เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 352 ออกตัวแทน
บทที่ 352 ออกตัวแทน
บทที่ 352 ออกตัวแทน
รอยยิ้มจาง ๆ ของฉู่ชูเหยียนทำให้หงซิงอิงเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่าคุณหนูยิ่งสวยขึ้นไปอีก ในอดีตนางให้ความรู้สึกเหมือนดอกไม้ที่เอื้อมไม่ถึง สูงส่งเหนือมนุษย์ แต่ปัจจุบันนางดูเหมือนจะสั่งสมความสง่างามแบบผู้หญิงมากขึ้น ทำให้นางยิ่งดูเย้ายวนมากกว่าเก่า
นี่เป็นผลจากการที่นางแต่งงานแล้วหรือเปล่า?
หงซิงอิงรู้ว่าฉู่ชูเหยียนและซูอันเป็นสามีภรรยากันเพียงในนาม แต่เขาก็ยังไม่สามารถระงับความอิจฉาริษยาในใจได้
ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เลวนี่เข้ามาแทรก ข้าคงได้เป็นสามีของคุณหนูแล้ว นางควรจะเป็นของข้า!
—
ท่านยั่วยุหงซิงอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
เพ่ยเหมียนหมานเหลือบมองหงซิงอิง ก่อนที่จะหันหลังกลับและพูดขึ้นกับฉู่ชูเหยียนด้วยรอยยิ้มหยอกล้อว่า “ชูเหยียน ลูกน้องของเจ้าดูเหมือนจะชื่นชอบเจ้ามาก”
ฉู่ชูเหยียนส่ายหัว ไม่สนใจที่จะตอบอะไร หลายปีที่ผ่านมามีผู้คนมากมายที่แสดงความรักต่อนาง ดังนั้นจะให้นางเอาเวลาไปสนใจทุกคนก็คงไม่ได้ เวลาของนางมีค่ายิ่งกว่าการไปเสียเวลากับเรื่องรักใคร่พวกนี้…
ในเวลาเดียวกัน ซูอันก็ตกใจที่ได้รับคะแนนความโกรธแค้นจากหงซิงอิง อย่างกะทันหัน โว้ว…ข้าไม่รู้ว่าเขาเก็บความคับแค้นใจไว้ให้ข้ามากขนาดนี้!
หลังจากทุกสิ่งที่ผ่านมาในสุสานใต้ดิน ชายหนุ่มได้เติบโตขึ้นไม่เพียงแต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง แต่ยังมีมุมมองโลกที่เปลี่ยนไปอีกด้วย เขาเห็นว่าโลกนี้กว้างใหญ่กว่าที่เขาเคยเห็นมาจนถึงตอนนี้ และไม่คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะเสียเวลากับคนอย่างหงซิงอิงอีกต่อไป
แต่ถึงกระนั้น มันไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บคนที่เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาร้ายไว้ใกล้ตัว เขาจะต้องหาวิธีจัดการกับหงซิงอิงทันทีและตลอดไป
“พี่อาซู ท่านเลือดออกมาก! ท่านเป็นยังไงบ้าง?”
หลังจากตรวจสอบอาการของเฉียวเสวี่ยอิงแล้ว จี้เสี่ยวซีก็สังเกตเห็นว่า ซูอันก็มีเลือดไหลเช่นกัน เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่งยิ่งกว่าขอทานแสดงให้เห็นว่าเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา
ซูอันตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าสบายดี ถ้ายังกังวลอยากตรวจชีพจรของข้าสักหน่อยไหม?”
เขายื่นมือให้นางในขณะที่พูด
สภาพของซูอันดูย่ำแย่เกินกว่าที่จี้เสี่ยวซีจะปักใจเชื่อได้ แม้ว่าเขาจะเอ่ยปากรับรอง แต่ด้วยความเป็นห่วงนางจึงวางนิ้วบนข้อมือของชายหนุ่มเพื่อจับชีพจรและวินิจฉัยอาการของเขา
“เสี่ยวซี ข้ารู้สึกขอบคุณเจ้าจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงตายไปหลายรอบแล้ว” ซูอันกล่าว
หากไม่ใช่เพราะยาจำนวนมหาศาลที่นางมอบให้เขา ไม่มีทางที่ซูอันจะสามารถผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากทั้งหมดมาได้
เพียงไม่กี่วัน ชายหนุ่มได้พบกับทหารผีดิบ ซึ่งถูกซือคุนและลูกน้องโจมตี และเผชิญกับวิกฤตทุกประเภทในสุสานใต้ดิน สรุปแล้ว เขาต้องต่อสู้อย่างน้อยสิบครั้ง ต้องขอบคุณยาของนางที่ทำให้เขาสามารถผ่านสิ่งเหล่านี้มาได้
“ท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ท่านเองก็ช่วยชีวิตข้าไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าคงถูกผีดิบพวกนั้นฆ่าตายไปแล้ว” ซูอันสัมผัสได้ถึงความสำนึกในบุญคุณอย่างจริงจังในดวงตาและน้ำเสียงของจี้เสี่ยวซี
ซูอันระเบิดเสียงหัวเราะ “ฮ่า ๆ งั้นก็เลิกคุยอย่างเป็นการเป็นงานได้แล้ว ในฐานะเพื่อนเราไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรกันให้มากมาย อ่า อะไรทำให้พวกเจ้ามาที่นี่กัน?”
ก่อนที่จี้เสี่ยวซีจะตอบ ไป๋ซู่ซู่ก็ชิงพูดขึ้นก่อน “ทั้งหมดเป็นเพราะเสี่ยวซี ไม่นานมานี้ นายน้อยซือกลับไปในสภาพที่ดูไม่ได้เลย เขาบอกเราว่าพวกผีดิบที่น่าสะพรึงกลัวได้จับตัวพวกเจ้าทั้งหมดแล้ว
“ทุกคนตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ซือคุนเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง และยังมีลูกน้องที่เป็นผู้บ่มเพาะอีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น เขามีวิธีการรักษาชีวิตมากมายที่ตระกูลซือมอบให้ ถ้าขนาดเขายังเอ่ยปากว่าน่าสะพรึงกลัว คงไม่ต้องบอกว่ามันเลวร้ายแค่ไหน”
“คนส่วนใหญ่ต้องการออกจากพื้นที่ แต่เสี่ยวซีขอร้องให้เราช่วยเจ้า ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจมาที่นี่”
ไป๋ซู่ซู่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ถ้ามีแค่ซูอัน ต่อให้ตายไปพวกเขาคงไม่สนใจ อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือฉู่ชูเหยียนก็อยู่กับเขาเช่นกัน ถ้านางต้องตายภายใต้การดูแลของสถาบันจันทร์กระจ่าง พวกเขาคงไม่สามารถอธิบายกับตระกูลฉู่ได้
ดังนั้นเขาจึงมารวมกลุ่มกับลู่เต๋ออย่างรวดเร็ว และรวบรวมนักศึกษาที่แข็งแกร่งมาสำรวจพื้นที่ แต่ก่อนที่พวกเขาจะพบกับอันตรายใด ๆ ก็ได้พบกับทั้งสามโดยไม่คาดคิด
ใบหน้าของเฉียวเสวี่ยอิงกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าซือคุนพูดกับคนอื่นอย่างไร ดูเหมือนนางเกือบจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดนางก็รั้งตัวเองไว้
ในทางกลับกัน ซูอันตะโกนเสียงดังก้อง “ตอนนี้ไอ้เวรซือคุนอยู่ที่ไหน!!”
“อุ๊ย…ทำไม จู่ ๆ ก็ตะโกนซะดัง? ข้าตกใจจนหัวใจข้าจะวายแล้ว!” ไป๋ซู่ซู่ตบหน้าอกตัวเองเบา ๆ เหมือนผู้หญิงที่ขี้กลัวและออดอ้อน
“…” ซูอัน
ข้าคิดว่าคนหล่อ ๆ อย่างข้าควรอยู่ห่างจากเขาสักหน่อย มิฉะนั้นเขาอาจจะมีแรงจูงใจแอบแฝงกับข้า!
ด้วยความคิดดังกล่าว ซูอันจึงถอยห่างจากไป๋ซู่ซู่หลายก้าว
“ซือคุนบาดเจ็บสาหัส เลยไม่ได้มาด้วย” ไป๋ซู่ซู่ตอบ
“ฮ่า ๆ ไอ้สารเลวนั่น!” ซูอันเยาะเย้ย เขาคิดว่าซือคุนจะต้องรู้สึกผิดเลยไม่กล้าตามมาที่นี่
“มีอะไรงั้นเหรอ?” ไป๋ซู่ซู่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของซูอัน จึงถามด้วยความอยากรู้
“ไอ้สารเลวนั่นพยายามจะฆ่าข้าและชูเหยียน เราสองคนเกือบตายในสุสานใต้ดิน” ซูอันคำราม เขาชี้ไปที่เฉียวเสวี่ยอิงก่อนพูดต่อ “เขายังผลักนางใส่ผีดิบเพื่อที่ตัวเองจะได้หลบหนีสำเร็จ ถ้าไม่ใช่เพราะเทพธิดาแห่งโชคประทานพร ป่านนี้พวกเราคงตายกันไปหมดแล้ว!”
เฉียวเสวี่ยอิงที่ยังคงสะลึมสะลือจากอาการบาดเจ็บเมื่อนางได้ยินคำพูดของเขา ขนตาของนางก็สั่นเล็กน้อย หญิงสาวดูขมขื่นเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ฝูงชนต่างพากันโวยวายเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ต้องรู้ว่านักศึกษาไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้กัน นับประสาอะไรกับการฆ่ากันเองหรือผลักเพื่อนไปตายแทนตัวเอง การกระทำเหล่านี้ล้วนผิดต่อข้อห้ามของสถาบันอย่างร้ายแรง!
“ไร้สาระ!” อู๋ฉิงกระโดดออกมาและกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “คนอย่างนายน้อยซือจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? เจ้ากำลังใส่ร้ายเขา!”
แม้ว่าคนที่นางเพ้อฝันถึงคือเซี่ยซิว แต่นางเองก็รู้สึกชื่นชอบซือคุนด้วย สุดท้ายแล้ว คนส่วนใหญ่ต่างมองว่าซือคุนเป็นสุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรมสูงส่ง มีเพียงต่อหน้าซูอันเท่านั้นที่ซือคุนจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
นอกจากนี้ ตระกูลอู๋ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฉู่เช่นกัน และนางก็เกลียดชังซูอันเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่รีรอที่จะหักล้างคำพูดของชายหนุ่ม
คำพูดของนางได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากฝูงชน ซูอันไม่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักศึกษามากนัก และสิ่งที่ซือคุนกล่าวถึงก่อนหน้านี้ก็ขัดแย้งกับสิ่งที่เขาพูด
ในบรรดาฝูงชนทั้งหมด คนเดียวที่รู้ว่าซูอันพูดความจริงคือเจิ้งตาน แต่อย่างไรก็ตาม ตระกูลซือเป็นพันธมิตรกับตระกูลเจิ้ง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อพูดต่อว่าซือคุนได้
ซูอันกลอกตา “เจ้าเป็นเมียน้อยของซือคุนเหรอ? ทำไมเจ้าถึงโผล่ออกมาทันทีที่ข้าพูดถึงเรื่องนี้?
“ม…เมียน้อย?!” อู๋ฉิงประหลาดใจอย่างยิ่ง นางเป็นธิดาของอ๋องหยางเฉวียนที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ดังนั้นจะเคยมีใครกล้าพูดจาหยาบคายกับนางแบบนี้?
—
ท่านยั่วยุอู๋ฉิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 581!
—
“แปลกนะ ถ้าเจ้าไม่ใช่เมียน้อยของไอ้ซือคุน และเจ้าไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตาของเจ้าเอง ทำไมเจ้าถึงยืนยันว่าข้าพูดเรื่องไร้สาระ?”