เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1026 ภัยคุกคาม
บทที่ 1026 ภัยคุกคาม
บทที่ 1026 ภัยคุกคาม
“ปากของเจ้าอาจเริ่มพองถ้าพูดลับหลังคนอื่นตลอดเวลา” ซูอันพูดพลางถอนหายใจดังเฮือก
ซูอันค่อนข้างท้อแท้ เขาคิดว่านักฆ่าระดับสูงบุกเข้ามาจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ ในท้ายที่สุดมีเพียงฉู่ชูเหยียนและน้องสาวคนเล็กของนาง เขาจำได้ว่าเคยให้กุญแจกับนางมาก่อน ไม่น่าแปลกใจที่ผนึกตรงทางเข้าด้านหลังยังคงไม่บุบสลาย
“อา!” ใบหน้าของฉู่โหยวเจาแดงก่ำ ไม่คิดว่าจะถูกซูอันจับได้ นางย่อตัวตามพี่สาวคนโตด้วยความเขินอาย
ฉู่ชูเหยียนเองก็หน้าแดง นางไม่คิดว่าบทสนทนาของนางกับน้องสาวตัวน้อยจะถูกได้ยินเช่นนี้ “เจ้ากลับมาแล้ว…” นางพูดอย่างเขิน ๆ
“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว”
แม้ว่าบทสนทนาเหล่านี้จะดูธรรมดา แต่ทั้งสองคนเคยเป็นสามีภรรยากัน คำพูดเหล่านี้ทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นในใจอย่างมาก
ฉู่ชูเหยียนลุกขึ้นเดินไปหาเขา สายตาสำรวจขึ้นลง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับทายาทของราชันลมปราณทะเลาะกันเมื่อเช้านี้ เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
นางสวมชุดสีน้ำเงินเข้มงดงามอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม นางขาดความเย็นชาตามปกติ และดูเหมือนจะมีความอบอุ่นในแววตาเล็กน้อย
ซูอันถอนหายใจขณะที่ชื่นชมสาวงามที่อยู่ตรงหน้า “ภรรยาเป็นห่วงข้ามากที่สุด”
ฉู่ชูเหยียนหลีกเลี่ยงแขนที่ยื่นเข้ามา “มีเด็กอยู่ที่นี่ ระวังด้วย”
ฉู่โหยวเจา อารมณ์เสีย “พี่ใหญ่! ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ!”
ซูอันหัวเราะ “โหยวเจาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว”
ไม่ว่าจะเป็นอายุหรือร่างกายของนาง… ไม่ ๆ ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้น!
เขาเสริมอย่างรวดเร็วว่า “วันนี้โหยวเจาปกป้องข้าไว้หลายครั้ง การยืนหยัดเพื่อข้าในช่วงเวลานั้นต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก”
ถึงคราวของฉู่โหยวเจาที่ต้องอับอาย “ข้าไม่ได้ดีขนาดที่พี่เขยพูด” นางตอบอย่างเขินอาย
ฉู่ชูเหยียนลูบหัวน้องสาวอย่างชื่นชม “โหยวเจาโตแล้วจริง ๆ”
“ข้าไม่ได้ช่วยอะไรมากขนาดนั้น พี่เขยเป็นคนเข้มแข็ง พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้อยู่ที่นั่น พี่เขยเยี่ยมยอดมากจริง ๆ…” ดวงตาของฉู่โหยวเจาเปล่งประกายด้วยความยินดีขณะที่เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้ยินเรื่องนี้ นางก็ยังถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ “อาซู การบ่มเพาะของจ้าวจื่ออยู่ในระดับแปด! เจ้าไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ เหรอ?”
ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล สามีของเจ้าเก่งขนาดไหนรู้ไหม? คนไม่สำคัญอย่างจ้าวจื่อจะทำร้ายข้าได้อย่างไร?”
สีหน้าของฉู่ชูเหยียนเริ่มซับซ้อน “ข้าไม่คิดเลยว่าการบ่มเพาะของเจ้าจะเติบโตอย่างรวดเร็วขนาดนี้ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเจ้ายังเป็นคนธรรมดาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ข้าเองยังต้องจับตามองเจ้า”
นางรู้ว่าตัวเองจะต้องพ่ายแพ้ต่อจ้าวจื่อเว้น แต่นางจะใช้วิชาต้องห้าม อย่างไรก็ตาม หากใช้วิชาต้องห้ามนางก็จะกลายเป็นคนพิการ หญิงสาวไม่ต้องการผ่านเหตุการณ์เหมือนอย่างเช่นภายในมิติลับหยกจรัสอีก
ในทางตรงกันข้าม ซูอันเอาชนะจ้าวจื่อได้อย่างง่ายดาย นางไม่สามารถเปรียบเทียบตัวเองกับเขาได้อีกต่อไป
นางเป็นคนที่ภาคภูมิใจในตัวเองเสมอมา และยังเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในเรื่องการบ่มเพาะ อย่างไรก็ตาม ซูอันได้เอาชนะนางในเรื่องที่นางภาคภูมิใจมากที่สุด เป็นการยากที่จะไม่รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
ฉู่โหยวเจาอดไม่ได้เช่นกัน “ใช่แล้ว! พี่เขยยอดเยี่ยมจริง ๆ ท่านพ่อท่านแม่คิดอะไรในตอนนั้น? พวกเขาคิดว่าพี่ใหญ่คิดผิดที่แต่งงานกับพี่เขยจนถึงกับตัดสัมพันธ์ ทุกคนในเมืองจันทร์กระจ่างตาบอดหรือเปล่า? จากข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่ว ข้าเกือบเชื่อว่าพี่เขยเป็นขยะไปแล้วจริง ๆ…”
ฉู่ชูเหยียนพูดไม่ออก
ไม่แปลกใจที่พ่อกับแม่อยากได้บุตรชาย! หญิงสาวล้วนเกิดมาเพื่อทิ้งครอบครัว!
ซูอันโอบกอดนาง “ถ้าสามีของเจ้าแข็งแกร่ง แสดงว่าเจ้าแข็งแกร่งไปด้วย แล้วมันจะแตกต่างอะไร?”
ฉู่ชูเหยียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่ออยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา ความน้อยเนื้อต่ำใจหายไปจนหมด
“นี่ ๆ ยังมีข้าอยู่ที่นี่พวกท่านรู้ไหม?” ฉู่โหยวเจากล่าวอย่างอิจฉา
ซูอันกางแขนออก “ถ้าเจ้าต้องการ พี่เขยสามารถกอดเจ้าได้เช่นกัน”
ฉู่โหยวเจารีบไปซ่อนหลังฉู่ชูเหยียนอย่างตื่นตระหนก กระทืบเท้าแล้วทำหน้าบึ้ง “พี่ใหญ่!”
ฉู่ชูเหยียนมองซูอัน “การหยอกล้อผู้หญิงคนอื่นเป็นเรื่องหนึ่งสำหรับเจ้า แต่จะมาหยอกน้องภรรยาได้อย่างไร?”
ซูอันพูดทันทีว่า “อย่าเข้าใจผิด! ข้าแค่พยายามปลอบนาง อีกอย่าง ข้าไปหยอกล้อผู้หญิงคนอื่นตอนไหน?”
นี่คือหลักการที่ชายเจ้าสำราญต่างยึดถือ แม้ว่าจะมีหลักฐานที่หักล้างไม่ได้ ข้าก็ต้องยืนกรานกระต่ายขาเดียว!
“อย่างนั้นเหรอ?” ฉู่ชูเหยียนพูดพร้อมกับสูดลมหายใจ “แล้วใครคือผู้หญิงในรถม้าที่ช่วยเจ้าในวันนี้”
ฉู่โหยวเจาเริ่มสนใจในทันที ความอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน
“โอ้ นางน่ะเหรอ? ข้าคิดว่าชื่อของนางคืออวี้เหยียนลั่ว” ซูอันไม่ได้ปิดบัง เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่จักรพรรดิและทายาทของราชันลมปราณต่างรู้เรื่องนี้ ไม่นานข่าวคงแพร่กระจายออกไป
“ใครนะ?” ฉู่ชูเหยียนตกตะลึง
“อะไรนะ?” ฉู่โหยวเจาร้องออกมาอย่างไม่เชื่อ
“อวี้เหยียนลั่ว” ซูอันพูดซ้ำ เขาทำท่าทางไม่สนใจ แต่ยังรู้สึกดีมากที่ได้เห็นท่าทางตกใจของสองสาวตรงหน้า
เฮ้อ การโอ้อวดก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์เช่นกัน!
“สาวงามอันดับหนึ่งในอดีตของเมืองหลวง?” ฉู่โหยวเจาตื่นเต้น
“มีอวี้เหยียนลั่วคนอื่นอีกเหรอ?” ซูอันถามด้วยความสงสัย
“สวรรค์!” ฉู่โหยวเจาเอามือปิดปาก นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
ฉู่ชูเหยียนแสร้งทำเป็นไม่สนใจ “เจ้าสองคน… ไม่ได้รู้จักกัน ทำไมนางถึงช่วยชีวิตเจ้า”
ตั้งแต่ยังเด็ก ฉู่ชูเหยียนได้รับการยกย่องว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่าง อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงหลายคนในเมืองหลวงถือว่าหน้าตาดีพอ ๆ กับนาง
อวี้เหยียนลั่วเป็นสาวงามอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ตำนานความงามของอวี้เหยียนลั่วยังคงเลื่องลืออยู่จนถึงทุกวันนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเพ่ยเหมียนหมานและซูอันทำให้นางอารมณ์เสีย แต่นางไม่ได้เสียสติไปกับมัน… นางยังคงมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม พวกเขากำลังพูดถึงอวี้เหยียนลั่ว! นางพบว่ามันยากที่จะสงบสติอารมณ์ สตรีผู้นั้นได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง นี่คือผู้หญิงที่แม้แต่จักรพรรดิและราชันลมปราณก็ยังชื่นชม แม้แต่บิดา… แม่ของนางก็ยังพูดถึงเรื่องนี้ด้วยความหึงหวงบ่อย ๆ
นางจะไม่รู้สึกตื่นตระหนกกับคนที่อาจกลายมาเป็นศัตรูหัวใจคนใหม่ได้อย่างไร?
“ข้าเคยช่วยชีวิตนางไว้ครั้งนึง นางแค่ตอบแทนบุญคุณเท่านั้น” ซูอันอธิบาย สีหน้าตกใจของฉู่ชูเหยียนและน้องภรรยาทำให้เขารู้สึกสดชื่นอย่างแท้จริง
อึที่เหม็นที่สุดก็ยังหอมได้ในตอนนี้… ถุย ไม่ใช่ ข้าเปรียบเทียบอะไรแบบนี้!?
“เจ้าไปช่วยนางตั้งแต่เมื่อไร?” ฉู่ชูเหยียนสูญเสียความสงบ นางอยากรู้ทุกรายละเอียดเกี่ยวกับทั้งสองคน นางรู้สึกถึงภัยคุกคามที่ทำให้ร้อนใจ