เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1099 ปรมาจารย์อักขระ
บทที่ 1099 ปรมาจารย์อักขระ
……….
บทที่ 1099 ปรมาจารย์อักขระ
“อาซูอย่าทำให้ข้ากลัวแบบนี้สิ…” เสียงของอวิ๋นอวี้ชิงสั่นเมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง มือขาวนวลลูบไล้บาดแผลของเขาอย่างแผ่วเบา แสงสีม่วงจาง ๆ ส่องออกมาจากบาดแผล ช่วยให้ซูอันหายจากอาการบาดเจ็บที่น่าสะพรึงกลัวจากศรของหน้าไม้มหากาฬ
“หยุดนาง!” ชายตัวเตี้ยล่ำถือค้อนอันใหญ่คำราม เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้มีพลังมากเพียงใด เขาไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไปและรีบวิ่งเข้าใส่ ฝีเท้าอันหนักหน่วงถึงกับทำให้พื้นแยกออกจากกัน จากนั้นเขาก็เหวี่ยงค้อนยักษ์ในมือ
แต่ก่อนที่เขาจะมาถึงสายลมกระโชกแรงน่ากลัวจากค้อนที่ถูกเหวี่ยงพัดลังไม้ใกล้ ๆ แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หากค้อนยักษ์นั้นโดนซูอันและอวิ๋นอวี้ชิงร่างกายของพวกเขาจะถูกบดขยี้ทันที
“หลบไป!” อวิ๋นอวี้ชิงตะโกน เนื่องจากซูอันอยู่ในสภาพวิกฤต นางจึงไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นคนอ้วนที่มีท่าทางมุ่งร้ายวิ่งมา นางยกมือขึ้นและใช้นิ้ววาดอักขระในอากาศ
อักขระวิเศษที่ลึกลับเปล่งประกายด้วยแสงสีม่วง ราวกับว่าโล่โปร่งใสก่อตัวขึ้นจากอากาศล้อมรอบตัวนางและซูอันเอาไว้
แววเหยียดหยามฉายผ่านดวงตาของชายร่างเตี้ย ต่อให้เป็นเกราะหนักจากกองทัพ มันก็ไม่สามารถรับการเหวี่ยงเต็มกำลังจากค้อนของเขาได้
เขายังคงเหวี่ยงค้อนไปข้างหน้า ในเวลาเดียวกัน เขาก็เพิ่มพลังขึ้นอีกสามในสิบส่วนโดยกังวลว่าอักขระอาจมีเล่ห์เหลี่ยมบางอย่าง ในชีวิตการเป็นนักรบหลายสิบปีของเขา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถฝ่าฟันไปได้ ถ้ามันรอดจากการโจมตีครั้งแรก เขาก็จะพยายามอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เสียงกระแทกของค้อนอย่างที่คาดว่าจะได้ยินไม่ดังขึ้น เขารู้สึกราวกับเรี่ยวแรงทั้งหมดจมลงไปในก้อนสำลี ตาของชายร่างเตี้ยแทบจะถลนออกมาจากเบ้า เพราะเห็นค้อนของตัวเองจมเข้าไปในโล่ที่มีสภาพเหมือนเยื่อที่ห่อหุ้มทั้งสองคนไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถฉีกมันออกจากกันได้
เขาใช้พละกำลังมากขึ้น ดูเหมือนว่ากำลังจะสัมผัสเนื้อตัวของซูอันและร่างกายของผู้หญิงคนนั้น แต่ก็ไม่สามารถไปต่อได้ไกลกว่านั้น
“ระวัง!” สหายของชายร่างเตี้ยร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
ชายร่างเตี้ยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ กำลังจะออกวิ่งตามสัญชาตญาณ แต่ทันทีที่เขาหยุดออกแรง โล่ที่จมยุบกลับเหมือนสปริงที่ถูกบีบอัดจนถึงขีดสุด มันจะขยายตัวทันทีหากแรงต้านน้อยลงแม้เพียงน้อยนิด
ชายร่างเตี้ยรู้สึกว่ามีแรงสั่นสะเทือนพุ่งเข้ามาหา เขาใช้พละกำลังไปเกือบหมดก่อนหน้านี้แล้ว จะต้านทานอย่างไรไหว? เลือดพุ่งออกจากปากในขณะที่ร่างกายกระแทกพื้นเหมือนกระสอบทรายแตก
เขาพยายามลุกขึ้นยืน แต่ก็ไม่สามารถทำได้แม้จะพยายามอยู่เป็นเวลานาน ร่างกายของเขายังคงกระตุกต่อไป และกระอักเลือดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีแม้กระทั่งชิ้นส่วนของอวัยวะภายในปะปนอยู่ในเลือดที่กระอักออกมา
ซูอันรู้สึกตกใจอย่างมากในขณะที่เฝ้ามองเรื่องทั้งหมดนี้ การเคลื่อนไหวของอวิ๋นอวี้ชิงนั้นยอดเยี่ยมและน่าเกรงขามเกินไปแล้ว
ชายผู้ใช้หอกประดับพู่สีแดงและชายผู้สวมกำไลสองวงวิ่งมาหาสหายอย่างรวดเร็ว ผู้ใช้หอกหมอบลงและตรวจสอบโดยกล่าวว่า “กระดูกถูกทุบอย่างน้อยหกในสิบส่วน! มีอาการบาดเจ็บภายในด้วย เขาอาจจะไม่มีวันฟื้นคืนสู่สภาพสมบูรณ์ได้อีก แม้ว่าเราจะช่วยชีวิตเขาไว้ก็ตาม”
อวิ๋นอวี้ชิงไม่พอใจ “สหายของเจ้าควรโทษตัวเอง ความสามารถของอักขระนี้คือ ‘สะท้อน’ ที่คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงขนาดนี้เพราะแรงโจมตีสะท้อนเข้าสู่ตัวเอง เขาอยู่ในสภาพเช่นนี้เพราะความโหดร้ายของตัวเองไม่ใช่หรือไง?”
ซูอันเปล่งเสียงสรรเสริญในใจ เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นทักษะสะท้อนพลัง สาว ๆ ของข้าเก่งกาจกันจริง ๆ
“ปรมาจารย์อักขระ?” ผู้ใช้หอกขมวดคิ้ว
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันที ท้ายที่สุดมีผู้บ่มเพาะมากมายในโลกนี้ แต่ปรมาจารย์อักขระนั้นหายากและล้ำค่า อาวุธที่น่าหลงใหล เครื่องมือป้องกัน และผนึกล้วนต้องการทักษะของปรมาจารย์อักขระ พระราชวังหลวงและที่พักของผู้มีอำนาจต่าง ๆ ล้วนมีผนึกป้องกันที่สร้างโดยปรมาจารย์อักขระ ยิ่งระดับของอักขระสูงเท่าไร สถานะของผู้ใช้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ปรมาจารย์อักขระระดับต่ำก็เรื่องหนึ่ง แต่ปรมาจารย์อักขระระดับสูงนั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในสถาบันหลวง ทุกคนก็มีค่าราวกับไข่มุก เป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ที่ทุกอาณาบริเวณต่างก็ต้องยอมรับ ทำให้พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่หยิ่งยโสอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่เต็มใจแม้แต่จะแสดงความเคารพต่อขุนนางที่มากอำนาจ
ผู้หญิงคนนี้สามารถทำร้ายผู้บ่มเพาะระดับเจ็ดได้อย่างง่ายดายด้วยอักขระ นางเป็นปรมาจารย์อักขระระดับสูงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์อักขระในสถาบันหลวง ต่างก็มีอายุมากแล้ว อาจารย์หญิงที่น่าทึ่งเช่นนี้มาจากไหน?
คนที่สวมกำไลสองวงเปลี่ยนท่าที น้ำเสียงของเขาอ่อนลงในขณะที่พูดว่า “ขออภัยท่านปรมาจารย์อักขระ เราไม่ได้โกรธเคืองกัน อย่าได้ขัดขวางกันเลย เราจะไม่โทษท่านเกี่ยวกับการบาดเจ็บของสหายของเรา ดังนั้นโปรดอย่า…”
อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านไปครึ่งประโยค เขาก็ยื่นมือออกมา กำไลทองคำและเงินบนแขนของเขาพุ่งออกไปหาอวิ๋นอวี้ชิงอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้มีกำลังเพียงสองวงอย่างชัดเจน แต่ในทันทีนั้นพวกมันแยกออกเป็นกำไลสีทองและสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วน ยิงตรงไปยังจุดสำคัญของอวิ๋นอวี้ชิง
ซูอันอารมณ์เสียมากจนเกือบจะลืมตาและสาปแช่งชายคนนั้น เจ้าไร้ยางอายเกินไป! ฟังดูเหมือนเจ้าพยายามประนีประนอม แต่แล้วสุดท้ายก็โจมตีในขณะที่นางกำลังเสียสมาธิ?
โชคดีที่อวิ๋นอวี้ชิงสามารถหลบออกไปด้านข้างได้ ฝูงกำไลเงินและทองยังคงไล่ตามนางอย่างไม่ลดละ
กำไลจำนวนมากที่มารวมกันดูเหมือนงูสีเหลืองและสีขาวกำลังไล่ตามนาง มีแม้แต่งูตัวเล็กกว่าหลายตัวที่แยกตัวออกมาและรออยู่ในพื้นที่ที่นางอาจร่อนลงเกิดเป็นตาข่ายขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นอวี้ชิงไม่ได้ลงสู่พื้น เท้าของนางแตะกับอากาศ ทิ้งร่องรอยไว้เป็นชั้น ๆ เหมือนเดินไปบนอากาศ รูปร่างของนางสง่างามราวกับเทพธิดา
คนที่สวมกำไลสองวงสะบัดข้อมือ กำไลนับไม่ถ้วนกลับมาที่ข้อมือของเขารวมตัวกันกลายเป็นกำไลหนาสองวงอีกครั้ง
ผู้ใช้หอกตกใจและอารมณ์เสีย “เจ้าบ้าเหรอ? เจ้าทำให้ปรมาจารย์อักขระขุ่นเคือง!”
ชายที่ใส่กำไลสองวงมีสีหน้ามืดครึ้มในขณะที่ตอบว่า “ตอนนี้เรามีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ? ถ้าเราไม่สามารถฆ่าปิดปากนางได้ เราก็จะอยู่ไม่ได้อยู่ดี”
ผู้ใช้หอกถอนหายใจ “ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ทุกคนมาโจมตีนางด้วยกันเถอะ!”
ประกายแสงชั่วร้ายจากหอกของเขาพุ่งออกไปเหมือนมังกรทันทีที่พูดจบ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน แต่ซูอันก็ต้องยอมรับว่าชายคนนี้ดูเหมือนคนที่สุขุมเยือกเย็น แต่เมื่อลงมือหอกของเขาก็ให้ความรู้สึกคุกคามอย่างน่าหวาดหวั่นราวกับว่าเขาจะต่อสู้จนตัวตาย นี่เป็นทักษะหอกที่ได้รับการขัดเกลาในสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพอย่างแน่นอน
……….