เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 462 เข้าทางประตู
บทที่ 462 เข้าทางประตู
บทที่ 462 เข้าทางประตู
ฉินหว่านหรูระงับความโกรธของนาง “ตระกูลฉู่ของเรามักทำทุกสิ่งอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ดังนั้นธุระทุกอย่างสามารถพูดได้ในที่สาธารณะทั้งหมด เจ้าบอกมาเลยจะดีกว่าว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!?”
ชิวฮัวเล่ยกะพริบตาสองสามครั้ง “แต่ข้าไม่ใช่คนของตระกูลฉู่” นางพูดอย่างไร้เดียงสา
ดวงตาขนาดใหญ่ที่กะพริบนั้นดึงดูดความสงสารของทุกคน
ลมหายใจของฉินหว่านหรูสะดุดลง นางจิ้งจอกนี่…ถ้าข้าเป็นผู้ชาย ข้าคงปฏิเสธนางไม่ได้จริง ๆ เช่นกัน!
ขณะที่ตัวนางกำลังจะลุกเป็นไฟ ชิวฮัวเล่ยก็กล่าวต่อว่า “สิ่งที่ข้าต้องการจะพูดถึงไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนจากคุณหนูใหญ่ เพียงแค่หาที่เงียบ ๆ คุยกันได้หรือไม่?
แม้ว่านางจะตอบคำถามของฉินหว่านหรู แต่ความสนใจส่วนใหญ่ของนางอยู่ที่ฉู่ชูเหยียน
ก่อนหน้านี้นางเคยไม่พอใจที่ฉู่ชูเหยียนเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่าง เพียงเพราะสถานะของนางเป็นลูกสาวของท่านอ๋องฉู่
แต่ตอนนี้เมื่อพวกนางได้พบกันแล้ว นางจึงไม่สามารถหาข้อบกพร่องในตัวอีกฝ่ายได้เลย ไม่ว่านางจะตั้งมาตรฐานไว้สูงเพียงใด…
ฉู่ชูเหยียนดูเก่งกาจและสง่างาม และสิ่งที่ทำให้ชิวฮัวเล่ยอิจฉามากขึ้นคือกลิ่นอายแห่งความห่างเหินที่ฉู่ชูเหยียนแผ่ออกมาราวกับว่าได้ก้าวข้ามความกังวลของโลก ซึ่งนี่มันคือสิ่งที่นางขาดมาโดยตลอด
ชิวฮัวเล่ยสูดหายใจเข้าลึก เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ความสง่างามของนางจะถูกลดทอนลงไป เมื่อนางต้องรับบทเป็นนางคณิกาของหอสุขนิรันดร์ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้ชายอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่ชิวฮัวเล่ยกำลังประเมินอีกฝ่าย ฉู่ชูเหยียนก็ทำเช่นเดียวกัน
ครั้งแรกที่นางได้ยินว่าซูอันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคณิกาอันดับหนึ่งของหอสุขนิรันดร์ นางไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย แม้จะแสดงความไม่พอใจออกมาภายนอกอยู่บ้างก็ตาม
ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันกับนาง นางมีความมั่นใจในตัวเองอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือกิริยาของนาง
ไม่ว่าผู้คนในเมืองจันทร์กระจ่าง จะยกย่องชิวฮัวเล่ยมากเพียงใด นางก็ปฏิเสธมันด้วยเสียงหัวเราะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนนี้นางได้เห็นผู้หญิงที่สวยเป็นพิเศษคนนี้ต่อหน้านางแล้วก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย นางพลาดหรือไม่ที่ปล่อยให้ซูอันเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้?
ซูอันที่เฝ้าดูจากด้านข้างอย่างสนุกสนาน แต่แล้วทันใดนั้นก็รู้สึกเย็นวาบที่กระดูกสันหลัง เขามองประเมินบริเวณโดยรอบของเขาทันที
หนาวอะไรกัน ที่นี่ไม่มีแม้แต่ลม!
ฉินหว่านหรูมองไปรอบ ๆ มีคนจำนวนมากเกินไปมารวมกันที่นี่ แม้ว่าจะมีทหารคุ้มกันของตระกูลฉู่อยู่ด้วย แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่สายลับจะแทรกซึมอยู่ในฝูงชนกลุ่มนี้
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเข้าไปข้างในกันก่อนก็แล้วกัน!” นางพูดอย่างเย็นชาก่อนที่จะหมุนตัวและเดินจากไป พร้อมกับดึงสามีของนางที่ยังคงเหม่อลอยให้ตามนางไปด้วย
“ขอบคุณฮูหยิน…” ชิวฮัวเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางโบกมือให้คนรับใช้ของนางรออยู่ข้างนอก แล้วค่อย ๆ เดินตามเข้าไปข้างในอย่างอ่อนช้อย
เจ้าขอบคุณข้าเรื่องอะไร? ฉินหว่านหรูงงงวย แต่วินาทีถัดมา สีหน้าของนางก็แข็งค้าง
นี่นางเพิ่งปล่อยให้คณิกานางนี้ผ่านประตูเข้ามาไม่ใช่เหรอ?
นางจิ้งจอกตัวนี้ช่างฉลาดแกมโกงจริง ๆ!
นางมองหญิงสาวอีกครั้ง แต่สีหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ฉินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่านางคิดมากไปหรือเปล่า
เมื่อกลุ่มของพวกเขาเข้าไปด้านในคฤหาสน์ ฉินหว่านหรูก็ไล่ทุกคนให้แยกย้ายกันออกไป จากนั้นนางก็มองไปที่ชิวฮัวเล่ย “ตอนนี้พูดได้หรือยัง?”
ชิวฮัวเล่ยยิ้ม นางมองไปที่ซูอันที่อยู่ข้าง ๆ นาง “อาซู ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าไปโน่นมานี่ตลอดวัน เจ้ากำลังมองหานายน้อยจากตระกูลหวางใช่หรือไม่?”
ซูอันพยักหน้า “เจ้ารู้ได้ยังไง? นั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังทำอยู่ แต่ข้าไม่พบร่องรอยของเขาเลย!”
ฉินหว่านหรูขมวดคิ้ว นางค่อนข้างไม่มีความสุขที่พวกเขาเผยแพร่ข้อมูลสำคัญดังกล่าวให้คนนอกทราบ หากคำพูดนี้แพร่ออกไป…หวางฝูจะไม่ปรากฏตัวขึ้นทันทีและก่อความวุ่นวายอีกเหรอ?
อย่างไรก็ตาม มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหยุดทั้งสองในตอนนี้ ที่เลวร้ายที่สุด พวกเขาสามารถกักขังชิวฮัวเล่ยไว้ที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับหลุดออกไป
ฮึ่ม! ผู้ชายในบ้านนี้คงมีความสุขจนล้นทะลักถ้าข้าทำอย่างนั้น
ชิวฮัวเล่ยกล่าวว่า “จริง ๆ แล้วข้ามีข่าวเกี่ยวกับนายน้อยหวาง และต้องการแจ้งให้เจ้ารู้เนื่องจากข่าวนี้อาจมีความสำคัญสำหรับเจ้า”
…
ในขณะเดียวกัน ในที่ซ่อนลับของกลุ่มวาฬ หัวหน้ากลุ่มสาวกำลังถามคำถามที่คล้ายกัน “ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าหัวหน้าเฉินเก็บหวางหยวนหลงไว้ที่ไหน?”
การแสดงออกของเฉินเซวียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว “หัวหน้ากลุ่มวาฬ เจ้าคาดหวังอะไรถึงถามคำถามนี้?”
หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้คนทั้งเมืองกำลังค้นหาหวางหยวนหลงอยู่ หากพบเขาในขณะที่ท่านยังอยู่ที่นี่ ข้อตกลงของเราจะไม่ถูกทำลายไปเหรอ?”
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครหาหวางหยวนหลงเจออย่างแน่นอน!” เฉินเซวียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“งั้นก็ดีแล้ว” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน “ยังไงก็ตาม ข้าได้ยินมาว่าหัวหน้าเฉินต้องการจะฆ่าคนที่ชื่อซูอันงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง!” ใบหน้าของเฉินเซวียนบิดเบี้ยวทันทีที่ได้ยินชื่อซูอัน ไม่มีทางที่เขาจะอยู่ใต้ท้องฟ้าเดียวกันกับคนที่ฆ่าน้องชายของตัวเองได้
และยิ่งไปกว่านั้น ไอ้เด็กนั่นยังทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนโง่ตอนอยู่ที่หอสุขนิรันดร์ แค่เอ่ยถึงไอ้เด็กเหลือขอก็เพียงพอที่จะทำให้เขาโมโหแล้ว
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 404!
—
เฉินเซวียนมองหญิงสาวอย่างสงสัย “ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงเอ่ยชื่อไอ้เด็กเวรนั่น?”
หญิงสาวยิ้มจางๆ “แค่ความอยากรู้อยากเห็นน่ะ ข้าไม่เคยได้ยินว่าคนที่ถูกหัวหน้าเฉินหมายหัวแล้วจะรอดไปได้สักคน แต่นี่เวลามันก็ล่วงเลยไปสองสามวันแล้ว แต่คนที่ชื่อซูอันยังมีชีวิตอยู่เลย ข้าจึงสงสัยว่าซูอันคนนี้มีดีอะไรกันแน่?
เฉินเซวียนเย้ยหยันอย่างโกรธจัด “มันไม่ได้มีดีอะไรทั้งนั้น! มันแค่มีภรรยาและพ่อตาที่แข็งแกร่ง มันไม่ง่ายเลยที่จะฆ่าลูกเขยของตระกูลฉู่!”
ครั้งสุดท้ายที่เจอซูอัน เขาทำได้เพียงมองไอ้หนูนั่นจากเงามืดเท่านั้น เขาแน่ใจว่ามีการซุ่มโจมตีรออยู่ ซึ่งทำให้เขาระมัดระวังในการเคลื่อนไหวมากขึ้น
เหตุผลที่ค่ายเมฆาทมิฬ อยู่ได้นานขนาดนี้ไม่ได้เป็นเพราะระดับการบ่มเพาะของเขาสูงส่ง แต่เป็นเพราะความรอบคอบทั้งนั้น
โชคดีที่แม้ว่าเฉินเซวียนจะยังไม่สามารถฆ่าซูอันได้ แต่เขาสามารถลักพาตัวหวางหยวนหลงมาได้สำเร็จ
“ข้าเคยได้ยินบางอย่างเกี่ยวกับลูกเขยคนใหม่ของตระกูลฉู่เช่นกัน เขาไม่เพียงแต่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของตระกูลฉู่เท่านั้น แต่เขายังมีตำแหน่งในสถาบันจันทร์กระจ่าง หากท่านไม่ว่าอะไรข้าขอถามสักหน่อยได้หรือไม่ว่าหัวหน้าเฉินวางแผนจะฆ่าเขายังไง?” หญิงสาวยังคงซักถามต่อไปอย่างสงสัย
“หลังจากที่ข้าฆ่าเขาไปแล้ว เจ้าก็จะรู้เอง!” เห็นได้ชัดว่าเฉินเซวียนไม่ต้องการเปิดเผยแผนของเขา และการซักถามของนางทำให้เขาระวังตัวมากขึ้น
หญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของเขา “ได้โปรดอย่ากังวลไปเลย ข้าแค่สงสัยว่าหัวหน้าเฉินต้องการความช่วยเหลือจากกลุ่มวาฬของเราหรือไม่?”
เฉินเซวียนส่ายหัว “ไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครเวลาที่ข้าต้องการให้ใครสักคนตาย!” เขาพูดอย่างเย็นชา
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอให้หัวหน้าเฉินประสบความสำเร็จ” รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้หญิงคนนี้ มันมากเกินพอที่จะละลายหัวใจของผู้ชายสักคน
เฉินเซวียนจ้องมองนางอย่างหิวกระหาย เขาเกิดความคิดขึ้นอย่างกะทันหันที่จะวิ่งไปกระชากผ้าที่ปิดบังใบหน้าของนางออก แต่สุดท้ายความยับยั้งชั่งใจที่มีเหตุผลของเขาก็เป็นฝ่ายกำชัยชนะ
เขาลุกขึ้นพลางบอกลานาง “ในเมื่อเราตกลงกันได้แล้ว ข้าขอลา!”
เขาหายตัวมาที่นี่นานแล้ว ด้วยความกังวลเล็กน้อยว่าเรื่องแปลก ๆ ที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ในเมือง มันอาจจะดีกว่าที่จะรีบกลับไปตรวจดูความเรียบร้อย
สำหรับผู้หญิงคนนี้ สักวันนางจะเป็นของเขาอยู่ดี!
“รักษาตัวด้วย ข้าขอไม่ส่งท่านล่ะ แต่เราจะได้พบกันอีกแน่นอน” หญิงสาวโค้งคำนับ
เฉินเซวียนหัวเราะเสียงดัง “หัวหน้ากลุ่มวาฬผู้งดงาม แน่นอน ข้าหวังว่าจะได้พบกับเจ้าอีก” พูดจบประโยคเขาก็จากไป
จากนั้นหญิงชุดแดงก็ถอดผ้าคลุมหน้าออก นางเยาะเย้ย “แค่คางคกชั่ว ๆ ตัวหนึ่ง!”
ซูอันจะต้องตกใจอย่างแน่นอนถ้าเขาอยู่ที่นั่น นางเป็นคนที่เขารู้จัก! สิ่งที่น่าจะทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นคือเครื่องแต่งกายของนางแตกต่างไปจากที่เขาคุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง