เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1100 วิบัติสังหารมาร
บทที่ 1100 วิบัติสังหารมาร
……….
บทที่ 1100 วิบัติสังหารมาร
ซูอันเครียดยิ่งขึ้นเมื่อคิดทบทวนเรื่องทั้งหมด หน้าไม้มหากาฬ ผู้ใช้กระบี่ที่ประสานต่อสู้ ผู้ใช้ค้อน ผู้ใช้หอก… รู้สึกว่ากองทัพต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน อย่าบอกนะว่าเป็นตระกูลฉินที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้? ข้าควรทำอย่างไรกับชูเหยียนและโหยวเจาที่อยู่ตรงกลาง?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้ เพราะชายผู้สวมกำไลได้เคลื่อนไหวแล้ว กำไลของเขาเข้าโจมตีอวิ๋นอวี้ชิงอย่างคาดเดาไม่ได้ และเหล่าชายชุดดำยังใช้ผนึกกระบี่ตัดช่องทางหลบหนีของนาง
สีหน้าของอวิ๋นอวี้ชิงยังคงสงบ นิ้วที่เรียวยาวของนางวาดอักขระบนอากาศ อักขระวิเศษที่มีแสงริบหรี่เริ่มลอยวนรอบตัวนางทีละตัว
“ระวัง! อย่าปล่อยให้นางสร้างค่ายกลนั่น!” ชายที่ใส่กำไลตกใจ พยายามโจมตีอักขระวิเศษในอากาศ แต่อักขระเหล่านั้นเป็นวัตถุที่จับต้องไม่ได้ กำไลทั้งหมดทะลุผ่านไป
พลังชี่โดยรอบเริ่มปั่นป่วน บรรยากาศเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอักขระวิเศษเหล่านี้ไม่ใช่แค่ของตกแต่ง แต่กำลังสร้างการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนในโลกนี้ล้วนเกรงกลัวปรมาจารย์อักขระ! การโจมตีของพวกเขาลึกลับและลึกซึ้งเกินไป แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือกับสิ่งที่วิเศษเหนือความเข้าใจเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นไม่รู้สึกสิ้นหวัง ความตื่นตระหนกและความเกรี้ยวกราดในตอนแรกของเขาหายไป กลับมีรอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาพุ่งไปยังทิศทางหนึ่งแล้วตะโกนก้อง “ไฟ!”
ในพริบตานั้นเอง แสงสีดำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงก็พุ่งออกมาจากอาคารใกล้เคียงมาถึงด้านหน้าของอวิ๋นอวี้ชิง
ชายผู้สวมกำไลจงใจแสร้งตื่นตระหนกและทำอะไรไม่ถูกเพื่อบังคับให้นางอยู่ในท่านี้ เห็นได้ชัดว่าหลังจากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่ปรมาจารย์อักขระระดับสูงก็ยังตกหลุมพรางของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าปรมาจารย์อักขระจะเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมทุกประเภท แต่ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอกว่าผู้บ่มเพาะทั่วไปมาก เมื่อถูกโจมตีด้วยหน้าไม้มหากาฬ ไม่มีกลอุบายใดที่จะช่วยนางได้
อวิ๋นอวี้ชิงรู้สึกตกใจอย่างมาก ความสนใจส่วนใหญ่ของนางมุ่งเน้นไปที่ผนึกจากอักขระวิเศษ อย่างไรก็ตามนางทำได้สำเร็จเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคนเหล่านี้ก็ไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ได้ แต่นางไม่คาดคิดว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคที่รุนแรงถึงชีวิต!
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลบหลีกการโจมตีที่บ้าคลั่งทั้งหมดที่เข้ามาหา พละกำลังของนางหมดไป และหน้าไม้มหากาฬก็เร็วเกินไป นางจะหลบทันเวลาได้อย่างไร?
จบสิ้นแล้ว! อวิ๋นอวี้ชิงคิดขณะที่นางมองดูมุมผนังโดยไม่รู้ตัว นางอยากเจอผู้ชายคนนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่นางจะจากไป… หืม? เขาไปไหน?
“เจ้ามองหาข้าเหรอ?” พูดเสียงแผ่วเบาดังขึ้นข้างหู นางรู้สึกว่าตัวเองจมอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น จากนั้นศรยักษ์จากหน้าไม้มหากาฬที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งผ่านนางไป
“อาซู!” อวิ๋นอวี้ชิงรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขเมื่อหันกลับมา และเห็นว่าคนที่อุ้มนางอยู่คือซูอัน
เมื่อเห็นเหงื่อเม็ดเล็กบนหน้าผากของอวิ๋นอวี้ชิง ซูอันก็ตระหนักว่านางเครียดมากตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาพูดอย่างขอโทษ “ลำบากเจ้าแล้ว”
“ข้าไม่เป็นไร” อวิ๋นอวี้ชิงมองไปที่หน้าอกของซูอันอย่างรวดเร็วและถามว่า “แล้วแผลของเจ้าล่ะ?”
ซูอันหัวเราะและตอบว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าสบายดี เจ้าลืมไปหรือเปล่าว่าข้าคือผู้ชายที่เข้มแข็งที่สุดในโลก”
อวิ๋นอวี้ชิงหน้าแดง ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์แบบไหน? ถึงอย่างนั้นชายคนนี้ก็ยังพูดจาเล่นหัวเช่นนี้
“เป็นไปไม่ได้!” ชายชุดดำมองซูอันด้วยความไม่เชื่อ
หน้าไม้มหากาฬมีพลังแบบไหนกัน! คนธรรมดาย่อมถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว แล้วทำไมเขาถึงไม่เพียงแค่ไม่ตายเท่านั้น แต่ยังดูสุขสบายดีอีกด้วย? มีเพียงผิวหนังที่ซีดลงเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็เห็นว่าซูอันถูกตรึงไว้กับกำแพงด้วยศรยักษ์นั่น แม้ว่าเขาจะไม่ตายแต่ก็ควรจะได้รับบาดเจ็บสาหัส อวัยวะภายในของเขาควรจะแหลกเหลวจากแรงกระแทก!
เมื่อได้รับการบ่มเพาะถึงระดับที่เจ็ด พวกเขาจะได้รับความสามารถในการฟื้นฟูที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนในการฟื้นฟู! แล้วชายคนนี้ใช้เวลานานแค่ไหน? ชั่วก้านธูป?
“ให้ข้ากำจัดพวกน่ารำคาญนี้ก่อน” นิ้วของอวิ๋นอวี้ชิงวาดอักขระตัวสุดท้ายบนอากาศ อักขระสีม่วงปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากนั้นอักขระก่อนหน้าตัวอื่น ๆ ที่มีแสงริบหรี่ก็สว่างขึ้นหลายเท่า
ร่างชุดดำทั้งหมดหลบอย่างลนลาน บางคนยกโล่ขึ้นป้องกันตัว โชคไม่ดีที่เมื่อลำแสงสีม่วงกระทบกับโล่ของพวกเขา พวกมันเจาะทะลุเข้าไปตรง ๆ ทะลุทะลวงร่างของเหล่านักฆ่าเดนตายจนสิ้นใจล้มลงกับพื้นทีละคน
เงาของหอกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้ใช้หอก ปกป้องเจ้าของมันจากสำแสงสีม่วง อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถยันสถานการณ์นี้ไว้ได้ตลอดไป ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแตะเท้ากับพื้น ปล่อยร่างกายและหอกของเขาหมุนเป็นเกลียวพุ่งตรงไปยังอวิ๋นอวี้ชิง
เขารู้ว่าการต่อสู้กับปรมาจารย์อักขระในระยะไกลเป็นการฆ่าตัวตายอย่างสมบูรณ์ และการต่อสู้ระยะประชิดเท่านั้นที่เขาจะมีโอกาสได้รับชัยชนะ น่าเสียดายที่ลำแสงสีม่วงส่องประกายอยู่ข้างหน้า ปิดกั้นเส้นทางของเขาไว้
ผู้ใช้หอกคำราม ร่างกายของเขายิ่งหมุนเร็วขึ้นไปอีก ประกายไฟแลบแปลบปลาบไปมาระหว่างปลายหอกกับสิ่งกีดขวาง
เมื่อเห็นว่าปลายหอกสามารถเจาะเกราะได้ ซูอันรีบเคลื่อนไปข้างหน้าอวิ๋นอวี้ชิงเพื่อปกป้องนางและร้องว่า “ระวัง!”
อวิ๋นอวี้ชิงยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ค่ายกลนี้จะใช้พลังของเขาเพิ่มเข้าไปให้ตัวมันเอง ยิ่งเขาใช้พลังมากเท่าไร การป้องกันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
ซูอันรู้สึกมึนงง ทักษะนี้ไม่ไร้สาระไปหน่อยเหรอ? เจ้าจะไม่ตายเหรอถ้าเจ้าติดอยู่ข้างใน?
อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าทุกสิ่งมีขีดจำกัด หากคู่ต่อสู้มีพลังเหนือกว่าอวิ๋นอวี้ชิงมาก พวกเขาสามารถใช้กำลังแทงทะลุเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
ยังจำมังกรผู้เฒ่าที่เขาเจอระหว่างทางไปเมืองหลวงได้หรือไม่? หลังผ่านเหตุการณ์นั้นมา เขาก็ยังสบายดี น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ในตอนนี้ยังห่างไกลจากมังกรผู้เฒ่ามาก ในที่สุด หอกไม่สามารถต้านทานพลังอันแข็งแกร่งได้อีกต่อไป มันเริ่มมีรอยแตกร้าวจากนั้นก็หักไปครึ่งหนึ่ง
ชายร่างสูงเพรียวชะงักค้างเมื่อเห็นหอกที่หัก หอกพู่แดงคือคู่ชีวิตของเขามาเป็นเวลาหลายปี ไม่เคยแยกจากมันแม้ในยามหลับใหล เขาเป็นหนึ่งเดียวกับหอกแล้ว อาจารย์ของเขาเคยบอกว่าตราบใดที่หอกยังอยู่ เขาก็จะอยู่ ถ้าหอกถูกทำลาย เขาก็ตายเช่นกัน
ทันทีที่ความคิดนั้นเข้ามาในหัวของเขา ร่างกายของเขาก็ถูกทะลวงด้วยแสงสีม่วงหลายเส้นจนเลือดพุ่งกระฉูดออกจากร่าง แม้แต่ความสามารถในการฟื้นฟูที่ทรงพลังของผู้บ่มเพาะระดับเจ็ดก็ยังมีขีดจำกัด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟื้นตัวจากบาดแผลร้ายแรงจำนวนมากเช่นนี้
แม้จะหลับตาหมดลมหายใจ ชายผู้ใช้หอกก็ยังคงยืนตรงอยู่กับที่โดยไม่ล้มลง ตัวตั้งตรงเหมือนหอกที่เป็นอาวุธคู่กาย
……….