เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 95 เป็นแมงดาไม่ใช่เรื่องง่าย (ต้น)
บทที่ 95 เป็นแมงดาไม่ใช่เรื่องง่าย (ต้น)
ท่านยั่วยุ เย่เฉินเหลียง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
เย่เฉินเหลียงไม่เคยรู้สึกถูกดูถูกขนาดนี้มาก่อน ในตอนแรกเขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถสร้างความอับอายให้กับฝั่งตรงข้ามจนไม่มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป แต่ใครจะไปคิดว่าทุกอย่างมันกลับตาลปัตรกลายเป็นเขาเองที่โดนเล่นงานอย่างเจ็บแสบแบบนี้?
เมื่อถึงจุดนี้ เขาได้ละทิ้งความคิดในการท้าประลอง ซูอัน ไปจนหมดคนที่สามารถฆ่า หมาป่ากระซวกทวาร ได้หลายสิบตัวไม่ใช่คนที่เขาสามารถรับมือได้อย่างแน่นอน
“เจ้ากล้าแสร้งทำตัวเก่งกาจได้ยังไงทั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะพรสวรรค์ระดับติงขั้นต่ำสุด?” ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ซูอัน หรี่ตามองไปที่เจ้าของเสียงทันที ซึ่งเจ้าของเสียงก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หงซิงอิง ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
นี่ข้าเคยไปรื้อหลุมฝังศพบรรพบุรุษของไอ้เด็กนี่ในชาติก่อนหรือไง? ทำไมมันถึงตามกัดข้าไม่ปล่อยเหมือนหมาบ้าแบบนี้?
บรรดาผู้คนที่เคยเห็นการทดสอบของซูอันที่หน้าทางเข้าก่อนหน้านี้ต่างก็เริ่มพยักหน้าเห็นด้วย “จริงด้วย พรสวรรค์ของมันแค่ระดับติงขั้นต่ำเท่านั้นข้าเองก็เห็นกับตา!”
“ตอนนี้เขาเรียนอยู่ชั้นเรียนสีเหลืองเท่านั้นเอง เขาจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดไหนกัน?”
เย่เฉินเหลียง รู้สึกขัดแย้งในใจอย่างมากกับเรื่องราวที่มันผกผันสลับไปสลับมาแบบนี้ เขาไม่คิดว่าคนเหล่านี้กำลังโกหก เพราะมีคนจำนวนมากที่เป็นพยานถึงเรื่องการทดสอบของซูอัน แต่ในขณะเดียวกัน
มันก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ จี้เสี่ยวซี และ ฉู่ฮวนเจา จะโกหกด้วย นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!?
เขาอยากจะลองดันทุรังต่อไปเพื่อให้ ซูอัน เปิดเผยความจริงอยู่เหมือนกัน แต่มันติดอยู่ที่ตอนนี้เขาเริ่มจะรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็โดนทำให้อับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ดังนั้นหากเขาก้าวผิดไปอีกรอบ เขาคงไม่อาจจะสู้หน้าผู้คนในสถาบันได้อีกเลย
ในเวลาเดียวกัน หยวนเหวินตง ก็สังเกตเห็นสีหน้าลังเลของเย่เฉินเหลียง เช่นกัน เขาก่นด่าฝั่งตรงข้ามอยู่ในใจ
‘ช่างเป็นคนที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี! ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องลงมือด้วยตัวเองซะแล้ว!’
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยวนเหวินตง จึงก้าวออกมาข้างหน้า “ในตอนแรกข้าเองก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ข้าทนไม่ได้จริง ๆ ที่เจ้ากล้าแอบอ้างว่าตัวเองเป็นผู้บ่มเพาะอันเก่งกาจแถมยังรู้สึกภาคภูมิใจกับการสยบผู้อื่นโดยอาศัยผู้หญิงข้างกายอีก สิ่งนี้มันไม่ต่างอะไรกับการที่เจ้าได้เหยียบย่ำเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตาของผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ที่พยายามแทบเป็นแทบตายเพื่อขึ้นมาอยู่ถึงระดับปัจจุบัน สิ่งที่พวกเราผู้บ่มมีกันในตอนนี้ไม่ใช่ว่าได้มาโดยบังเอิญ ถ้าข้ายอมให้เจ้าใช้วิธีนี้รังแกผู้คนต่อไป ในอนาคตคงมีคนรุ่นหลังอีกมากมายที่จะทุกข์ทรมานเพราะคนอย่างเจ้า ดังนั้น ข้า หยวนเหวินตง ขอเป็นตัวแทนผู้บ่มเพาะที่มุมานะทั้งหลายของสถาบันพิสูจน์ความสามารถของเจ้า มา ซูอัน เจ้าจงมาประลองพิสูจน์ความสามารถที่แท้จริงของเจ้ากับข้า!”
หลังจากได้ยิน หงซิงอิง เอ่ยว่า ซูอัน เป็นเพียงผู้บ่มเพาะพรสวรรค์ระดับติงขั้นต่ำ หยวนเหวินตง ก็รู้สึกมั่นใจมากว่าเขาคงจะไม่แพ้ ซูอัน อย่างแน่นอนหากประลองกัน
ต้องรู้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ระดับ 4 ขั้นสูงสุดอีกแล้ว เมื่อสองวันก่อน เขาเพิ่งทะลวงระดับมาเป็นระดับ 5 ได้หมาด ๆ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่ามีเพียงกี่คนเท่านั้นในสถาบันที่สามารถสู้กับเขาได้และหนึ่งในนั้นย่อมไม่ใช่ ซูอัน แน่นอน
นอกจากนี้ ซูอัน เพิ่งสร้างโอกาสเฉิดฉายให้กับเขาอีกต่างหาก นี่เป็นก้าวที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาในการยกระดับชื่อเสียงทั้งตัวเขาและตระกูลหยวนขึ้นไปอีกขั้น ตระกูลหยวน และตระกูลฉู่ แข่งขันกันมานานแล้วในเรื่องการค้าอาวุธ ดังนั้น ซูอัน จึงเป็นเหยื่อที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมากที่จะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลฉู่ เสื่อมเสีย
“เจ้าพูดราวกับว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่พยายามอย่างหนัก เจ้ารู้บ้างรึเปล่าว่าข้าเองก็พยายามอย่างหนักเหมือนกัน!” ซูอัน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิด
หยวนเหวินตง รู้สึกประหลาดใจ “เจ้าพยายามอย่างหนักตรงไหน?”
“ข้าพยายามฝึกแทบตายกว่าจะได้มาเป็นแมงดาที่เก่งกาจขนาดนี้อย่างไรล่ะ! เจ้าคิดว่าการเป็นแมงดามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอหะ?” ซูอัน ตวาดกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
บรรดาผู้คนที่ฟังอยู่ต่างอ้าปากค้าง
“บัดซบเอ๊ย! นี่มันมากเกินไปแล้ว ข้าอยากจะต่อยหน้ามันจริง ๆ !”
“ข้าด้วย!”
“งั้นเรามาลุยไปพร้อมกันเลยไหม?”
“ให้หยวนเหวินตงไปก่อนดีกว่านะข้าว่า”
…
ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวผู้ซึ่งมีร่างอันเย้ายวนผู้หนึ่งก็บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินพอดี นางหัวเราะเบา ๆ และคิดในใจ
‘ผู้ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าคนอย่าง ชูเหยียน เลือกเขามาเป็นสามีได้ยังไง?’
นางไม่สนใจการทะเลาะเบาะแว้งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ดังนั้นนางจึงเดินจากไปโดยไม่คิดจะร่วมมุงดูด้วย
ทางด้านของ หยวนเหวินตง หัวเราะเยาะเย้ยเสียงดังลั่น “แมงดา? ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าลองดูไปรอบสิ ๆ ว่าตอนนี้การเป็นแมงดามันช่วยเจ้าได้ตรงไหน? เจ้าคิดจะพึ่งพาผู้หญิงเพียงอย่างเดียวไปตลอดชีวิตน่ะเหรอ น่าหัวเราะ เอาแค่สถานการณ์ตอนนี้เจ้าก็ไม่มีทางออกแล้ว! ฉู่ฮวนเจา? หรือ จี้เสี่ยวซี? ต่อให้พวกนางทั้งสองคนรวมกันก็รับมือข้าได้ไม่ถึง 3 กระบวนท่าด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดลูกผู้ชายที่แท้จริงควรจะพึ่งพาแต่ตัวเองต่างหาก มีแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยตัวเองเท่านั้นนั่นถึงจะเรียกว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริง!”
ซูอัน ถอนหายใจยาว “เฮ้อ…เจ้านี่มันช่างเหมือนกบจริง ๆ ช่างไม่มีจินตนาการอะไรบ้างเลย… เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะแสดงให้ดูก็แล้วกันว่าข้าจะใช้ผู้หญิงผ่านวิกฤตนี้ไปได้ยังไง เพ่ยเหมียนหมาน! เจ้าช่วยมาจัดการกับไอ้โง่คนนี้ให้ข้าตรงนี้ที!”
เพ่ยเหมียนหมาน?
ชื่อนี้ทำให้ทุกคนหยุดนิ่งทันที นี่คือชื่อของสุดยอดสาวงามที่มีชื่อเสียงไม่ได้ด้อยไปกว่า ฉู่ชูเหยียน!
ว่าแต่มันจะเป็นไปได้เหรอที่เทพธิดาผู้น่าหลงใหลผู้นั้นจะเกี่ยวข้องกับไอ้คนไร้ยางอายคนนี้?
ไม่! เป็นไปไม่ได้! นั่นเป็นความคิดแรกในใจของทุกคน
ตามที่คาดไว้ ไม่มีการตอบสนองใดๆ หลังจาก ซูอัน ตะโกนเสียงดังลั่น และแน่นอนว่าผู้คนต่างก็เริ่มหัวเราะเยาะเย้ยเขา
หยวนเหวินตง หัวเราะออกมาเช่นกัน “เจ้ารู้ไหมว่าใครคือ เพ่ยเหมียนหมาน? คนอย่างนางจะมาสนใจเจ้าได้ยังไง? เจ้านี่มันไม่ต่างอะไรกับคางคกที่อยากกินเนื้อหงส์เลยจริง ๆ !”
ก่อนหน้านี้ หยวนเหวินตง เคยพยายามเข้าหา เพ่ยเหมียนหมาน อย่างสุดตัวอยู่เหมือนกัน แต่แล้วในไม่ช้าเขาก็ค้นพบว่านิสัยที่แท้จริงของเพ่ยเหมียนหมาน นั้นเย็นชาอย่างที่สุดทั้งๆ ที่ภายนอกของนางดูเป็นคนเข้าถึงง่าย และนี่ทำให้เขาคิดว่านางเป็นเป้าหมายที่ยากในการเข้าถึงมากกว่า ฉู่ชูเหยียน ซะอีก
ผู้หญิงเช่นนั้นจะมาพัวพันกับชายไร้ยางอายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างไร?
“เพ่ยเหมียนหมาน! ข้าเห็นเจ้าเมื่อกี้ ข้าบอกเอาไว้เลยว่าถ้าเจ้ากล้าเดินจากไป ข้าจะเปิดเผยทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเราให้ทุกคนที่นี่ได้รู้!” ซูอัน ตะโกนเสียงดังกว่าเดิม