เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1095 อย่านับไก่ก่อนที่จะฟักเป็นตัว
บทที่ 1095 อย่านับไก่ก่อนที่จะฟักเป็นตัว
……….
บทที่ 1095 อย่านับไก่ก่อนที่จะฟักเป็นตัว
ซูอันหันกลับมาเห็นฉู่โหยวเจาและมู่หรงชิงเหอกำลังจ้องมองที่พวกเขาสองคนด้วยสีหน้ามึนงง ผิวขาวของฉู่โหยวเจาเป็นสีแดงทั้งหมด ในขณะที่มู่หรงชิงเหอมีผิวสีแทนสุขภาพดี ทั้งสองคนดูเหมาะสมกันดีจริง ๆ
ซูอันมองฉู่ชูเหยียนอย่างเสียอารมณ์และพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องกระเตงเด็กพวกนี้ไปกับเจ้าทุกที่”
ฉู่โหยวเจามีความสุขที่ได้เห็นซูอัน แต่นางก็ฉุนเฉียวทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเขา “กระเตงเด็ก? เจ้าควรจะขอบคุณข้า ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่คงถูกคนอื่นขโมยไปแล้ว!”
มู่หรงชิงเหอดึงแขนเสื้อของนาง “มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย พี่ชายของข้าแค่กระตือรือร้นออกหน้าออกตาไปหน่อย เขาไม่ได้มีเจตนาอื่นใด”
เมื่อเห็นฉู่ชูเหยียนทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต่อหน้าซูอัน เปรียบเทียบกับความเย็นชาเหินห่างต่อหน้ามู่หรงหลัว นางถอนหายใจข้างใน นางต้องบอกพี่ชายให้ยอมแพ้เสียแล้ว ไม่มีความหวังเลย
เห็นได้ชัดว่า ซูอันรู้ว่าพวกนางกำลังพูดถึงมู่หรงหลัว อย่างไรก็ตามด้วยสถานะปัจจุบันของเขา ไม่น่าจะมีเหตุผลใดที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไร ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด มดตัวเล็ก ๆ อย่างมู่หรงหลัวไม่มีทางส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเขากับชูเหยียน
ทันใดนั้น ซูอันสังเกตเห็นว่ามีถุงข้าวของแปลกตาในบ้านจึงถามด้วยความประหลาดใจ “มีใครเอาอะไรมาให้เหรอ?”
ฉู่ชูเหยียนสะกิดมู่หรงชิงเหอ นางเม้มปากแล้วพูดว่า “พี่ซู ครั้งนี้ข้าเป็นคนนำของขวัญเหล่านี้มาให้ เผื่อว่าท่านจะช่วยอะไรข้าได้บ้าง”
จากนั้นนางก็อธิบายว่าทำไมนางถึงมา ความจริงแล้วเมื่อทูตยุทธ์เสื้อแพรจากไปในตอนนั้น มู่หรงหลัวจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีทหารที่ดุร้ายจับตัวเขาไว้ ดูเหมือนว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์หญิงรัชทายาท ท่านสิบเอ็ดได้แสดงมิตรภาพกับซูอันก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ซูอันยังมีตำแหน่งในวังตะวันออก ดังนั้นมู่หรงชิงเหอจึงคิดว่าคนผู้นี้สามารถช่วยพี่ชายของนางได้
“อ้อ แบบนั้นเอง” ซูอันมองมู่หรงชิงเหอด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ เขาส่ายศีรษะและพูดว่า “ไม่มีทาง”
“ทำไม?” มู่หรงชิงเหอรู้สึกมึนงง อย่างน้อยคนปกติต้องปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิง อย่างน้อยนางก็ยังยอมรับได้ แต่ชายคนนี้กลับไม่เป็นอย่างที่คาดไว้และปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
ซูอันตั้งข้อสังเกตอย่างเฉยเมย “ทำไมข้าถึงต้องช่วยชีวิตผู้ชายที่เข้าหาภรรยาของข้าด้วยเจตนาไม่ดี?”
มู่หรงชิงเหอกัดริมฝีปาก อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงของนางก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน “ข้ารู้ว่าพี่ชายของข้าผิด แต่ข้าคิดว่าเขาคงได้รับบทเรียนมามากพอแล้ว นอกจากนี้ ข้าสัญญากับท่านได้ว่าต่อไปเขาจะไม่มีความคิดใด ๆ ที่ไม่ถูกไม่ควรอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นข้าจะช่วยท่านทุบตีเขาเอง”
“ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะสนับสนุนให้เขาเข้าใกล้ชูเหยียน…?” เสียงของซูอันเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ
ฉู่โหยวเจาเริ่มตื่นตระหนกขณะที่ฟังจากด้านข้าง นางกำลังจะพูดแทนเพื่อน แต่ฉู่ชูเหยียนคว้าแขนเสื้อของนางและส่ายหัว นางตระหนักดีว่ามีบางอย่างผิดปกติเช่นกัน
เมื่อออกไปเดินเล่นในวันนั้น มู่หรงชิงเหอดูเหมือนจะจงใจพาพวกนางไปที่ประตูฉงเหวิน นางไม่เคยรู้สึกสงสัยเลยในตอนนั้น แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่ามู่หรงชิงเหอจงใจเล่นบทแม่สื่อ
“ข้าขอโทษจริง ๆ” มู่หรงชิงเหอคิดเพียงว่าพี่ชายสามารถช่วยเรื่องฉู่โหยวเจาได้ ถ้าเขาลงเอยกับฉู่ชูเหยียน ทุกคนจะใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปกติแล้วนางจะค่อนข้างกล้าได้กล้าเสีย แต่ในตอนนี้นางจะสามารถพูดเหตุผลดังกล่าวออกมาได้อย่างไร? นางทำได้เพียงขอโทษอย่างอับอาย
ซูอันยังคงไม่แยแส เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างและรินชา ดูเหมือนจะบอกเป็นนัยให้นางออกไปเมื่อเขาเริ่มจิบชา มู่หรงชิงเหอสีหน้าบึ้งตึงมากขึ้นเรื่อย ๆ มันอึดอัดเกินไปที่จะอยู่ต่อ แต่ถ้าจากไปตอนนี้นางจะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลฉู่ นางตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ฉู่ชูเหยียนทนดูต่อไปไม่ไหวและพูดว่า “ชิงเหอ เรารู้จักกันมานานแล้ว ถ้าเจ้ามีอะไรอยากจะพูด เจ้าสามารถพูดกับข้าตรง ๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องเล่นเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้”
“ขออภัยพี่สาวฉู่ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว” มู่หรงชิงเหอรู้สึกผิดเช่นกัน ครั้งนี้นางโง่ไปมาก เห็น ๆ อยู่ว่าฉู่ชูเหยียนและซูอันสนิทกันมากเพียงใด แต่ตัวเองกลับคิดว่าพี่ชายงี่เง่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ!
ฉู่ชูเหยียนยิ้มแล้วมองซูอัน“อาซู ชิงเหอน้อยยอมรับผิดแล้ว นางเป็นเพื่อนที่ดีกับโหยวเจาตั้งแต่ยังเล็ก และนางก็เป็นน้องที่ดีของข้าด้วย ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเถอะนะ”
“ในเมื่อเจ้าเป็นคนพูดเช่นนี้ แล้วข้าจะทำตัวไม่มีเหตุผลได้ยังไง?” รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูอัน
“พี่เขยดีที่สุด!” ฉู่โหยวเจาได้รับแรงกดดันอย่างมากตลอดเวลานี้เช่นกัน ด้านหนึ่งเป็นเพื่อนสนิท อีกด้านหนึ่งคือพี่สาวและพี่เขย นางรู้สึกแย่มากที่อยู่ตรงกลาง ตอนนี้ได้เห็นว่าทุกอย่างคลี่คลายไปด้วยดีแล้ว ในที่สุดนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พี่ซู เป็นคนใจกว้างจริง ๆ” มู่หรงชิงเหอกัดริมฝีปาก หลังจากลังเลเล็กน้อย นางถาม “แล้วเกี่ยวกับพี่ชายของข้า…”
“ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเขา แต่เจ้าต้องสัญญากับข้ามาก่อน” ซูอันพูดอย่างจริงจัง
มู่หรงชิงเหอยิ้มทันทีและพูดว่า “พี่ซู พูดมาได้เลย! อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลยต่อให้เป็นสิบเรื่องข้าก็ยอมทุกเรื่อง!”
“อย่านับไก่ของเจ้าก่อนที่จะฟักเป็นตัว” ซูอันยิ้มอย่างคลุมเครือ “เงื่อนไขของข้าไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่าย ๆ”
มู่หรงชิงเหอกลืนน้ำลายเมื่อเห็นรอยยิ้มแปลก ๆ ของเขา “มันคืออะไร?”
ฉู่ชูเหยียนและฉู่โหยวเจาเอามืออุดหู แต่ซูอันโบกมือให้พวกนางออกไปก่อน ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะนางรู้ว่ามีคนอื่นที่ไม่ยินยอมอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าฉู่โหยวเจาตะโกนทันทีว่า “ทำไมเราต้องออกไปข้างนอกด้วย? เจ้าจะรังแกชิงเหอน้อยเหรอ?”
มู่หรงชิงเหอร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกและถอยหลังกลับโดยไม่รู้ตัว นางระมัดระวังในขณะที่มองซูอัน
ซูอันพูดไม่ออก ในที่สุดเขาก็ถามว่า “ข้าแย่ขนาดนั้นเลยเหรอในสายตาเจ้า?”
ฉู่โหยวเจาและมู่หรงชิงเหอต่างก็พยักหน้าพร้อมกันในขณะที่ฉากที่เขาทรมานฉู่ชูเหยียนปรากฏขึ้นในหัวของพวกนาง อา… ใบหน้าของทั้งสองร้อนขึ้น
ซูอันพูดอย่างกระวนกระวาย “ข้าต้องหารือเงื่อนไขกับนาง พวกเจ้าสนิทกัน ดังนั้นแน่นอนว่าเจ้าจะต้องปกป้องนาง ข้าจะคุยเรื่องนี้กับแม่นางมู่หรงได้อย่างไรถ้าเจ้าสองคนพูดแทนนาง แต่ถ้าข้าไม่ช่วย นางก็ไม่พอใจอีก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงจะดีกว่าถ้าเจ้าสองคนไม่ได้อยู่ที่นี่”
ฉู่ชูเหยียนเข้าใจในที่สุด นางพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นเราจะรอเจ้าที่ห้องอื่น” จากนั้นก่อนที่ฉู่โหยวเจาจะทันได้พูดอะไร นางก็คว้าตัวน้องสาวและจากไป
……….