เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 281 ยิ่งลึกยิ่งอันตราย
บทที่ 281 ยิ่งลึกยิ่งอันตราย
เมื่อซูอันอุ้มฉู่ชูเหยียนเดินผ่านประตูหิน เขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าภายในถ้ำไม่มืดอย่างที่คาดไว้
หลังประตูหินมีหมอกเรืองแสงสีเทาจาง ๆ คอยให้แสงสว่าง ซึ่งทำให้บริเวณโดยรอบดูมืดหม่น มันดูคล้ายกับควันที่ลอยอยู่เหนือหมู่บ้านเล็ก ๆ ทั่วไปเพียงแต่ว่าควันนี้ไม่ได้หมายถึงชีวิต…แต่เป็นความตาย
ลมเย็นยะเยือกพัดมาทำให้ซูอันขนลุก บริเวณโดยรอบมีบรรยากาศที่อธิบายไม่ได้ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างไม่น่าเชื่อ ในเวลาเดียวกัน เขาเริ่มรู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อยจากการสูญเสียเลือดมากเกินไป
ทั้งหมดนี้ทำให้เขาตระหนักว่าสภาพแวดล้อมในถ้ำนี้ไม่เป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิต หากเป็นเกมที่เขาเคยเล่น มันจะเป็นเหมือนการติดพิษที่ค่อย ๆ ลดเลือดของตัวละครอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าผลกระทบต่อผู้บ่มเพาะจะไม่มากนัก แต่สำหรับฉู่ชูเหยียนซึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพอ่อนแออยู่แล้ว สิ่งนี้อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นซูอันจึงรีบยัดยาสองสามเม็ดเข้าไปในปากของฉู่ชูเหยียนและกินเองด้วย ซึ่งมันส่งผลให้ความรู้สึกไม่สบายบรรเทาลงได้บ้างเล็กน้อย
เขาโล่งใจที่ได้ยาฟื้นฟูมาจากเจียเจิ้งจิ่งและนักฆ่าคนอื่น ๆ รวมทั้งยาที่ จี้เสี่ยวซีมอบให้เขาก่อนที่จะแยกจากกัน พวกมันคงจะมีเพียงพอสำหรับการอยู่ที่นี่ซักพัก
สำหรับฉู่ชูเหยียน ถึงแม้ว่านางจะไม่เคยถูกผู้ชายปฏิบัติอย่างไร้มารยาทแบบนี้มาก่อน แต่นางรู้ว่าเขาทำเพื่อนาง ดังนั้นนางจึงไม่ได้โกรธเคืองอะไร ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่คุ้นเคยกับมัน หญิงสาวจึงถามว่า “ที่นี่คือที่ไหน?” เพื่อลดความกระอักกระอ่วนของตัวเอง
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าซูอันพานางหลบหนีโดยไม่มีจุดหมาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่จริงแล้วเขามีจุดหมายในใจตั้งแต่เริ่มต้น
“นี่คือถ้ำของกองทัพผีดิบ ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นสุสาน…” ซูอันรีบเล่าให้นางฟังอย่างรวดเร็วถึงสิ่งที่เขาเคยเห็นที่หุบเขาก่อนหน้านี้
“ถ้ำของกองทัพผีดิบ…” ดวงตาของฉู่ชูเหยียนเบิกกว้างด้วยความตกใจ “เราเข้ามาที่นี่มันไม่อันตรายเหรอ?!”
นางปลงตกเรื่องความตายไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหนก็ไม่เป็นอะไร แต่นางคงรู้สึกผิดถ้าซูอันตกอยู่ในอันตรายเพราะทำเพื่อนาง
“แทนที่จะยอมจำนนต่อซือคุน เรามาพนันกับที่นี่ดีกว่า บางทีถ้าเราพยายามมากพอ สวรรค์ก็อาจจะสงสารเราและชี้ทางออกให้เรา” ซูอัน พูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่ประสาทของเขาตึงเครียดพร้อมที่จะตอบสนองทันทีที่มีอันตรายเกิดขึ้น
ฉู่ชูเหยียนถอนหายใจยาวและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองเพื่อช่วยข้า เจ้าควรจะหนีไปได้คนเดียว แต่เจ้ากลับเข้ามาที่อันตรายแบบนี้เพราะข้าแท้ ๆ”
“ไม่ดีเหรอ เราจะได้เป็นคู่รักที่ตายด้วยกันไง!” ซูอันหัวเราะคิกคัก “ถึงเราจะไม่ได้เกิดในผ้าห่มผืนเดียวกัน แต่เราจะตายในหลุมศพเดียวกัน!”
ใบหน้าซีดของฉู่ชูเหยียนแดงเล็กน้อย “เวลาแบบนี้ เจ้าก็ยังคิดที่จะเอาเปรียบข้า!”
“ก็มันช่วยไม่ได้ซะหน่อย ข้ากลัวว่าต่อไปข้าอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดคำพวกนี้อีกแล้วนี่นา” ซูอันสังเกตว่าดวงตาของฉู่ชูเหยียนหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ราวกับว่านางจะหลับได้ทุกเมื่อ เขาจึงพูดทุกอย่างที่พอจะดึงดูดความสนใจของนางได้
“ถ้าเรารอดชีวิตคราวนี้ เจ้าช่วยคิดเรื่องที่เราควรนอนอยู่ห้องเดียวกันได้ไหม?” ซูอันถามด้วยรอยยิ้มทะเล้น
“แม้ในเวลาเช่นนี้ เจ้ายังมีอารมณ์จะพูดเรื่องนี้อยู่เหรอ?” ฉู่ชูเหยียนถามแทนคำตอบ
“แน่นอน การมีบางสิ่งให้ตั้งตารอก็ถือเป็นกำลังใจอย่างหนึ่งในสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่ก็นะไอ้สถานที่บ้านี่มันช่างน่ากลัวจริง ๆ”
ในขณะที่ซูอันชวนคุยไปเรื่อย ๆ พลางเดินหน้าสำรวจพื้นที่อย่างระมัดระวัง เนื่องจากหมอกสีเทาที่ปกคลุมอยู่รอบ ๆ ทำให้การมองเห็นถูกจำกัด แต่อย่างไรก็ตามเขารับรู้ได้ว่า ณ ตอนนี้จุดที่ตนเองอยู่น่าจะเป็นอุโมงค์ทางเดินที่ยาวมากๆ
แต่ทางเดินนี้ลาดเอียงลง ซึ่งหมายความว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าลงไปยังใต้ดิน บางทีคงกำลังมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของถ้ำนี้
ผนังตามทางเดินแห้งและเรียบ เมื่อสัมผัสมีเครื่องหมายแปลก ๆ อยู่ทั่วไปซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้วเหมือนจะเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บรรยายฉากของสนามรบที่น่าสยดสยอง
อย่างไรก็ตามฉู่ชูเหยียนก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ นางครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ซูอันพูดก่อนจะตอบอย่างอ่อนแรง “ทำไมเจ้าถึงยืนกรานที่จะอยู่ด้วยกันกับข้า? ไม่ใช่ว่าเจ้า…”
นางไม่ได้พูดจนจบประโยค บางทีนางอาจไม่ต้องการทำร้ายความรู้สึกของซูอัน
ซูอันระเบิดเสียงหัวเราะและพูดว่า “เจ้าคือภรรยาของข้า มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่คู่สามีภรรยาจะนอนแยกห้องกัน สำหรับสภาพร่างกายของข้า เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าได้ปรึกษากับหมอเทวะจี้ เรื่องนี้แล้ว ยาของข้าขาดส่วนประกอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากรักษาหายแล้วเราจะเป็นคู่สามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบแน่นอน!”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนแดงขึ้น นางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับประโยคสุดท้ายและถามว่า “เจ้ากำลังพูดถึง…ดอกบัวเร้นลักษณ์?”
“ใช่ ใครจะไปรู้ ข้าอาจจะพบมันที่นี่ก็ได้” ซูอันตอบ
ฉู่ชูเหยียนเงียบไป สถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความชั่วร้ายเช่นนี้ไม่น่าจะสามารถให้กำเนิดสมบัติแห่งชีวิตอย่างดอกบัวเร้นลักษณ์ได้
อย่างไรก็ตาม นางไม่ต้องการทำลายความมั่นใจของเขาในสถานการณ์อันสิ้นหวังที่กำลังเผชิญกันอยู่ นางจึงตอบไปว่า “หากเรารอดชีวิตออกไปได้ เจ้าสามารถย้ายมานอนห้องเดียวกับข้าได้”
นางรู้ดีถึงสภาพร่างกายของตัวเอง คงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะสามารถออกจากมิติลับอย่างมีชีวิต ดังนั้นนางจึงไม่รังเกียจที่จะทำให้เขาพึงพอใจก่อนที่นางจะตายสักเล็กน้อย
“จริง ๆ เหรอ?” ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ยินคำตอบรับจากฉู่ชูเหยียน
ฉู่ชูเหยียนกำลังจะตอบแต่จู่ ๆ นางก็มองเห็นอะไรบางอย่าง “นั่นคืออะไร?”
ซูอันเงยหน้าขึ้นเพื่อดูเพดานถ้ำ มันสูงกว่าที่เขาคิดไว้มาก เพดานนี้สูงไม่ต่ำกว่าสามสิบเมตรแน่นอน อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็มองเห็นจุดสีแดงที่เปล่งแสงออกมาจาง ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่บนเพดานด้วย!
พวกผีดิบเอาทับทิมไปฝังอยู่บนเพดานหรือเปล่าหว่า?
“นี่…” ซูอันไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเนื่องจากหมอกที่ปกคลุมอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ก็มีลมพัดเบา ๆ ทำให้หมอกจางลงเล็กน้อย ทำให้เขามองเห็นสิ่งที่อยู่บนเพดานได้ชัดเจนขึ้นมาก พวกมันไม่ใช่ทับทิมแต่เป็นดวงตาของค้างคาวจำนวนนับไม่ถ้วนเลยต่างหาก!
ค้างคาวเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่าที่ชายหนุ่มเคยเห็นมาไม่ว่าจะในโลกไหนก็ตาม! แต่ละตัวมีขนาดเท่ากับอ่างอาบน้ำ รูปลักษณ์ที่น่าสยดสยองและเขี้ยวอันแหลมคมบ่งบอกถึงวิถีในการหาอาหารของพวกมันอย่างชัดเจน…
“ระวังนะ พวกมันคือค้างคาวหมูป่าดูดเลือด! เป็นที่รู้กันว่าพวกมันสามารถดูดเลือดวัวให้แห้งภายในเวลาไม่กี่อึดใจ!” ฉู่ชูเหยียนเตือนซูอัน อย่างจริงจัง
แม้ว่านางจะยอมจำนนต่อโชคชะตาแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกรังเกียจสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงเช่นนี้…
เมื่อพิจารณาจากจำนวนดวงตาสีแดงบนเพดาน ต้องมีค้างคาวหมูป่าดูดเลือดอย่างน้อยหนึ่งพันตัว ซูอันกลืนน้ำลาย หากพวกมันทั้งหมดรู้สึกตัวแล้วพุ่งลงมาโจมตี พวกเขาทั้งสองคงจะถูกดูดเลือดจนแห้งกรอบแทบจะในพริบตาแน่นอน!
ที่นี่คือฐานทัพผีดิบไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีค้างคาวหมูป่าดูดเลือดอยู่ที่นี่ด้วย?
ทันใดนั้น ค้างคาวที่เมื่อครู่ยังจำศีลอยู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้กลิ่นคาวเลือด สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกถึงเค้าลางความยุ่งยากในทันที
ต้องรู้ว่าทั้งเสื้อผ้าของเขาและฉู่ชูเหยียนต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสด ๆ ทั้งคู่จะต้องดูน่ารับประทานมากแน่นอนในสายตาของค้างคาวหมูป่าดูดเลือดเวลานี้…
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะหนัก ๆ ดังขึ้นข้างหลัง “ฮ่าฮ่า! ดูเหมือนว่าในที่สุดข้าก็ตามพวกเจ้าทันสักที!”
ซือคุนและคนอื่น ๆ อยู่ห่างจากพวกเขาประมาณสิบเมตรในขณะนี้ และจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ชายหนุ่มอีกฝั่งเรียกใบมีดลมออกมาหลายสิบเล่ม พร้อมที่จะจบชีวิตซูอันได้ทุกเมื่อ
ซูอันรู้ว่ามันยากที่จะจัดการกับซือคุนในสภาพปัจจุบันของเขา ดังนั้นเขาจึงยิงธนูไปที่เพดานก่อนที่จะรีบหมอบลงไปที่พื้นพร้อมกับฉู่ชูเหยียน
เมื่อถูกปลุกด้วยลูกธนูอย่างกะทันหัน ฝูงค้างคาวที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหลก็กางปีกและพุ่งลงมาทันที
“นั่นมันบ้าอะไรกัน?!”
ซือคุนตกใจเมื่อเห็นคลื่นของสิ่งมีชีวิตสีดำโฉบมาหาเขา เขาสั่งใบมีดลมที่อยู่รอบตัวเขาเข้าโจมตีพวกมันทันที ค้างคาวหมูป่าดูดเลือดสิบตัวถูกสับจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในเวลาเพียงแค่อึดใจ แต่น่าเสียดายที่การกระทำดังกล่าวไม่ต่างจากการแหย่รังแตน ค้างคาวรอบ ๆ บริเวณทั้งหมดต่างเห็นว่าซือคุนและพรรคพวกเป็นศัตรูของพวกมันและถาโถมพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
ใบหน้าของซือคุนซีดขาว เขาโคจรพลังชี่อย่างรวดเร็วเพื่อเรียกใบมีดลมวนรอบ ๆ ตัวเขาให้มากขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของค้างคาว ในขณะเดียวกัน เฉียวเสวี่ยอิงก็เรียกใบไม้สีเขียวที่แข็งแกร่งดุจดั่งเหล็กกล้าและคมราวกับใบมีดโกนบินวนรอบ ๆ ตัวนางเพื่อป้องกันการโจมตีของฝูงค้างคาว
สำหรับผู้บ่มเพาะระดับสี่ที่เหลืออยู่ พวกเขาใช้อาวุธในมือฟาดฟันค้างคาวที่พุ่งเข้ามาหาอย่างพัลวัน แต่พวกมันก็มีมากเกินไป และพวกมันทุกตัวก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง…
หนึ่งในผู้บ่มเพาะระดับสี่ได้พลาดพลั้งและจบลงด้วยการถูกโจมตีโดยค้างคาวหมูป่าดูดเลือด มันกัดที่คอของเขาและเริ่มดูดเลือด
เสียงร้องที่น่าสังเวชดังขึ้น เขาพยายามดึงค้างคาวออกจากคออย่างบ้าคลั่ง แต่การทำเช่นนั้น มันหมายความว่าเขาละทิ้งการป้องกันทั้งหมด ดังนั้นจึงมีค้างคาวตัวอื่นบินโฉบลงมาและเริ่มดูดเลือดของเขาอีกหลายตัว
เสียงกรีดร้องดังอยู่ได้ไม่นาน ร่างสูงและแข็งแรงของเขาแห้งไปอย่างเห็นได้ชัด ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจก็เหลือเพียงซากศพที่แห้งกรัง…