก็ยากที่จะบอกว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”
อวิ๋นอวี้ชิงพยักหน้าด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ทักษะหอกของเขาสูงส่งจริง ๆ”
เหลือเพียงคน ๆ เดียวที่ยืนอยู่ กำไลเงินและทองจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่รอบตัว ปกป้องเขาเหมือนเปลือกไข่และป้องกันลำแสงโดยรอบอย่างขันแข็ง
อย่างไรก็ตาม ลำแสงสีม่วงเหล่านี้น่ากลัวเกินไป กำไลจำนวนมากหายไปทันทีที่สัมผัสกับลำแสง ในไม่ช้ากำไลก็ลดขนาดลงถึงหนึ่งในสาม
ชายคนนั้นโกรธจัด “พวกเจ้าจะยืนดูกันอีกนานไหม?!” เขาตวาดจนสุดปอด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขมขื่นและความไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาแห่งความฟุ้งซ่านนั้นเองที่ลำแสงสีม่วงทะลุผ่านใจกลางกำไลและพุ่งตรงสู่หน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเขาเริ่มเฉื่อยชา จากนั้นลำแสงทั่งหมดก็พากันทะลุทะลวงร่างกายของเขาจนพรุนไปด้วยรูเลือด
เขาทรุดลง หายใจหอบ และกำลังจะหมดสติ ในขณะนั้นเขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงเลือกกำไลที่มีรูตรงกลางแทนที่จะเป็นโล่?
อย่างไรก็ตาม เขายิ่งไม่พอใจกับเรื่องอื่น พยายามกลั้นลมหายใจเฮือกสุดท้าย ดวงตาเบิกกว้างขณะจ้องมองไปยังทิศทางหนึ่ง
ซูอันเตือนอวิ๋นอวี้ชิงเสียงเบา “ระวังด้วย มีคนซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หนึ่งในนั้นเป็นผู้บ่มเพาะธาตุวิญญาณ”
อวิ๋นอวี้ชิงเปล่งเสียง ‘อืม’ รับรู้ มองไปทางอื่นด้วยสีหน้าจริงจัง
ร่างที่มองไม่เห็นส่งเสียงหัวเราะหยอกล้อและเย้ายวน “เจ้าไม่หยิ่งผยองถึงขนาดดูถูกพวกเราทุกคนเหรอ? อะไรนะ ในที่สุดก็จำได้แล้วเหรอว่ากำลังจะตาย”
เสียงหัวเราะของร่างนั้นเปรียบได้กับเสียงระฆังอันไพเราะซึ่งดูเหมือนจะซึมซาบเข้าไปในจิตวิญญาณของผู้ที่ได้ยิน
นักพรตเต๋าชายและหญิงเข้ามาในพื้นที่อย่างช้า ๆ เครื่องแต่งกายของพวกเขาค่อนข้างแตกต่างจากกลุ่มชายชุดดำ
เสื้อผ้าของชายคนนั้นมีสีขาวครึ่งหนึ่งและสีดำอีกครึ่งหนึ่ง แบ่งตรงกลางออกอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ ใบหน้าของเขามีสีขาวครึ่งหนึ่งและสีดำอีกครึ่งหนึ่งเช่นกัน ในมือข้างหนึ่งถือธงวิญญาณ
ม้าลาย? ผู้ชายหยินหยาง?*[1] คำศัพท์หลายคำผุดขึ้นในหัวของซูอัน
อย่างไรก็ตาม ความสนใจของเขาถูกดึงไปที่อีกคนอย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้แต่อวิ๋นอวี้ชิงก็ยังเหม่อมองโดยไม่รู้ตัว นางเป็นผู้หญิงที่เดินด้วยท่วงท่าที่เย้ายวนเหมือนแมว ทั่วร่างปิดมิดชิดภายใต้เสื้อคลุมสีน้ำเงินตั้งแต่หัวจรดเท้า สวมหมวกฟางมีแพรสีดำปิดบังใบหน้าไว้มิดชิด ซูอันและอวิ๋นอวี้ชิงสามารถมองเห็นคางและริมฝีปากสีแดงสดตลอดจนไรผมสีทองที่ล้อมกรอบใบหน้าของนางได้อย่างคลุมเครือ
เหตุผลที่ผู้หญิงคนนี้ดึงดูดสายตายิ่งนัก เพราะนอกจากชุดลึกลับของนางแล้ว ก็คือหน้าอกที่ใหญ่โต แม้แต่ชุดแปลก ๆ ของนางก็ไม่สามารถซ่อนมันได้ ช่วงล่างของเสื้อคลุมมีเรียวขาที่สวยงาม มีเชือกสีแดงผูกรอบข้อเท้าข้างขวาแนบไปกับกระดิ่งขนาดเล็กและสวยงามซึ่งส่งเสียงไพเราะทุกครั้งที่ก้าวเดิน
แต่ตอนนี้ชายผู้สวมแหวนเงินและทองไม่รู้สึกชื่นชมใด ๆ เลย กลับรู้สึกเพียงเคียดแค้นไม่รู้จบ เขาพูดว่า “เจียซืออี๋ ซู่ซู่ห่าว ผู้นำจะไม่ปล่อยเจ้าไปเมื่อรู้ว่าเจ้ายืนมองพวกเราตายโดยไม่ทำอะไรเลย”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ มองเผิน ๆ ชายคนนี้ดูเหมือนจะสาปแช่งผู้ร่วมงาน แต่ในความเป็นจริง เขากำลังบอกชื่อของผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ เขาคงอยากให้ข้ากำจัดพวกมันถ้าข้าหนีไปได้ จิ๊ ๆ ต้องเกลียดกันขนาดไหนถึงทำแบบนี้? เจ้ากำลังหักหลังเพื่อนในขณะที่ตัวเองกำลังจะตาย
ผู้หญิงที่ชื่อเจียซืออี๋หัวเราะคิกคัก “เจ้าไม่ใช้นักฆ่าเดนตายทดสอบผู้หญิงคนนั้นแล้วเหรอ? วิธีนี้เราเรียนรู้มาจากเจ้า แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะรับไม่ได้กับการเป็นคนที่ถูกใช้ทดสอบเสียเอง?” นางเสริมว่า “อย่าพยายามทำให้เรากลัวโดยใช้ชื่อผู้นำของเจ้าเลย ข้ายังไม่ได้สะสางหนี้กับพวกเจ้าทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ชายแดนใต้ในตอนนั้น!”
ชายผู้สวมกำไลตกใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “ข้ารู้ว่าไอ้พวกคนที่มาจากชายแดนใต้ไม่น่าไว้ใจ! พวกเจ้าล้วนไม่ใช่มนุษย์ จิตใจเต็มไปด้วยความคิดคดและชั่วร้าย!”
ชายครึ่งขาวครึ่งดำมีรอยยิ้มที่น่ากลัวขณะที่โต้กลับ “เจ้าเพิ่งรู้ตอนนี้เหรอ?” เสียงของเขาแหบแห้งและไม่น่าฟังเหมือนอีกา เสียงนั้นราวกับมีหินแหลมคมบดอยู่ในลำคอ
บุรุษผู้สวมกำไลกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าทั้งสองได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อผู้นำแล้ว เจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานกับทัณฑ์สวรรค์อย่างแน่นอน!”
คนที่ถูกเรียกว่าเจียซืออี๋หัวเราะคิกคัก “แต่เราไม่ได้ทำอะไรผิด…? ไม่ใช่ว่าเราเป็นคนที่ฆ่าเจ้า โน่น… พวกมันโน่น ไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลย”
“เจ้าแค่ใช้คนอื่นทำงานสกปรก! ผู้นำจะไม่ปล่อยเจ้าสองคนไปแน่ ๆ!” ชายผู้สวมกำไลกัดฟันด้วยความโกรธ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ผู้นำของเจ้าทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีพลังพอที่จะจัดการกับเรา!” เจียซืออี๋หัวเราะคิกคักและพูดว่า “สำหรับคำสาบานนั้น… เราจะเป็นอิสระหลังจากช่วยเขาในเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วพวกเราไม่ใช่คนที่ล้างแค้นแทนเจ้าเหรอ? เจ้าควรจะขอบคุณเราด้วยซ้ำ”
ชายผู้สวมกำไลอ้าปาก ดูเหมือนเขาจะต้องการสาปแช่งทั้งสอง แต่อาการบาดเจ็บรุนแรงเกินไป เขาใช้พละกำลังจนหมดแล้วหลังจากพูดหลายสิ่งหลายอย่าง จากนั้นจึงกระอักเลือดออกมาเต็มปากและเสียชีวิตไปอย่างขุ่นเคือง
ซูอันเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้ก็ดูจะเหมาะสมกับเส้นทางนักรบคีย์บอร์ดไม่น้อย? แม้ว่าคำพูดของนางจะฟังดูไม่พิเศษนัก แต่พวกมันแทงใจดำ นางเกือบจะฆ่าชายคนนั้นด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าสองคนมีเรื่องบาดหมางกับผู้นำของพวกเขา งั้นเรามาจับมือกันและแยกย้ายดีไหม? ต่างคนต่างไป”
เจียซืออี๋ระเบิดเสียงหัวเราะ ร่างกายของนางโยกไปมา “โอ้ น้องชาย… ข้าอยากจะตอบตกลงจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เราได้ให้คำปฏิญาณไปแล้ว เจ้าเข้าใจไหม เราต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เสียใจด้วย!”
ทันทีที่เจียซืออี๋พูดจบซูอันรู้สึกว่ามีเข็มทิ่มแทงในหัวของเขาอีกครั้ง อวิ๋นอวี้ชิงก็เอามือกุมหัวของนาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ซูอันไม่พอใจ ครั้งก่อนเขาไม่รู้ว่าใครเป็นผู้บ่มเพาะธาตุวิญญาณจึงถูกเล่นงาน แต่ตอนที่เขารู้แน่แล้วว่าเป็นบุคคลนี้ เขาได้เตรียมพร้อมรับมือเอาไว้
ซูอันเรียกใช้นกกระจิบร้อยเสียง เสียงร้องที่สดใสและชัดเจนของมันส่งคลื่นเสียงที่มองไม่เห็นออกไป ความรู้สึกถูกทิ่มแทงหายไปในทันทีที่ นกกระจิบร้อยเสียงปรากฏขึ้น และอวิ๋นอวี้ชิงก็กลับมาเป็นปกติเช่นกัน
ซูอันค่อนข้างงุนงง อวิ๋นอวี้ชิงเป็นผู้บ่มเพาะธาตุวิญญาณ เนื่องจากทักษะตาปีศาจของนาง ทำไมนางถึงเจ็บปวดจากการโจมตีครั้งนี้?
ไม่นานนักเขาก็นึกออกว่านั่นเป็นความสามารถของเผ่าพันธุ์ปีศาจ และตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองหลวง นางคงไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเนื่องจากกลัวอันตรายที่จะตามมา
“อ๊ะ!?” เจียซืออี๋เปล่งเสียงประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่านางไม่คาดคิดว่าซูอันจะตอบโต้อย่างรุนแรง จากนั้นนางก็กุมศีรษะและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ซูอันจะปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร? เขาหายตัวมาปรากฏต่อหน้าเจียซืออี๋ แล้วยกกระบี่ไท่เอ๋อร์ขึ้นแทงตรงไปที่คอของนาง!
*[1] คนที่มีอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งสองเพศ
……….