เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 589 ไม่สู้ไม่รู้ผลลัพธ์
บทที่ 589 ไม่สู้ไม่รู้ผลลัพธ์
บทที่ 589 ไม่สู้ไม่รู้ผลลัพธ์
เว่ยต้านตอบคำถามของผู้เฒ่ามี่อย่างสบาย ๆ “ข้าคิดว่า การที่ซูอัน สามารถแต่งงานและกลายเป็นบุตรเขยของตระกูลฉู่ได้เป็นเพราะคำชี้แนะของเจ้า นั่นจึงทำให้ข้าเชื่อโดยไม่รู้ตัวว่าเจ้าน่าจะซ่อนตัวอยู่นอกตระกูลฉู่ การเริ่มต้นจากสถาบันจันทร์กระจ่างจึงดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดีที่สุด”
ซูอันไม่พอใจ ทำไมคนหล่ออย่างข้าถึงต้องพึ่งพาขันทีเฒ่าเพื่อที่จะเป็นลูกเขยของตระกูลฉู่?
ผู้ชายเหนียงยานคนนี้ ไม่มีทางที่จะเข้าใจว่าสาว ๆ ต่างเต็มใจโยนตัวเองมาสู่อ้อมกอดของคนที่หล่อเหลาอย่างข้า!
“นับว่าเป็นเรื่องเข้าใจได้” ผู้เฒ่ามี่พยักหน้าเข้าใจ เขากล่าวต่อ “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา องค์จักรพรรดิพลานามัยสมบูรณ์เช่นเคยหรือเปล่า?”
ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง ผู้เฒ่ามี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิ!
ตั้งแต่ชายหนุ่มเข้ามาในโลกใบใหม่นี้ เขารู้อยู่แล้วว่าถึงแม้ว่าจะมีผู้บ่มเพาะมากมาย แต่ผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอนว่าคือจักรพรรดิ!
ผู้เฒ่ามี่เองก็ทำงานรับใช้จักรพรรดิโดยตรง! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ระดับการบ่มเพาะของเขาถึงได้สูงมากเช่นนี้
“อิ๋งน้อย ข้าแปลกใจที่เจ้ายังคงมีแก่ใจคิดถึงองค์จักรพรรดิ” เว่ยต้าน เย้ยหยัน “แต่หลายปีที่ผ่านมา อาการของฝ่าบาทมีแต่จะยิ่งย่ำแย่ลง”
ผู้เฒ่ามี่ตกตะลึง “เป็นไปได้อย่างไร ระดับการบ่มเพาะขององค์ฝ่าบาทนั้นเลิศล้ำ ทำไมสุขภาพถึงทรุดโทรมลงได้?”
เว่ยต้านพ่นลมหายใจ “ทำไมเจ้าถึงถามคำถามที่เจ้าก็รู้คำตอบอยู่แล้ว? ไม่ว่าการบ่มเพาะขององค์จักรพรรดิจะเลิศเลอเพียงใด เขาก็ไม่อาจหลีกหนีจากความชราภาพได้ นั่นคือเหตุผลที่องค์จักรพรรดิส่งเจ้าและคนอื่นออกตามหา ‘วิชาวัฏจักรหงส์อมตะ’ ซึ่งสามารถให้ชีวิตนิรันดร์ได้ แต่ใครเลยจะคาดคิดว่าพวกเจ้าทุกคนกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
ซูอันตกใจ ข้าสามารถได้รับชีวิตนิรันดร์ด้วยการบ่มเพาะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะงั้นเหรอ?
สิ่งหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้จากโลกนี้คือ ไม่ว่าผู้บ่มเพาะในโลกจะมีระดับการบ่มเพาะสูงขนาดไหน พวกเขาก็ยังคงกลัวความโหดร้ายของกฎแห่งกาลเวลา แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าวันหนึ่งก็ต้องถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน และยังไม่มีใครเลยที่จะสามารถบรรลุความเป็นอมตะสำเร็จ
วิชาวัฏจักรหงส์อมตะวิเศษพอที่จะทำให้มนุษย์เป็นอมตะเลยงั้นเหรอ?
ไม่น่าแปลกใจเลยที่การฝึกฝนมันช่างยากเย็นเหลือเกิน การเลื่อนระดับแต่ละครั้งต้องใช้ผลไม้พลังชี่มากมาย!
“องค์จักรพรรดิคิดว่าพวกเจ้าทุกคนเสียชีวิตจากการตามหาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ เป็นเวลานานที่ทั้งราชสำนักเสียใจกับการจากไปของเจ้า” น้ำเสียงของเว่ยต้านเปลี่ยนไป “อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้สืบสวนเรื่องนี้ก็ได้ค้นพบบางสิ่งเข้า
“แผนของเจ้าแนบเนียนมาก เจ้าทำให้ศพทุกศพเว้าแหว่งหายไปเพื่อให้ดูเหมือนว่าถูกสังหารโดยสัตว์ร้าย จากนั้นเจ้าก็ใช้ชิ้นส่วนจากศพอื่น ๆ เพื่อสร้างศพปลอมของเจ้า” เว่ยต้านมีสีหน้าชื่นชม “อย่างไรก็ตาม ศพของเจ้ากลับเป็นศพเดียวที่ไม่มีหัว ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราย่อมสงสัย จนกระทั่งเราได้รับรู้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งว่าเจ้ามีรอยแผลเป็นที่ด้านหลัง เราจึงสามารถระบุได้ว่าศพนั้นไม่ใช่เจ้า”
ผู้เฒ่ามี่ถอนหายใจ “เป็นเช่นนั้นเองหรือ? ข้าคิดว่าข้าได้ใช้ความระมัดระวังทุกอย่างแล้ว เฮ้อ…เป็นข้าที่พลาดเองที่ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าบนแผ่นหลังของข้ามีแผลเป็นปรากฏอยู่ รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำให้แผนการที่แนบเนียนของข้าพังทลายลง”
“สวรรค์นั้นยุติธรรมเสมอ ผู้กระทำผิดไม่มีทางรอด” เว่ยต้านยิ้ม หลังจากใช้เวลาสืบสวนเรื่องนี้มายาวนานในที่สุดก็เห็นผล
ในที่สุดซูอันก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ผู้เฒ่ามี่คงเป็นผู้นำกลุ่มค้นหา ‘วิชาวัฏจักรหงส์อมตะ’ ในตำนาน แต่ความโลภก็ครอบงำเขาในที่สุด เขาฆ่าคนอื่นและทำให้ดูเหมือนสมาชิกทั้งกลุ่มถูกฆ่าตาย
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมในระดับหนึ่ง ผู้เฒ่ามี่คนนี้ช่างกล้าหาญจริง ๆ เขากล้าที่จะโลภในสิ่งที่จักรพรรดิต้องการมากที่สุด!
ผู้เฒ่ามี่ถอนหายใจ “ข้าทำอย่างนั้นเพราะการค้นหาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะของเราล้มเหลว ข้ากลัวว่าองค์จักรพรรดิจะลงโทษข้า รวมไปถึงข้าเบื่อหน่ายกับการแก่งแย่งอำนาจในราชสำนัก ข้าจึงอยากปลดปล่อยตัวเองออกมาใช้ชีวิตอิสระ”
“เจ้ากำลังจะบอกว่า เจ้าไม่พบวิชาวัฏจักรหงส์อมตะงั้นเหรอ?” เว่ยต้าน เย้ยหยัน “เจ้าเห็นข้าเป็นเด็กอมมือหรือไง? มอบมันมาซะตอนนี้ ข้าอาจจะโน้มน้าวองค์จักรพรรดิให้ช่วยละเว้นเจ้าได้!”
ผู้เฒ่ามี่รู้ดีว่าเขาไม่มีทางตบตาสหายเก่าผู้นี้ของตนเองได้ เขาจึงถอนหายใจ “ต่อให้ข้ามอบมันให้เจ้า ข้าก็ไม่มีทางที่จะรอดพ้นการลงทัณฑ์ เจ้าไม่ใช่เหรอที่ทำกับข้าเหมือนเป็นเด็กอมมือ?”
ดวงตาของเว่ยต้านหรี่ลง เขาเดินก้าวมาข้างหน้า “อิ๋งน้อย ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังเสนอให้เราหาข้อยุติโดยการใช้กำลัง?”
ผู้เฒ่ามี่เย้ย “เจ้าแน่ใจเหรอว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้?”
หลังจากพูดจบผู้เฒ่ามี่ก็ยืดตัวตรงจากปกติที่เขามักจะยืนหลังค่อม ทันใดนั้นร่างกายที่เหี่ยวเฉาของเขาก็ดูสูงส่งและเต็มไปด้วยความน่ายำเกรง
หัวใจของซูอันเริ่มเต้นแรง เขารู้ว่าทั้งสองคนกำลังจะต่อสู้กัน ผู้เฒ่ามี่ เคยเป็นปริศนาในสายตาของเขามาโดยตลอด และการบ่มเพาะของ เว่ยต้านก็น่ากลัวเช่นกัน
ถ้าซูอันไม่ได้จุดไฟเผาห้องในครั้งนั้น เพ่ยเหมียนหมานจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน แม้ว่านางเตรียมการมาอย่างดี
ไม่รู้ว่าสองคนนี้คนใดจะชนะหากพวกเขาต่อสู้กัน
เว่ยต้านหัวเราะเยาะกับความพยายามในการข่มขู่ของผู้เฒ่ามี่ “อิ๋งน้อย ครั้งเมื่อเราทั้งคู่เป็นขันทีในราชสำนัก การบ่มเพาะของข้าก็แข็งแกร่งที่สุดเสมอในขณะที่เจ้าอยู่ในอันดับที่สองรองจากข้าโดยตลอด ข้าไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านมาหลายปี ความมั่นใจของเจ้าจะเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้!”
ผู้เฒ่ามี่ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้บ่มเพาะควรมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองและยอมรับต่อความท้าทายตรงหน้าเสมอ อย่าด่วนสรุปหากเรายังไม่ได้สู้กัน ผลลัพธ์จะยังคงไม่มีอะไรแน่นอน”
เว่ยต้านทำสีหน้าไร้อารมณ์ “คำพูดของเจ้านับได้ว่าถูกต้อง! อารมณ์ของเจ้าดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าจะสามารถจัดการกับคนทรยศของตระกูลฉู่ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเขาจะไม่สูงอะไรนัก”
ดวงตาของผู้เฒ่ามี่หรี่ลง “เจ้าเห็นทุกอย่างเลยสินะ?”
เว่ยต้านยิ้ม “ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้แล้วนี่ว่าข้ากำลังตรวจสอบทุกคนที่อยู่รอบตัวซูอัน เมื่อข้าเสร็จสิ้นการสืบสวนในสถาบันจันทร์กระจ่างแล้วตระกูลฉู่จึงเป็นเป้าหมายต่อไป ในตอนแรกข้าคิดว่ามันจะลำบากสักเล็กน้อยเพราะตระกูลฉู่มีสมาชิกอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เจ้ากลับใจกว้างทำให้งานของข้าง่ายขึ้นโดยการลงมือกับคนเหล่านั้น ด้วยการลงมือที่เอิกเกริกของเจ้า ถ้าข้ายังหาเจ้าไม่เจอ ทุกวันนี้ข้าคงไม่ได้รับความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิให้ออกมาทำงานสำคัญหรอกจริงไหม?”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงสงสัย “ข้าค่อนข้างสงสัยจริง ๆ ทำไมเจ้าถึงเสี่ยงที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลฉู่ เด็กคนนั้นซูอันสำคัญกับเจ้ามากเลยงั้นหรือ? ทำไมเจ้าเอาความปลอดภัยของตัวเองมาเสี่ยงกับเด็กคนนั้น?”